คนงานหายากจัง...!


 

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (๘ เมษายน ๒๕๕๒) เป็นวันหนึ่งที่เราได้รู้ถึง “วิกฤตการณ์แรงงานไทย (Critical of Thai Labor)” ว่าตอนนี้คนงานหายากจริง ๆ

นับตั้งแต่ที่เราได้รับงานที่จะต้องก่อปล่องของเมรุที่คลองสอง (ปทุมธานี) เพิ่มขึ้นอีก ๒ เมตรนั้น เราได้ติดต่อ “ช่างลอผู้ก่อปล่อง ผู้ที่เคยก่อปล่องให้เราที่เชียงใหม่มาก่อปล่องเพิ่มให้อีก

 

ในงานนี้ช่องลอได้มาก่อปล่องให้เราตั้งแต่ต้นแล้ว คือช่อง ๑-๙ เมตรแรก แต่เมื่อมองภาพรวมเมื่อนำส่วนประกอบของเจดีย์ใส่เข้าไปดูค่อนข้างเตี้ยไปหน่อย จึงได้มีการวางแผนเพื่อจะก่อปล่องให้สูงขึ้นไปอีก ๒ เมตร

ช่างลอ เป็นช่างที่มีจิตใจดีนะ เพราะเมื่อเราติดต่อปั๊บเขาก็มาเลย
เขาเคยปวารณาตัวไว้ว่าถ้ามีอะไรเรียกเขาใช้ได้เลย แม้กระทั่งเวลาใกล้ๆ  สงกรานต์อย่างนี้เขาก็มาได้ทันที

แต่ทว่าลูกน้อง ลูกมือ หรือคนงานที่จะมาช่วยช่างลอน่ะสิ หายากจริง ๆ
ช่างลอและเราได้โทรศัพท์ติดต่อหาคนงานคนโน้น คนนี้ ที่มีก็ไม่ว่าง ที่ว่างก็ไม่กล้าปีน (กลัวความสูง)

ตอนนั้นเราต้องการคนงาน ๓ คน ที่จะต้องมาทำงาน ๓ วัน
คือ ตีนั่งร้านและก่อปล่องโดยใช้อิฐทนไฟสูงขึ้นไปอีก ๒ เมตร
เรานั่งวางแผนกันกว่าครึ่งวัน ติดต่อแล้ว ติดต่ออีกก็หาคนงานไม่ได้
จึงต้องตัดสินใจเสี่ยงเดินทางกลับไปหาคนงานชุดเดิมที่เคยมาก่อปล่องที่นี่ ณ จังหวัดสิงห์บุรี

เราออกเดินทางจากที่นี่ (ปทุมธานี) เวลาประมาณ ๑๔.๓๐ น. โดยมีแผนที่จะเดินทางกลับก่อนมืด เพื่อที่จะไปตามคนงาน ถ้าเจอตัวแล้วก็จะอุ้มขึ้นรถมาเลย

แต่เมื่อเดินทางไปถึงปรากฎว่า คนงานที่เราหวังว่าจะอุ้มมานั้นกำลัง “ติดงาน” โดยรับงานสร้างรั้วให้กับคนแถวบ้าน แถมยังรับเงินล่วงหน้าเขามาด้วยแล้ว อื่ม! หมดกัน...

ตอนนั้นเองเราก็ติดต่อกลับไปที่บ้านหาน้าที่มาทำงานก่อสร้างอยู่แถว ๆ กรุงเทพฯ ก็ปรากฎว่า “น้ากำลังจะกลับบ้านพรุ่งนี้แล้ว เปลี่ยนแปลงกำหนดเดินทางไม่ได้”  อื่ม...ขอบคุณครับ

จากนั้นเราก็ติดต่อปู่ซึ่งเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างอยู่แถว ๆ พระประแดง  โดยมีความหวังอยู่ค่อนข้างมากเพราะบริษัทของปู่มีคนงานอยู่ร้อยกว่าคน เราขอแค่ ๓ คนคงไม่น่าจะมีปัญหา...

ตอนแรกที่ได้คุยกับปู่นั้น ปู่เล่าให้เราว่าเมื่อก่อนปู่มีคนงานสองร้อยกว่าคน ตอนนี้คนงานหายากมากจึงเหลือคนงานแค่ร้อยกว่าคน สำหรับเรื่องยืมคนงานนั้นต้องรอให้ลูกชายของปู่กลับมาแล้วจะจัดการให้

เมื่อลูกชายของปู่กลับมาเราก็เล่าถึงสถานการณ์และความต้องการของเราไป จากนั้นอีกสักชั่วโมงต่อมาก็จึงโทรไปติดตามผล แล้วจึงได้รับคำตอบกลับมาว่า “คนงานเขาเหมารถกลับบ้านกันวันที่ ๑๐ หมดแล้ว...”
อื่ม... ตอนนี้เริ่มพูดอะไรไม่ออก

