เรื่ิองนี้ได้มาจากการฟังบรรยาย(ในwebค่ะ)
โดย ท่าน ดร.สนอง วรอุไร
มีคำพูดที่ฟังแล้วสะดุดมากๆๆ เพราะเป็นความจริงที่เราเจอกันอยู่ในปัจจุบัน
ท่านบอกว่า
ทำให้คิดได้ว่าเมื่อยามที่เรามีทุกข์เวลาก็ผ่านไปช้ามากๆๆๆ แต่เมื่อยามเรามีสุขเค้าบอกกันว่านาฬิกาเดิน ดิฉันคิดว่าคงวิ่งมากกว่าเร็วซะขนาดนั้น
แต่ถ้าปัจจุบันเรามีทุกข์ก็คิดว่านี่แหละเป็นการฝึกฝนจิตใจเราให้เข้มแข็งมากขึ้น
สุดท้ายสองข้อความนี่ผู้ที่อ่านดิฉันคิดว่าคงได้อะไรที่แตกต่างกันออกไป เพราะต่างคนก็ต่างมุมมองต่างความคิดเห็นซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมากค่ะ ถ้าอ่านแล้วมีความคิดเห็นที่ต่างจากดิฉันก็ช่วยเล่าให้ฟังมั้งนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
ถ้าเวลาทุกแล้วเวลาผ่านไปช้ามากงั้นก็จงดีใจเถอะว่า
เวลาในชีวิตเรามีมากกว่าคนอื่นนะอิอิ(พูดขำขำนะ)
เวลามีผลกับความเร็ว ความเร็วสุดก็คือแสง(ของเก่า)
ของใหม่มีอะไรที่เร็วกว่าแสงเช่น จิตร
แสงก็มีผลกับสนามแม่เหล็ก ทำให้เวลาไม่เท่ากัน
จิตร ก็มีผล เป็นทุกข์ จิตรทุกข์เวลาก็ช้า เป็นธรรมดา
งงไม่เนี่ยผมมั่วเอาหิหิ
แวะมาฟัง...พี่ชอบอ่านมากมากดร.สนอง วรอุไร
เป็นสิ่งที่เตือนใจเตือนสติได้ดีค่ะ
มาชม
ในธรรมบทบาลีของศาสนาพุทธเคยอ้างไว้ทำนองว่า...100 ปี ในเมืองคนนี้เท่ากับ 1 วันในโลกสวรรค์นะนครับ
สวัสดีค่ะคุณmuekzero เป็นมุกแต่ก็ตลกดีค่ะ
ขอบคุณนะค่ะ
สวัสดีค่ะพี่add ตอนนี้หนูอ่านเรื่อง "ยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ"
แต่ยังอ่านไม่ถึงไหนค่ะ
แต่แค่บทนำก็กินใจแล้วค่ะ
อาจารย์umi สวัสดีค่ะ
เป็นความรู้ใหม่จริงๆๆค่ะเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกเลยค่ะ