สังคมไทยข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เมื่อสภาพัฒนาการเมืองเข้มแข็ง

รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ส่วนที่ 3 แนวนโยบายด้านการบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 78 (7) บัญญัติไว้ว่า จัดให้มีแผนพัฒนาการเมือง รวมทั้งจัดให้มีสภาพัฒนาการเมืองที่มีความเป็นอิสระเพื่อติดตามสอดส่องให้มีการปฏิบัติตามแผนดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ที่ผ่านมาการเมืองไทยปัญหาพื้นฐานทีเราพบเจอบ่อยๆในระบบประชาธิปไตยแบบตัวแทน ด้านแรกคือ ระบบเลือกตั้งบ่อยครั้งมักจะมีการโกง ซื้อสิทธิขายเสียง โดยเฉพาะในภาคอีสานที่มาจากความจน ความไม่รู้ ถูกชักจูง เงินไม่มากาไม่เป็น ด้านที่สอง ผู้แทนมีโอกาสที่จะถูกโน้มน้าวโดยภาคธุรกิจและกลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งพยายามที่จะให้มีการตัดสินใจเพิ่มประโยชน์ของเขา และ พบว่า หลายครั้งผลประโยชน์ขัดแย้งกับความต้องการของชุมชนท้องถิ่น หรือ ประชาชนคนส่วนใหญ่ (รากหญ้า)

เราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงจากประชาธิปไตยแบบตัวแทน มาเป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมหรือยัง ทั้งประชาธิปไตยแบบตัวแทนคือการที่เรามีหน้าที่ออกเสียงเลือกผู้แทน ขณะที่ผู้แทนที่ได้รับเลือกจะทำหน้าทีตัดสินใจที่สำคัญต่างๆ แทนประชาชน ในการเลือกตั้งทุกครั้งโดยเกือบจะไม่มีส่วนร่วมของประชาชนเลย นักการเมืองจากระบบนี้มักอ้างเสมอๆว่า ถ้าประชาชนไม่ชอบการตัดสินใจของเขาก็เป็นสิทธิของประชาชนที่จะไม่เลือกเขาเข้ามาอีกในคราวหน้า แต่ในความเป็นจริงนักการเมืองส่วนใหญ่มาจากการซื้อสิทธิขายเสียง โดยเฉพาะประชาชนคนอีสานที่ ตกเป็นเหยื่อของวิธีการทางการเมืองแบบนี้อย่างหนาแน่น 20 มีค 52 ที่ขอนแก่น คณะกรรมการส่งเสริมการเมืองภาคพลเมือง ประจำภาคอีสาน สภาพัฒนาการเมือง มีการจัดแลกเปลี่ยนระดมความคิดเห็นที่น่าสนใจ ผมมีโอกาสเข้าร่วมหลังจากที่คณะกรรมการ 7 ท่านมาแลกเปลี่ยนกับ ผอ.RDIคุณหมอสุทธิพันธ์ ขอนำเสนอเป็นตอนๆ เฉพาะเนื้อหานี้จะเป็นการสะท้อนของประชาชนในนามสภาพัฒนาการเมือง การเมืองภาคพลเมือง 200 คน พบว่า ในด้านการเมือง  ประชาชนถูกกระทำให้อ่อนแอ รัฐและผู้แทน ไม่ส่งเสริมบทบาทการมีส่วนร่วมทางการเมืองภาคประชาชน เสียงสะท้อนการรับฟังปัญหาของประชาชนไม่ได้รับความสนใจ ประชาชนพึ่งไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือผู้แทน นักการเมืองแลนโยบายของรัฐหลายกรณี แย่งชิงทรัพยากร ละเมิดสิทธิชุมชน ปล่อยปละละเลยในเรื่องของผลกระทบสิ่งแวดล้อม กระทั่งชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายจากกรณีโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่รับผิดชอบต่อชาวบ้าน รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องเกือบทุกภาค ยังคงสนับสนุนห้างค้าปลีกค้าส่งยักษ์ใหญ่ให้โอกาส อนุญาตเปิดในระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน เนื่องด้วยรับผลประโยชน์ การละเมิดสิทธิชุมชน สิทธิมนุษยชนขาดการดูแลและให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ผู้นำประเทศขาดคุณธรรม จริยธรรม ชาบ้านบอกว่าทุกยุคเราได้รัฐบาลและ สส. เลว และพวกนี้ล้วนแสวงหาประโยชน์จากนักธุรกิจ กลุ่มอิทธิพลผลประโยชน์ทั้งสิ้น ขณะที่สังคมเกิดความแตกแยก ลงลึกไปถึงระดับครอบครัว ระบบอุปถัมภ์ยังคงดำรงอยู่อย่างเข้มข้น ประชาชนสิ้นหวังกับรัฐและผู้แทน มีข้อเสนอให้กำจัดนักการเมืองเลวให้หมดสภา