อันที่จริงเรามีคนงานที่ทำงานอยู่ที่นี่อีก ๒ ชุด คือ รับเหมาทำรายวันก่อสร้างรากฐานของเมรุ แต่เขาก็ไม่รับทำ คือ เขาไม่อยากทำงานในที่สูงหนึ่ง และเขาก็จะรีบกลับบ้านอีกหนึ่ง

สำหรับอีกชุดหนึ่งนั้น รับทำงานติดตั้งหลังคากุฏิ ชุดนี้บอกทำได้ (แต่น้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจจะทำ) เพราะงานเขาก็เร่งอยู่

วันนั้นเราตระเวนหาช่างทั้งวัน ถึงแม้ไม่ได้ช่างแต่เราก็ได้เข้าใจถึงสภาวะการณ์ของประเทศไทยในหลาย ๆ ประการ โดยประการหนึ่งที่สำคัญอย่างมากนั้นก็คือ “คนงานนั้นหายากจริง ๆ”

เราให้ค่าจ้างเท่าไหร่ก็ไม่เอา
คนงานก่อสร้างในปัจจุบันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะเขารู้ว่าคนงานก่อสร้างนั้นหายาก โดยเฉพาะ “คนไทย”
คนงานก่อสร้างปัจจุบันค่อนข้างเล่นตัวและโก่งค่าแรง โดยเฉพาะใกล้วันเทศกาลอย่างนี้ พี่ไทยไม่สนใจที่จะทำอะไรเลย...!

นั่นน่ะสิเน๊อะ...! ระบบการศึกษาไทยสอนให้คนมีการศึกษาสูง ความรู้สูง เด็ก ๆ สมัยใหม่เขาก็ไปเรียนหนังสือ ไปเรียนปริญญากันหมด ใครที่ไหนเล่าจะมาทำงานเป็น “กรรมกร” ก่อสร้างเหมือนเยี่ยงเราหรือเขา ๆ ทั้งหลายที่เราได้ติดต่อในวันนี้

จะไปโทษเขาก็ไม่ถูก เพราะปีหนึ่งก็มีสงกรานต์ครั้งหนึ่ง ใคร ๆ ก็อยากจะกลับบ้าน ไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่
แล้วระบบสังคมไทยของเราก็เปลี่ยนไปแล้วนี่ เราเน้นสร้างแต่ปัญญาชน แรงงานชนจึงค่อย ๆ หมดไป

เด็ก ๆ วัยรุ่น รุ่นใหม่ ๆ ก็เน้นหาแต่งานสบาย ๆ
คนที่ไม่ได้เรียนหนังสือก็เน้นหาแต่งานรับจ้าง ขายของ ส่งของ เป็นลูกจ้างในร้าน ในบริษัทถึงแม้ว่าเป็นรายวันแต่ก็สบายกว่าที่จะมาเป็นจับกังทำงานตากแดดตากฝน

ส่วนคนที่เรียนแล้ว จบแล้วนั้นก็มุ่งหน้าที่จะไปสมัครงานอยู่ตามสำนักงานหรือออฟฟิชหรู ๆ คงจะไม่เหลียวแลมาดูถึงคนที่สร้างบริษัทหรู ๆ ให้เขาอยู่ ให้เขาทำงาน

 

วิกฤตการณ์แรงงานไทย (Critical of Thai Labor)” นับวันยิ่งรุนแรงขึ้น เด็ก ๆ รุ่นใหม่สนใจมุ่งเรียนและทำงานตามออฟฟิช ภูมิปัญญาการก่อสร้างที่สืบทอดกันมานับรุ่นต่อรุ่นก็ยิ่งจะสูญหายไป
คนงานไทยที่มีอยู่ก็เหลือน้อยลง ที่มีอยู่ก็น้อยนั้นก็จะสามารถเล่นตัวและโก่งค่าแรง
แรงงานจากพี่น้องประเทศเพื่อนบ้านก็จะมีโอกาสเข้ามาทำงานก่อสร้างกันได้มากขึ้น
ที่จริงแล้ว ประเทศเราก็เริ่มเหมือนเมืองนอกเข้าไปทุกที คือ เมืองนอกเขามักจะรับคนไทยเข้าไปทำงานบ้าน ทำการเกษตร และก่อสร้าง
ตอนนี้ประเทศเรากำลังขาดแรงงานก่อสร้าง ก็ต้องรับคนงานจากประเทศพี่น้อง เพื่อนบ้านข้าง ๆ มาทำงานก่อสร้างให้เราแทน

อื่ม...รากฐานตึกคืออิฐ รากฐานชีวิตคือ “การศึกษา”
การศึกษาในปัจจุบันนี้น่าสนใจนะ
การศึกษาคือชีวิต และชีวิตนี้จะต้องปรับเปลี่ยนไปเพราะ “การศึกษา...”


หมายเลขบันทึก: 255001เขียนเมื่อ 11 เมษายน 2009 08:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท