*การตรวจ Pap smear ซึ่งได้รับการคิดค้นจาก Dr. George Nicholas Papanicolaou ตั้งแต่ปีค.ศ. 1923 ซึ่งท่านเป็นผู้บัญญัติ ระบบการวินิจฉัยแบบกลุ่มตัวเลข (Five Class System) ขึ้นเป็นคนแรก หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “Papanicolaou Classification”*
** ****** ****** ****** ** ****** ***** ****** **
Five Classification ของท่าน Dr.George Nicholas Papanicolaou นั้น
เป็นที่นิยม ใช้ในการแพทย์อยู่นานมาก หลักเกณฑ์การจำไม่ยาก ค่อนข้างง่าย
เมื่อผู้เขียนเริ่มต้นเรียนเชี่ยวชาญพยาธิกายวิภาคนั้น ยังใช้ การแบ่งแบบนี้
“Papanicolaou Classification”อยู่
ส่วนใหญ่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า Pap Class
ท่าน Dr.George Nicholas Papanicolaou แบ่งไว้ดังนี้ค่ะ
Class I . Negative smear with no abnormal or unusual cells seen.
เป็นการรายงานผลว่า การตรวจครั้งนี้ ผลปกติ ไม่พบเซลล์ที่ผิดแปลกไป
Class II .Atypical squamous cells หรือ Reactive cellular change
เป็นการรายงานผลว่า พบการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ อาจเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย หรือเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร ซึ่งมักมีลักษณะเฉพาะบางอย่างของการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ทำให้เราทราบว่า เป็นการติดเชื้อ อะไร
ส่วนใหญ่เป็นเชื้อที่พบได้บ่อย ๆ เช่น เชื้อรา สายพันธุ์ Candida spp. ,
เชื้อพยาธิช่องคลอดที่มีชื่อว่า Trichomonas vaginalis ,
เชื้อไวรัสเริม ชนิด Herpes simplex และอื่น ๆ
แต่ยังไม่มีการพบเซลล์ที่หน้าตาผิดปกติ(นิสัยไม่ดี)
และถ้าจำไม่ผิด ในสมัยโน้น ยังไม่ค่อยได้มีการกล่าวถึง การติดเชื้อไวรัสที่ดังที่สุดในปัจจุบันนี้
คือ HPV (ซึ่งมีการศึกษาวิจัย พบว่าเป็นต้นเหตุก่อมะเร็งปากมดลูก)
และจึงมีการคิดค้นวัคซีน ป้องกันการเกิดหูดจากไวรัสหูด และป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูก
กำลังเป็นเรื่องที่ เป็นที่น่าสนใจกันมาก ค่ะ
เดี๋ยวมาต่ออีกสาม class นะคะ คุณลูกขอใช้เครื่อง
อีกสามคลาสคงต้องขึ้นบันทึกใหม่นะคะ
ขอคัดลอกความคิดเห็นที่ตอบย่อ ๆ แก่คุณน้องแอ๊ดมาคั่นรายการก่อนค่ะ
ซึ่งแบบดั้งเดิมเลยแบ่งเป็นแบบย่อ ๆ 1.ปกติ 2.อักเสบ มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์บ้างเล็กน้อย(จากเชื้อโรคเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง) รักษาอาการอักเสบ เซลล์ก็กลับมาปกติ 3.มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ซึ่งเริ่มบ่งบอกความร้าย แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นเซลล์มะเร็งเต็มตัว อาจก้าวหน้าต่อไปในทางมะเร็ง หรือ ในบางขั้น (มีข้อย่อยของระดับการเปลี่ยนแปลงของเซลล์) บางภาวะกลับสู่สภาวะปกติได้เอง 4.น่าสงสัยอย่างมาก ๆ ว่าเป็นมะเร็งแต่ยังไม่ลุกลาม ขนาดต้องรับการรักษาแบบเข้มข้น ดุเดือด 5.เป็นมะเร็งแน่นอน และลุกลาม แล้วด้วย
ต้องรับการรักษาอย่างเข้ม และดุเดือด
ประโยชน์ของการตรวจ Pap smear นี้มีค่ามหาศาลต่อวงการแพทย์ คนไข้ และงบประมาณแผ่นดินค่ะ
เป็นสุดยอด หนึ่งในเวชศาสตร์ป้องกัน หรือ Preventive Medicine ค่ะ
มาอ่านเพิ่มเติมความรู้ครับ...
เชียงรายฝนตกหนัก :)
ยังเขียนบันทึกไม่เสร็จเลยค่ะ คุณเอก ;P
รออ่านต่อแล้วกันนะคะ..ชักจะงง..อ่านแล้วงงเพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้ค่ะ
น้องแอ๊ด คะ พี่สรุปสั้น ๆ ก่อนคือ เวลาเราไปตรวจแป๊ปเสมียร์ แล้วเวลาทางห้องแล็บเขารายงานผล นั้น มีวิวัฒนาการมาอย่างไรบ้าง
ซึ่งแบบดั้งเดิมเลยแบ่งเป็น
1.ปกติ
2.อักเสบ มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์บ้างเล็กน้อย(จากเชื้อโรคเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง) รักษาอาการอักเสบ เซลล์ก็กลับมาปกติ
3.มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ ซึ่งเริ่มบ่งบอกความร้าย แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นเซลล์มะเร็งเต็มตัว อาจก้าวหน้าต่อไปในทางมะเร็ง หรือ ในบางขั้น (มีข้อย่อยของระดับการเปลี่ยนแปลงของเซลล์) บางภาวะกลับสู่สภาวะปกติได้เอง
4.น่าสงสัยอย่างมาก ๆ ว่าเป็นมะเร็งแต่ยังไม่ลุกลาม ขนาดต้องรับการรักษาแบบเข้มข้น ดุเดือด
5.เป็นมะเร็งแน่นอน และลุกลาม แล้วด้วย
ต้องรับการรักษาอย่างเข้ม และดุเดือด
ปล. คงจะเขียนยุ่งยากไปจริง ๆ ค่ะ เดี๋ยวพอมีเวลา จะปรับแก้ไขบันทึก ค่ะ
ขอบคุณน้องแอ๊ด ค่ะ
ตอนที่สองขอเวลานิดหนึ่ง ค่ะ
อยากเขียนเผื่อประโยชน์เป็นส่วนหนึ่งของ การลดความเหลื่อมล้ำทางความรู้ค่ะ