กระบวนการตรวจรับรองมาตรฐานฟาร์มมีขั้นตอนที่สำคัญ ดังนี้
การตรวจสอบฟาร์ม (Farm Inspection)
การตรวจสอบฟาร์มที่ดีควรมีการเตรียมพร้อมตามลำดับ ดังนี้
1. จัดทำแผนการตรวจรับรองฟาร์ม (พิจารณาตามข้อมูลในใบสมัครขอการตรวจฟาร์มของเกษตรกร)
2. กำหนดบุคลากรที่ต้องปฏิบัติงานในแต่ละส่วน
3. จัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อจัดเวลาตรวจอย่างเหมาะกับสภาพพื้นที่ของฟาร์ม/ความยุ่งยากซับซ้อน
4. แจ้งกำหนดการตรวจฟาร์มให้เกษตรกรทราบล่วงหน้า
5. เดินทางไปยังฟาร์มตามกำหนดการ ถ้าจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดการต้องแจ้งให้เกษตรกรทราบและตกลงกำหนดการใหม่ให้เรียบร้อย
เทคนิคการตรวจฟาร์ม (Farm Inspection Techniques)
1. ไปถึงฟาร์มตามกำหนดเวลา
2. เปิดประชุมเพื่อแนะนำผู้ตรวจสอบที่ร่วมไปด้วยทั้งหมด
3. เปิดประเด็นคำถามเพื่อให้เจ้าของฟาร์ม/ผู้ประกอบการบอกเล่าถึงกิจกรรมและกระบวนการผลิตสัตว์น้ำในฟาร์มหรือสถานประกอบการ
4. กรณีที่ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการไม่เข้าใจประเด็นให้ค่อยๆถามเป็นเรื่องๆตามลำดับขั้นตอนการผลิต
5. เมื่อเข้าใจกระบวนการผลิตทั้งหมดแล้วให้หยุดคำถามและขอดูหลักฐานต่างๆในกระบวนการที่เล่ามาเพื่อยืนยันความถูกต้องของการปฏิบัติงานตามกระบวนการที่ให้ไว้
* อย่าแสดงท่าสงสัยหรือมีคำถามที่ส่อถึงความไม่ไว้วางใจผู้ผลิต/ผู้ประกอบการ ล่วงหน้าถ้ายังไม่พบจุดบกพร่องจริงๆ
6. ตรวจสอบและเปรียบเทียบการบอกเล่ากระบวนการผลิตกับเอกสารที่เกษตรกรบันทึกหรือทำคู่มือไว้และตรวจสอบความสมบูรณ์ในการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน(ในเอกสาร)
7. เดินไปสำรวจสถานที่ปฏิบัติงานแต่ละจุด สอบถามและขอรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างชัดเจน พร้อมทั้งตรวจดูบันทึกการปฏิบัติงานของคนงานในแต่ละจุด
* การออกสำรวจแต่ละจุดต้องมีบุคลลากรของฟาร์มที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ให้ข้อมูลนำทางไปยังพื้นที่ที่เราต้องการสำรวจด้วยทุกครั้ง
8. ตรวจสอบวิธีปฏิบัติงานภาคสนามว่าแต่ละจุดหรือแต่ละกระบวนการสอดคล้องกับการบันทึก/คู่มือและเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่
9. ตรวจสอบความสอดคล้องของหลักฐานที่มาของวัตถุดิบต่างๆ เช่น ใบรับรองมาตรฐานวัตถุดิบ, ใบรับรองแหล่งกำเนิด เป็นต้น
10. ตรวจสอบความถูกต้องและความสอดคล้องของหลักฐานเอกสารบันทึกการปฏิบัติงานว่าเป็นไปอย่างถูกลำดับ/ขั้นตอน
11. ตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการผลิต/ประกอบการตามระบบTraceability ทุกขั้นตอน ตั้งแต่จุดกำเนิด (Origin) ไปจนถึงจุดสุดท้ายที่เป็นผลิตผลพร้อมส่งออก (export)
12. การเก็บตัวอย่าง (กรณีที่จำเป็น)
13. จัดทำรายงานอย่างถูกต้องและทำการสรุปภาพรวมโดยรวบรวมข้อมูลจาก
- คำตอบของผู้ผลิต/ผู้ประกอบการ
- รายละเอียดของหลักฐานต่างๆที่ได้ตรวจพบ
- แนบเอกสารทั้งหมดที่มีประโยชน์ต่อคณะกรรมการรับรอง เช่น เอกสารคู่มือการ จัดการฟาร์ม/สถานประกอบการ, เอกสารใบรับรองต่างๆ, ข้อมูลด้านเทคนิค, วิธี ตรวจสอบความแม่นยำ
การรับรองฟาร์ม (Farm Certification)
โดยปกติถ้าเป็น CB เอกชน จะมี project manager เป็นผู้รับผิดชอบในด้านการให้การรับรองมาตรฐานของฟาร์ม โดยพิจารณาตามเอกสารรายงานที่ผู้ตรวจสอบเสนอให้ไว้ ดังนั้นผู้รับรองมาตรฐาน(Certification Committee) จะต้องดำเนินการดังนี้
1. ตรวจสอบความสมบูรณ์และความถูกต้องในการทำงานของผู้ตรวจฟาร์ม เช่น ผู้ตรวจฟาร์มได้ตรวจสอบในพื้นที่การทำงานของผู้ผลิต/ผู้ประกอบการตามที่ร้องขอในใบสมัครทุกจุดหรือไม่?
2. ทำความเข้าใจรายงานทั้งหมดอย่างถูกต้อง
- อาจใช้ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องมาช่วยในการพิจารณา
- ติดต่อสอบถามผู้ตรวจฟาร์มเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมในกรณีที่ยังไม่เข้าใจอย่างสมบูรณ์เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด
- ใช้ข้อมูลเดิมที่มีอยู่ (ของฟาร์มเดียวกัน) มาเปรียบเทียบ
3. ตรวจสอบความชัดเจนของคำพูดหรือสำนวนในรายงานเพื่อไม่ให้มีการเบี่ยงเบนในการพิจารณา เช่น ข้อผิดพลาดอะไรที่เกิดขึ้น? เมื่อไร? ที่ไหน ข้อผิดพลาดนั้นทำให้กระบวนการผลิต/ประกอบการทั้งหมดเสียหายหรือแค่บางส่วน
4. การตัดสินใจให้การรับรอง ต้องขึ้นอยู่กับ
- ความถูกต้อง/ชัดเจนของข้อมูลที่มีความสอดคล้องกับมาตรฐานทั้งหมด
- ความครบถ้วนของการแก้ไขจุดบกพร่องหรือข้อกำหนดที่ไม่สอดคล้องทุกข้อที่ผู้ตรวจฟาร์มได้ให้ไว้ในครั้งก่อน
ข้อวิจารณ์การทำงานของ CB ต่างๆโดย WWF
ในปี 2551 WWF (World Wildlife Fund) ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้ทำการศึกษาการทำงานด้านการตรวจรับรองงานคุณภาพฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของ CB ต่างๆทั่วโลก โดยเน้นการศึกษาเฉพาะในหลักการทางด้าน สิ่งแวดล้อม, สังคม, ความเป็นธรรมต่อสัตว์เลี้ยงและสุขภาพ นอกจากนี้การศึกษายังรวมถึงการพัฒนามาตรฐานและขั้นตอนการตรวจสอบเทียบความถูกต้องแม่นยำในการตรวจรับรองฟาร์ม/การประกอบการด้วย
จากผลการศึกษาสรุปได้ว่า ประสิทธิภาพของการตรวจสอบข้อกำหนดที่ CB ส่วนใหญ่ละเลยและไม่สอดคล้องกับกฎระเบียบ มีดังนี้
1. ทางด้านสิ่งแวดล้อมไม่มีรูปแบบที่สามารถระบุความแตกต่างที่วัดเป็นตัวเลข/ตัวชี้วัดในเรื่องของ
- การปล่อยน้ำทิ้งออกจากฟาร์ม
- การใช้พลังงานและทรัพยากรน้ำ
- การใช้อาหารและที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ
2. หลักการสำคัญที่สนับสนุนความยั่งยืนของการใช้ทรัพยากรยังไม่เพียงพอ เช่น
- ยังมีการใช้ปลาเป็ดที่สามารถใช้เป็นอาหารของมนุษย์มาใช้ ทำอาหารให้สัตว์เลี้ยง
- การใช้วัตถุดิบที่มาจากการผลิตโดยวิธี GMO
- การนำสัตว์น้ำที่ไม่ใช่พันธุ์ท้องถิ่นมาใช้
3. ด้านความเป็นธรรมต่อสัตว์ที่เลี้ยง
- การป้องกันการหนีของสัตว์น้ำ
- การป้องกันโรคที่ไม่มีระบบที่ดี
4. หลักการสำคัญในด้านสังคม ยังไม่สามารถดูแลหรือตรวจรับรองได้อย่างถูกต้อง เช่น - การจ้างคนงานยังไม่เป็นไปตามกฎหมายแรงงานขั้นต้น
- การใช้ที่ดินในชุมชนตามกฎหมายยังไม่มีกฎระเบียบที่ดี
- การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ประหยัด
5. จำกัดการเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายๆกลุ่มหลายฝ่ายเข้าร่วมออกความคิดเห็นในการจัดทำและพัฒนามาตรฐาน
6. ข้อกำหนดในมาตรฐานยังขาดความสมบูรณ์ เช่น
- ความหมายที่ถูกต้องชัดเจนของข้อกำหนด
- ไม่มีวิธีวัดและตรวจสอบความแม่นยำในการปฏิบัติงาน
- ไม่อธิบายรายละเอียดที่ครอบคลุมในข้อกำหนด
7. ยังขาดความเป็นอิสระในการสร้างมาตรฐาน, การควบคุมมาตรฐานของผู้ตรวจฟาร์มและของ CB
8. ไม่มีการแก้ไขข้อบกพร่องที่ผู้ตรวจสอบให้เกษตรกร/ผู้ประกอบการดำเนินการแก้ไข
- การตรวจรับรองมาตรฐานไม่ครบตลอดห่วงโซ่การผลิต (ยังมีผู้ปฏิบัติได้น้อย)
นอกจากนี้ยังพบว่าไม่มีมาตรฐานของ CB ใดที่มีความสอดคล้องอย่างสมบูรณ์กับข้อกำหนดที่ตั้งไว้ จึงควรมีการปรับปรุงกระบวนการตรวจรับรองและมาตรฐานฟาร์มให้มีประสิทธิภาพและมีความถูกต้องมากขึ้น
สำหรับการศึกษามาตรฐานและการทำงานของมาตรฐานฟาร์มกุ้งทะเล CoC/GAP ของประเทศไทยนั้น ผลปรากฏว่าของเรายังอยู่ในระดับคะแนนที่ต่ำกว่า 50 % ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำจำเป็นต้องมีการปรับปรุงอีกมาก ดังได้สรุปในตารางต่อไปนี้
ข้อกำหนด |
รายการ |
%คะแนน |
ด้านสิ่งแวดล้อม |
พลังงาน อาหาร น้ำ การใช้ที่ดินและดิน ระบบนิเวศน์และความหลากหลายทางชีวภาพ |
0 0 22 33 27 |
|
รวม |
17 |
ด้านสังคม |
คนงาน ชุมชนและสภาพความเป็นอยู่ |
33 22 |
|
รวม |
28 |
ด้านความเป็นธรรมต่อสัตว์และด้านสุขภาพ |
ความเป็นธรรมต่อสัตว์ โรค, การป้องกันและรักษา |
22 33 |
|
รวม |
28 |
การพัฒนามาตรฐานและกระบวนการตรวจรับรอง |
การพัฒนามาตรฐาน การประเมินความสอดคล้องและความแม่นยำ ข้อกำหนดของมาตรฐานและห่วงโซ่การผลิต |
21 13 17 |
ไม่มีความเห็น