อุจจาระร่วงเฉียบพลัน


โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

อุจจาระร่วง (Diarrhea)  หมายถึง ภาวะที่มีการถ่ายอุจจาระเหลว จำนวน 3 ครั้งต่อกันหรือมากกว่า หรือถ่ายเป็นน้ำมากกว่า 1 ครั้ง ใน 1 วัน หรือถ่ายเป็นมูกหรือปนเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง

                  อุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute Diarrhea)  เกิดตั้งแต่เริ่มมีอาการอุจจาระร่วง  เมื่อได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องจะถ่ายอุจจาระดีขึ้นภายใน  5-6 วัน 

สาเหตุ

             สาเหตุของอุจจาระร่วงเฉียบพลันส่วนใหญ่เกิดจาการติดเชื้อ  เกิดจากเชื้อไวรัส (Rotavirus) เชื้อไวรัสบิดไม่มีตัว (Shigella) ไวรัส Salmonella (เชื้อที่ทำให้เกิด โรคไทฟอยด์) ติดเชื้อไวรัส E Coli  เชื้อไวรัส Campylobucter Jejuni  เชื้ออหิวาต์ และพวกที่เพาะเชื้อไม่ขึ้น

การติดต่อของโรค
              โดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อที่ออกมากับอุจจาระของผู้ป่วย

ระยะฟักตัวของโรค
              อาจสั้น 10-12 ชั่วโมง หรือ 24-72 ชั่วโมง ขึ้นกับชนิดของเชื้อก่อโรค

ระยะติดต่อ
             ช่วงระยะที่มีอาการของโรค
 อาการและอาการแสดง

-                   เชื้อไวรัส อาจมีไข้ต่ำๆ เป็นหวัด ต่อมามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และถ่ายอุจจาระเหลวตามมา โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีอาการอยู่นาน 1-6 วัน

-                   เชื้อแบคทีเรีย  อาการถ่ายอุจจาระมีหลายลักษณะ  ตั้งแต่ถ่ายเหลว  มีมูกปนเลือด  รายที่รุนแรงถ่ายอุจจาระเป็นเลือดปนหนอง

การรักษา

                       โดยปกติท้องเสียเฉียบพลันมักจะหายได้เองภายใน 7 วัน ควรให้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาแก้อาเจียน แก้ปวดท้อง น้ำเกลือแร่ทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ และการให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อฆ่าเชื้อที่เป็นสาเหตุ เช่น Metronidazal สำหรับเชื้อบิดมีตัว Tetracycline สำหรับอหิวาห์ เป็นต้น

เมื่อใดควรไปพบแพทย์

                    1. อาการท้องเสีย ไม่ดีขึ้นใน 24 ชั่วโมง

                    2. เป็นในผู้ป่วยโรคที่มีภูมิต้านทานต่ำ

                    3. เด็กหรือผู้สูงอายุ ที่มีอาการขาดน้ำมาก ซึมลง

                    4. อาเจียนรุนแรง จนไม่สามารถรับประทานอาหาร หรือน้ำได้

                   5. ถ่ายเป็นมูกเลือด

                  6. มีไข้สูง

การดูแลรักษาเบื้องต้น

เมื่อเกิดโรคอุจจาระร่วงสามารถเริ่มต้นรักษาได้ที่บ้านโดยใช้กฎ 3 ข้อ ขององค์การนามัยโลก

1. ให้สารน้ำละลายเกลือแร่โอ อาร์ เอส หรือ ของเหลวมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ (สามารถทำ ORS ได้เองโดยใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา เกลือ 2 หยิบมือ ละลายในน้ำต้มสุก 8 ออนซ์)

2. ให้อาหารอ่อนย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือน้ำข้าว หรือแกงจืด ไม่งดอาหาร เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร

3. เมื่ออาการโรคอุจจาระร่วงไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์ได้แก่

ถ่ายเป็นน้ำมากขึ้น

อาเจียนบ่อย กินอาหารไม่ได้

กระหายน้ำกว่าปกติ

มีไข้สูง

ถ่ายอุจจาระเป็นมูกหรือปนเลือด

การดูแลรักษาเบื้องต้น

                      เมื่อเกิดโรคอุจจาระร่วงสามารถเริ่มต้นรักษาได้ที่บ้านโดยใช้กฎ 3 ข้อ ขององค์การนามัยโลก
                     1. ให้สารน้ำละลายเกลือแร่โอ อาร์ เอส หรือ ของเหลวมากกว่าปกติ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ  (สามารถทำ  ORS  ได้เองโดยใช้น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา  เกลือ 2 หยิบมือ ละลายในน้ำต้มสุก 8 ออนซ์)
                    2. ให้อาหารอ่อนย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก หรือน้ำข้าว หรือแกงจืด ไม่งดอาหาร เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร
                    3. เมื่ออาการโรคอุจจาระร่วงไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์ได้แก่

