แม้แต่เรื่องวิทยานิพนธ์ และการศึกษาอิสระ .. Thesis และ IS ของนิสิต มมส. ซึ่งอาจารย์หลายท่านไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบ และอ่านอย่างละเอียดให้นิสิตมากนัก และบอกว่า ถึงอย่างไรทางบัณฑิตวิทยาลัยของ มมส. ก็ต้องตรวจสอบให้อยู่แล้ว บางท่านจึงไม่ใส่ใจตรวจสอบให้มากนัก
ปีที่แล้ว ในระหว่างการเรียนวิชาระเบียบวิธีวิจัย อาจารย์ผู้สอนในคณะ ได้หยิบเอา proposal ของอาจารย์ในคณะนั่นแหละ เอามาให้นิสิตดู และให้พิจารณาตามเนื้อหาที่พึ่งบรรยายไปว่า งานวิจัยของอาจารย์ที่เขียนมานั้น มีข้อบกพร่องอย่างไรบ้าง ใช้ได้หรือยัง ขาดประเด็นใด??
ซึ่งก็พบข้อบกพร่ิองหลายจุด
ก็ขนาดอาจารย์ที่จบปริญญาโทเอง เขียน proposal ยังมีจุดบกพร่องหลายจุด อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่ค่อยช่วยดูงานวิจัยของนิสิต....
หรืออาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นๆ...
เมื่อเจอท่านผู้รู้ ที่ตรวจสอบงานวิจัยของนิสิต จะพบว่า สถิติ บทคัดย่อ เนื้อหา สำนวนการเขียนใน thesis มีข้อผิดพลาดอย่างมาก จนต้องแก้ไขทั้งเล่ม
ดูจากอาจารย์บางท่านแล้ว มาจนถึงนิสิต รู้สึกเสียดายโอกาสในการฝึกฝนความชำนาญในจุดนี้ ซึ่งอาจารย์บางท่าน สามารถศึกษาเรียนรู้ไปกับนิสิตพร้อมกันได้
แต่อาจเป็นเพราะนิสิตมีเวลาในการมาพบอาจารย์น้อย มีเวลาว่างไม่ตรงกัน หรือไม่ค่อยได้มาพบอาจารย์ที่ปรึกษามากนัก เพราะต่างฝ่ายต่างมีภาระงานประจำ ทำให้เกิดข้อบกพร่องเหล่านี้ขึ้น
แต่ใน มมส.ก็มีอาจารย์อีกหลายท่าน ที่ดูแลนิสิตเป็นอย่างดี ให้คำแนะนำปรึกษา ช่วยตรวจสอบเนื้่อหา thesis ทั้งเล่ม หลังจากสอบปากเปล่าแล้ว มีการแก้ไขน้อยมาก ไม่ว่าจะเกิดปัญหาในการวิจัยประเด็นใด ท่านสามารถให้คำแนะนำ และหาทางออกในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างลงตัว
สำหรับอาจารย์บางท่าน เมื่อมีเวลาน้อยในการที่จะช่วยดูแลนิสิต เพราะมีชั่วโมงสอนมาก ก็ระบุว่า จะให้คำแนะนำแก้ไขไปอย่างไร แต่ทางบัณฑิตวิทยาลัยก็ให้แก้ไขใหม่อยู่ดี
ประเด็นปัญหาวิจัยมีหลายรูปแบบ สามารถใช้สถิติได้หลายตัว ต้องวิเคราะห์ ดูความเหมาะสมในการใช้ด้วย
แต่ที่อาจารย์บางท่านช่วยดูแลให้คำแนะนำแก่นิสิตไปแล้ว ทางบัณฑิตวิทยาลัยยังให้แก้ไขในหลายประเด็น อาจเป็นเพราะอาจารย์ผู้ดูแล ได้รับการฝึกฝน ประสบการณ์ทางวิชาการยังไม่มากนัก ก็ย่อมเกิดความผิดพลาดได้ในบางประเด็น
หากได้ฝึกฝนความชำนาญจากการติดตามดูแลนิสิต เช่นเดียวกับการอ่านงานวิจัยใหม่ๆ เพิ่มพูนไปเรื่อยๆ คิดไป ทำไป จะมองเห็นคำตอบไปเรื่อยๆ ได้ประสบการร์เยอะขึ้น
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน มีอาจารย์ลาไปศึกษาต่อปริญญาเอกหลายท่าน และอาจารย์ยังมีไม่พอ
เหน็ดเหนื่อยกับการสอนทั้งวัน
แต่ในอนาคต คงจะมีการ learning by doing กันมากขึ้น เมื่อหลายอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางครับ
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นายบอน@kalasin ใน keep in mind by bon
ถึงเหน็ดเหนื่อย แค่ไหน
หากจะรับเป็น อาจารย์ที่ปรึกษา IS
คง "ต้องอ่านอย่างละเอียด เพราะ จะได้เรียนรู้ อีกมากมาย" ครับ