ใครอยากสวยลัดๆด้วย 'กลูตาไธโอน' ฟังทางนี้


สวยธรรมชาติ

สวัสดีครับ

     สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ พอดีวันนี้ผมได้มีโอกาศได้ไปอ่านข้อความดีๆในเวปแห่งหนึ่ง(www.postjung.com) หลายท่านคงรู้จักสารเร่งความขาวที่ชื่อว่า 'กลูตาไธโอน' กันมานานพอสมควร  กระทรวงสาธารณสุขรวมทั้งหน่วยงานทางการเเพทย์ต่างๆที่เกี่ยวข้องต่างออกมาเตือนเกี่ยวข้อเสียเละโทษของการฉีดสารนี้เข้าสู่ร่างกาย  แต่ก็ยังมีหลายๆท่านที่ยังเข้าใจผิด  หรือทั้งๆที่รู้อยู่แต่เพื่อความสวยเเล้วยอมได้ทุกอย่าง  ทุกวันนี้เเม้กระทั้งเพื่อนๆนักศึกษาของกระผมที่เรียนด้านทางการเเพทย์ด้วยกันยังหาโอกาสไปฉีดกันอยู่เนืองๆ  จะด้วยเหตุผลอ่ะไรก็ตาม  ลองมาอ่านบทความนี้ตอกย้ำชัดกันอีกสักครั้งนะครับ

                                    

กลูตาไธโอนคืออะไร จำเป็นต่อร่างกายหรือไม่
 
กลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในร่างกาย ที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง จากอาหารประเภทโปรตีน ไข่และนม รวมถึงผักผลไม้ประเภท หน่อไม้ฝรั่ง  อะโวคาโด และวอลนัท ร่างกายจะเก็บกลูตาไธโอนที่สร้างขึ้นไว้ที่ตับ สามารถพบกลูตาไธโอนได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย
 
กลูตาไธโอนมีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินซีและอีได้มากขึ้น เป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA นอกจากนี้ยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยผ่านการสร้างเอนไซม์ชนิดต่าง ๆ และช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์ได้อีกด้วย
 
ใช้ในทางการแพทย์อย่างไร ช่วยให้ผิวขาวจริง หรือไม่
 
มีรายงานการใช้ในรูปแบบฉีดหลายกรณี ทั้งใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น ฉีดเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดระหว่างผ่าตัด รักษาโรคทางระบบประสาท ขับพิษจากโลหะหนัก สารระเหย   ยาฆ่าแมลง ยาพาราเซตามอลเกินขนาด ใช้เพิ่มภูมิต้านทานในผู้ป่วยเอดส์และมะเร็ง ในบางประเทศได้ขึ้นทะเบียนกลูตาไธโอนเป็นยาบางประเทศอนุญาตให้ใช้เป็นอาหารเสริม แต่สำหรับในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกลูตาไธโอนเป็นยา  และไม่อนุมัติให้ใช้สารชนิดนี้ในรูปแบบฉีด
 
หากถามว่าช่วยให้ผิวขาวได้จริงหรือไม่ ต้องบอกว่า เดิมทีกลูตาไธโอนถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ฉีดเพิ่มภูมิต้านทาน รักษาผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย แต่กลับพบว่าผู้ป่วยมีผิวขาวขึ้น มีสีผมอ่อนลงหลังฉีดยา จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการนำมาฉีดเพื่อทำให้ผิวขาวกันมากขึ้น ซึ่งความเป็นจริงแล้ว หากร่างกายได้รับกลูตาไธโอนมากเกินไป ก็จะไปกดการสร้างเม็ดสีของผิวทำให้ผิวขาว ซึ่งอธิบายได้จาก
 
ปกติในร่างกายคนเรา เซลล์สร้างเม็ดสี (melano cyte) จะผลิตเม็ดสีเมลานินอยู่ 2 ชนิด ผิวคล้ำแบบคนเอเชียหรือคนไทย จะมีเม็ดสีขนาดใหญ่ เรียกว่า ยูเมลานิน (Eumelanin)  คนผิวขาวแบบฝรั่ง จะมีเม็ดสีขนาดเล็กกว่า เรียกว่า ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) เมื่อร่างกายเราได้รับ กลูตาไธโอนปริมาณมาก จะไปกดการสร้างยูเมลานินตามปกติลง เปลี่ยนเป็นสร้างฟีโอเมลานินเพิ่มขึ้นชั่วขณะ ผิวจึงดูขาวขึ้น แต่เนื่องจากกลูตาไธโอน ไม่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางพันธุกรรมของ เซลล์สร้างเม็ดสี (melanocyte)  เมื่อเวลาผ่านไป เซลล์สร้างเม็ดสีก็กลับไปสร้างเม็ดสียูเมลานินมากตามปกติเหมือนเดิม
 
ดังนั้น ผู้ที่ฉีดกลูตาไธโอนเพื่อให้ผิวขาวขึ้น จำเป็นต้องฉีดในปริมาณมากกว่าขนาดที่ใช้รักษาตามปกติหลายเท่าตัวเป็นเวลาต่อเนื่องกันนาน จึงไม่จัดเป็นการดีท็อกซ์ และอาจมีอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้
 
มีอันตรายจากการใช้ หรือมีผลต่อชีวิตอย่างไรบ้าง
 
ผลข้างเคียงที่น่ากลัว คือการฉีดยาใด ๆ ก็ตามเข้าเส้นเลือดดำ ล้วนมีโอกาสที่จะแพ้ได้ ทั้งการแพ้ตัวยาเอง หรืออาจจะแพ้สารฆ่าเชื้อ สารกันเสีย สารปนเปื้อน ซึ่งจากรายงานในต่างประเทศพบว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดกลูตาไธโอนขนาดสูง มีอาการช็อก ความดันต่ำ หายใจไม่ออก และเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที นอกจากนี้ก็ยังพบว่า มีการนำสารกลูตาไธโอน ที่ไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา รวมทั้งยาปลอมที่ผลิตที่เวียดนาม และ จีน มาจำหน่ายและใช้อย่างผิดกฎหมาย
 
การฉีดกลูตาไธโอน มักให้ร่วมกับวิตามินซีขนาดสูง เพื่อกระตุ้นให้  ออกฤทธิ์ ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งการฉีดวิตามินซี ในขนาดที่สูงและเร็วเกินไปอาจทำให้เกิดอาการมึน  ศีรษะคล้ายจะเป็นลมได้ หากใช้   กลูตาไธโอนในผู้ป่วยมะเร็ง อาจทำให้ประสิทธิภาพของเคมีบำบัดลดลง การได้รับสารกลูตาไธโอนปริมาณมาก มีผลทำให้ขบวนการต้านอนุมูลอิสระของร่างกายเสียสมดุล กลายเป็นอนุมูลอิสระ กลับมาทำร้ายร่างกายได้
 
แต่ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ ปัจจุบันมีการ โฆษณาขายกลูตาไธโอนอย่างแพร่หลายทางอินเทอร์เน็ตราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงเป็นหมื่นบาท ที่มีการแนะนำวิธีฉีดและอวดอ้างสรรพคุณจนทำให้คนที่อยากขาว เกิดความสนใจและซื้อหาไปทดลองฉีดกันเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพ้ ติดเชื้อ และปัญหา  อื่น ๆ ตามมาอีกมาก
 
ข่าวที่ออกมาว่าใช้สารกลูตาไธโอนแล้ว จะทำให้ตาบอดและเป็นมะเร็ง จริงหรือไม่
 
สำหรับข่าวการใช้สารกลูตาไธโอนแล้ว จะทำให้ตาบอดและเป็นมะเร็ง สามารถอธิบายได้ว่า  การที่ร่างกายได้  รับสารกลูตาไธโอนเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เม็ดสีเมลานิน ทั้งที่ผิวหนังและที่จอตาลดลง ทำให้จอตารับแสงได้น้อยลง เสี่ยงต่อการมองเห็นได้ในอนาคต ทางวารสารทางการแพทย์สหรัฐอเมริกาจึงได้จัดว่า สารกลูตาไธโอนเป็นสารที่อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางตา ส่วนเม็ดสีเมลานินที่ผิวหนัง จะทำหน้าที่เหมือนฟิล์มกรองแสงที่ผิวหนัง หากเม็ดสีที่ผิวหนังลดลง ร่างกายก็ขาดเกราะป้องกันแสงอัลตราไวโอเลต ทำให้ผิวเหี่ยวย่นเร็ว และแก่เร็วขึ้น รวมทั้งเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังด้วย ดังนั้น ถึงแม้ตัวสาร กลูตาไธโอนเองจะเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ แต่การได้รับแสงอัลตราไวโอเลตปริมาณมากกลับอันตรายยิ่งกว่า
 
เหตุใดจึงต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเส้นเลือดโดยตรง
 
กลูตาไธโอนมีทั้งชนิดฉีด ชนิดพ่น และชนิดรับประทาน ซึ่งอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสารชนิดนี้ หากรับประทานจะถูกย่อยไปก่อนการดูดซึม จึงมีผู้พยายามลองใช้ในปริมาณสูง ๆ เพื่อหวังว่าจะดูดซึมได้บ้าง แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการศึกษาใดบอกว่า ต้องกินมากแค่ไหนจึงจะดูดซึมได้ แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าปริมาณที่กินมาก ๆ นั้น จริง ๆ แล้วดูดซึมได้หรือเปล่า และผลข้างเคียงระยะยาวมีอะไรบ้าง
      
ส่วนยาชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือเข้าเส้นเลือดโดยตรง น่าจะเพิ่มขนาดยาได้แน่นอนกว่า แต่ผลข้างเคียงที่น่ากลัว คือการฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำ มีโอกาสที่จะแพ้ได้ กลูตาไธโอนชนิดฉีดมีใช้ในคลินิกเอกชนมานานแล้ว แต่ยังไม่มีการใช้ในโรงพยาบาลรัฐหรือโรงเรียนแพทย์ เพราะไม่มีการศึกษาถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระยะยาว นอกจากนี้ การฉีดยังเป็นการ เพิ่มสารกลูตาไธโอนได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น อาจทำให้ผิวขาวขึ้นได้ในเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้น สีผิวก็จะกลับเป็นเหมือนเดิม จึงต้องทำให้ฉีดต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
 
สุดท้ายนี้ ผู้บริโภคไม่ควรตกเป็นเหยื่อของคำโฆษณาใด ๆ ที่อวดอ้างว่าจะสามารถช่วยทำให้ผิวขาวขึ้นได้ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีผลิตภัณฑ์ไหนที่จะทำให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างถาวร ผลิตภัณฑ์หรือยาที่ใช้ อาจช่วยได้เพียงชั่วคราว แต่เมื่อหมดฤทธิ์ ร่างกายก็กลับไปผลิตเม็ดสีตามปกติ ทั้งนี้การที่ประชาชนในแถบเอเชียหรือประเทศเขตร้อน มีผิวคล้ำ ถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ เพราะสามารถป้องกันแสงอัลตราไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ได้ ทำให้โอกาสการเกิดมะเร็งผิวหนังของเราน้อยกว่าคนผิวขาว จึงไม่ควรมีค่านิยมที่ผิดในการเปลี่ยนสีผิวให้ผิดธรรมชาติ.

อ.พญ.ชนิตว์วัณณ์  ตรีวิทยาภูมิ
หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี  มหาวิทยาลัยมหิดล

 

 

ขอขอบคุณข่าวจาก

 

 

อ๊ะ อ๊ะ ......คิดสักนิดก่อนฉีดอ่ะไรเข้าไปในร่างกายนะครับ

คำสำคัญ (Tags): #สวยด้วยกลูต้า
หมายเลขบันทึก: 252596เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2009 20:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 06:00 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

มันก็มีดีนะ

แต่โทษเยอะจัง

น่ากลัว !!!

น่ากัวจังเลยเนอะ

สวยแบบธรรมชาติดีกว่า

สวยเร็ว

แต่ไม่คุ้มเสี่ยง

:)))

สนับสนุนครับ

มาชม

เตือนสติดีจังที่ว่า...ผู้บริโภคไม่ควรตกเป็นเหยื่อของคำโฆษณาใด ๆ

วัยรุ่นสมัยนี้อยากขาวกัน

เราเองก็อยากขาวนะ

แต่ได้รู้อย่างนี้ก็คงกลัวแล้ว

ขอบคุณนะที่ให้ขอมูลดีๆ

กำลังอยากขาวเลยค่ะ ไม่เอาดีกว่า อิอิ ขอบคุณค่ะ

ดีมากครับ

ที่คิดเห็นกันอย่างนี้

ดีจริงๆ

ประเทศไทยจะได้เจริญ

ไปยืนประท้วง แว๊ดๆๆๆ หน้าทำเนียบ ตากแดด ตัวดำ

อยากกลับมาสวย ก็รีบไปฉีดกลูต้า

(เอ๊ะ เกี่ยวไรกัน แต่ก็มีมูลนะ)

ก็อย่าไปสวยแบบเฟคๆเลย

มันไม่จีรังยั่งยืน

สวยแบบผู้ยิ่งคิดบวก ดีกว่า

เพราะ ผู้หญิงคิดบวกยิ่งสวยขึ้น

55555

ลงทุนซื้อ Shisedo White Lucent ดีกว่าครับ ขาวขึ้นจริง

หรือไม่ก็ Clinisque Derma White ก็ได้

ขาวขึ้นได้เหมือนกัน

วิธีบ้านๆ เมืองไทย ก็พอกขมิ้น ขัดมะขามเปียก ก็ยังแจ๋วอยุนะ

ลองเอาไปใช้ดูครับ

:)))))

ฉีดแล้วขาวก็อยากฉีดนะ

แต่โทรเยอะก็ไม่ไหวเหมือนกัน

เป็นข้อมูลที่ดีมาก ๆ เลย

เพราะตอนนี้กระแสอยากขาวกำลังมาแรง

จะได้ช่วยเตือนคนที่กำลังจะใช้ด้วย

อยากขาวนะ

แต่ผลเสียเยอะ

น่ากลัวด้วย

โทษเยอะอะ

น่ากลัวอะ

จองภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีดีกว่านะ

บางที เขาให้เราเกิดมาเพื่อที่จะเป็นอย่างงี้ก้อได้

จะน่าตาดีไม่ดี ขาวไม่ขาว ยังไง 2 คนนี้ก้อรักเราอยู่แล้ว

พ่อ - แม่ เราไง

^^~

แล้วตกลงมันดีอ่ะป่าวนิ

อะไรยังไง อันตรายก็มี

ประโยชน์ก็มี แต่โทษมีเยอะก่า

ง้านขาวแบบธรรมชาติดีกว่า อิอิ

ได้ยินมาเหมือนกันค่ะ

แต่กลัวมากค่ะ

อยากขาว

แต่ไม่คิดอยากจะฉีดนะคะ

ขอบคุณสาระดีๆๆค่ะ

จาบอกว่าเพื่อนเราเคยฉีดด้วยแหล่ะ

ขาวไม่ถึงชั่วโมงต้องไปนอนแอทมิดที่วิชัยยุทธเลยครับ

น่ากลัวอ่ะ

บอกตรงๆว่าอยากทำเหมือนกันนะเนี่ย

แต่ไม่ค่อยคุ้มเลยยอ่ะ

ขอบคุณสำหรับความรู้และก็คำแนะนำก่อนที่เราจะถลำตัวเข้าไปทำ

น่ากลัวนะเนี่ย วิธีนี้คงไม่เหมาะแน่เลย เราว่าสวยกันแบบธรรมชาติดีกว่า  หลีกเลี่ยงแสงแดด ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทาโลชั่น รับประทานผักและผลไม้เยอะ ผิวก็สุขภาพดีได้เหมือนกันนะ

อยากขาวอ่ะ

ว่าจะไปทำ

พออ่านแล้วเปลี่ยนใจแล้วล่ะ

อย่าไปฉีดเลยครับ กลูต้า อะไรเนี่ย

บางคน ตัวดำปิดปี๋ ฉีดเปนลิตรก็ไม่ขาว

อีกอย่าง บางคน ตัวดำ ไปยืนประท้วงหน้าทำเนียบ

ต้องใส่เสื้อแดง

ก็ว่า เหมือนอีกาคาบพริก

ต้องไปฉีดกลูต้า

ผิวจะได้สวยตอนใส่เสื้อแดง

ความคิดนี้ก็ไม่ไหวนะ

คนเรามีสเน่ห์ในตัวอยู่แล้วครับ

ไม่เกี่ยวว่าขาวหรือไม่ขาวหรอก

ยังไง เครื่องสำอางค์ก็มีโทษนะครับ

ไม่ใช่มีแต่สรรพคุณดีดีให้ผู้ใช้เสมอไปหรอก

ใช้อะไรก็ดูดีดี แล้วกันนะ

ปล. ช่วงนี้ก็ไม่ผ่านทำเนียบ

ไปเดินงานกาชาดกันดีกว่าครับ

ช่วยซื้อสลากกาชาดด้วยนะครับ

เศรษฐกิจประเทศจะได้หมุนเวียนคล่องๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท