20 เมษายน 2552 วันนี้เป็นวันเริ่มต้นการทำงานของข้าราชการหลังจากปิดสงกรานต์มายาวนานร่วม 10 วัน ซึ่งผมต้องเดินทางไปประชุมที่ รร.ริชมอนด์ รัตนาธิเบศร์ 02-8318888 ซึ่งทั้งถนน และเบอร์โทรนี้ผมจำไม่ได้ซักทีต้องถาม 1133 ทุกครั้ง ต่อไปนี้จะจำได้แล้วละครับ ทั้งนี้พอลงเครื่องมาแล้วก็ไปขึ้นแท็กซี่ เงียบครับ เพราะมีสายการบินเดียวคือนกแอร์ กว่าแท็กซี่จะมาซักคันหนึ่งก็ต้องแบ่งปันกันตามควรแก่ฐานะ พอดีผมเจอเพื่อนแม่ด้วยก็เลยให้ท่านขึ้นก่อน แต่แท็กซี่ไม่รู้จักผมก็เลยได้ขึ้น แท็กซี่ก็ไม่รู้จัก ร.ริชมอนด์เหมือนกัน (เหมือนคราวที่แล้วที่ผมมาประชุมเรื่องหมอจอดดูกเลย) ผมก็เลยถาม 1133 ว่าโรงแรมอยู่บนถนนอะไร ตอนแรกผมเดาว่าอยู่ถนนติวานนท์ แต่ที่แท้อยู่รัตนาธิเบศร์ เอาละมาเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะเล่าจริง ๆดีกว่า คือว่าคู่ที่พักร่วมกันที่ผู้จัดการอบรมจัดให้ผมเนี่ย ปกติผมจะไม่ระบุ เพราะชอบที่จะได้เพื่อนใหม่ ก็ปรากฏว่าได้นอนห้อง 1183 คู่กับพี่กฤษณะ เภสัชกรผู้รับผิดชอบงานการแพทย์แผนไทยโรงพยาบาลกระบี่ ซึ่งย้ายไปจาก รพ.เสาไห้ ก็ไม่ได้ถามหรอกครับว่าบ้านอยู่ที่กระบี่หรือเปล่า แต่เรื่องราวที่เราพูดคุยกันเป็นเรื่องของลูกมากกว่า คือว่าพี่เขาพาลูกมาด้วยเพราะลูกมาแข่งเทนนิส เป็นสนามที่เมืองทองธานี รายการชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งพี่เขาให้รายละเอียดได้ดีมาก ประมาณว่าใส่ใจ เอาใจใส่เรื่องราวของลูกพอสมควรทีเดียวแหละ (ขอชื่นชมนะครับว่าเป็นพ่อที่ดีกว่าผมมาก) พอผมได้ยินอย่างนั้นก็หูผึ่งสิครับ เพราะลูกเราก็ตีเทนนิสเหมือนกัน ก็เลยพูดคุยรายละเอียดกันว่าเป็นอย่างไร
อีกเรื่องที่เราคุยกันและน่าสนใจคือว่าการอบรมครั้งนี้เป็นการอบรมโครงการพัมนาอุตสาหกรรมยาสมุนไพร ก็ได้ทราบจากพี่เขาว่าทำหน้าที่ผลิตยาสมุนไพรส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรเดี่ยว โดยได้ทดลองผิด ทดลองถูกกับขมิ้นชัน ซึ่งรับซื้อจากชุมชนในรูปของวัตถุดิบ หรือหัวขมิ้นชัน แต่ทั้งนี้ก็เคยได้ไปพูดคุยว่าถ้าชุมชนสามารถแปรรูปอย่างหยาบหรือบดมาให้เนี่ยน่าจะดี และให้ราคาดีด้วยแต่ชุมชนต้องทำตามเงื่อนไขหรือมาตรฐานที่กำหนดนะ ก็แน่นอนละครับที่ว่าชุมชนย่อมไม่อยากถูกกะเกณฑ์มากมายก็เลยไม่รับ ทางโรงพยาบาลเองก็เลยต้องนำมาแปรรูปที่โรงพยาบาลเอง ซึ่งมีปัญหาเรื่องการฟุ้งกระจายของฝุ่นสมุนไพรจากการบดสมุนไพร แต่ก็เพื่อให้เกิดการควบคุมคุณภาพสมุนไพรได้นั่นเอง ซึ่งก่อนที่จะนำมาบดนั้นได้ผ่านการลองผิดลองถูกอีกนั่นแหละครับ เพราะได้สอบถามไปยังมหาวิทยาลัยว่าทำอย่างให้ผ่านมาตรฐานด้านจุลินทรีย์ คำตอบคือต้องปอกเปลือกออก ซึ่งเป็นไปได้ยาก เพราะปริมาณของหัวขมิ้นชันมีจำนวนมาก เลยใช้วิธีลวก (ทราบว่าจะทำให้ลดการ AUTOLYSIS จากน้ำย่อยของหัวขมิ้นชัน) แล้วนำไปตากลม จากนั้นนำมาหั่น เปลือกที่ไม่ปอกก็ช่วยไม่ให้น้ำมันระเหยง่ายระเหยไปด้วย ส่วนเคอร์คิวมินอยด์นั่นไม่สลายตัวที่ความร้อนอยู่แล้ว ผมเลยขออนุญาตนำ BEST PRACTICE นี้มาลงเพื่อกระจายความรู้กันไปนะครับ ถ้าใครสนใจก็สอบถามกันไปเองนะครับ เพราะผมไม่ได้ขอเบอร์ท่านไว้
ไม่มีความเห็น