                  - ถ่ายเป็นน้ำมากขึ้น

                  - อาเจียนบ่อย กินอาหารไม่ได้

                  - กระหายน้ำกว่าปกติ

                  - มีไข้สูง

                 - ถ่ายอุจจาระเป็นมูกหรือปนเลือด

การป้องกัน

                    โดยการกันดูแลสุขอนามัยในการรับประทานอาหาร การเก็บอาหาร และการปรุงอาหาร รวมทั้งล้างมือหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง

                   องค์การอนามัยโลกได้กำหนดกฎทอง 10 ประการ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคอุจจาระร่วง คือ

                   1. เลือกอาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตอย่างปลอดภัย เช่น เลือกนมที่ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ ผักผลไม้ควรล้างด้วยน้ำปริมาณมากๆ ให้สะอาดทั่วถึง

                  2. ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึงก่อนรับประทาน

                  3. รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ

                  4. หากมีความจำเป็นต้องเก็บอาหารที่ปรุงสุกไว้นานกว่า 4-5 ชั่วโมง ควรเก็บไว้ในตู้เย็นส่วนอาหารสำหรับทารกนั้นไม่ควรเก็บไว้ข้ามมื้อ

                 5. ก่อนที่จะนำอาหารมารับประทานความอุ่นให้ร้อน

                 6. ไม่นำอาหารที่ปรุงสุกแล้วมาปนกับอาหารดิบอีก เพราะอาหารที่สุกอาจปนเปื้อนเชื้อโรคได้

                7. ล้างมือให้สะอาด ไม่ว่าจะเป็นก่อนการปรุงอาหาร ก่อนรับประทาน และโดยเฉพาะหลังการเข้าห้องน้ำ

                8. ดูแลความสะอาดของพื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร ล้างทำความสะอาดหลังการใช้ทุกครั้ง

                9. เก็บอาหารให้ปลอดภัยจากแมลง หนู หรือสัตว์อื่นๆ

              10. ใช้น้ำสะอาดในการปรุงอาหาร และควรระวังเป็นพิเศษในการใช้น้ำเพื่อเตรียมอาหารเด็กทารกได้

 

                       ส่วนใหญ่แล้ว อาการท้องเสียมักจะหายได้เอง หากรักษาภาวะขาดน้ำ และรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพราะการถ่ายอุจจาระเป็นกลไกของร่างกายที่จะขับไล่ของเสีย สารพิษและเชื้อโรคออกจากร่างกาย การรับประทานยาหยุดถ่ายหรือยาแก้ท้องเสียทำให้ลำไส้ต้องเก็บกักเชื้อโรคไว้นานขึ้น และทำให้ท้องอืดแน่น

 

References

http://www.elib-online.com/doctors/ped_diarrhoea2.html.

www.dpc6.ddc.moph.go.th/disease/files/โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน.doc

www.epid.moph.go.th/fact/Diarrhea.doc

อังคณา จิราจินต์ .(2551).การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร.การพยาบาลเด็กและวัยรุ่น2(หน้า 377-383 ).หน่วยบริการการศึกษา ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 


 

 

 

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #อุจจาระร่วง
หมายเลขบันทึก: 253886เขียนเมื่อ 6 เมษายน 2009 20:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 20:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

บอกวิธีแก้และวิธีป้องกันไว้ด้วย

ขอบคุณมากค่ะ

เพราะเคยเป็นโรคนี้ ทรมานมาก

ขอบคุณนะค่ะ

สำหรับข้อมูล ความรู้ดีๆ

ที่มีมาแบ่งปันให้

ช่วงนี้เด็กๆ เป็นกันมานะค่ะ

ดีค่ะ

ช่วงนี้หน้าร้อน

โรคนี้กำลังเป็นภัยเลยทีเดียว

ขอบคุณสำหรับสาระดีๆที่นำมาฝากนะค่ะ

โอ้โฮ้ อันตรายมากเลยค่ะ

ยังงัยก็ระวังตัวด้วยนะค้า

ดูแลสุขภาพด้วย

รักนะ จุ๊บ ๆ

ดีคับ

มีความรู้เรื่องสุขภาพมาฝาก

ขอบคุณนะคับ

แวะมาทักทายครับ ขอบคุณกับการแบ่งปันความรู้ดีๆให้สมาชิกและผู้เข้าชมได้อ่านนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท