การประเมินทั้งระบบด้วย
CIPP Model
ในการจัดการศึกษา
สิ่งหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง คือการประเมิน (Evaluation)
โดยเฉพาะการประเมินที่เป็นระบบ
เพื่อให้ทราบถึงผลการปฏิบัติว่าในสิ่งที่ดำเนินการว่าได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้หรือไม่ อย่างไร
การประเมินจึงมีลักษณะเป็นกระบวนการที่ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลและตัดสินคุณค่าของสิ่งต่าง
ๆ โดยเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนที่เป็นวิทยาศาสตร์
ซึ่งในการประเมินได้มีนักวิชาการและนักการศึกษาได้เสนอแนะเป็นเอกสารและข้อเขียนอื่นๆ
และยังได้กำหนดรูปแบบไว้มากพอสมควร ซึ่งในการประเมินนั้น
ผู้ประเมินจะต้องยึดหลักการประเมินให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ เป็นที่ตั้ง
รูปแบบการประเมินของ Stufflebeam
ซึ่งเป็นรูปแบบการประเมินที่เน้นการตัดสินใจ
(Decision makeing)
เป็นรูปแบบที่มุ่งให้ได้มาซึ่งข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ
เพื่อช่วยในการตัดสินใจเลือกทางเลือกต่าง ๆ
ได้อย่างถูกต้อง
เป็นรูปแบบการประเมินที่เป็นที่นิยมในการประเมินเรื่องต่างๆแม้กระทั้งในวงการศึกษาไทย
ได้นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถใช้ครบทั้งระบบ CIPP
Model เป็นรูปแบบการประเมินที่แดเนียล แอล สตัฟเฟิลบีม (Daneil L.
Stufflebeam) กำหนดขึ้น
โดยเน้นการประเมินที่เป็นกระบวนการอย่างต่อเนื่องทั้งระบบ
โดยมีจุดเน้นสำคัญเพื่อหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจบริหารโครงการอย่างต่อเนื่อง
และได้ข้อสรุปที่จะนำไปใช้ในการวิเคราะห์กิจกรรมหรือโครงการที่ได้ดำเนินการไปว่าบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่อย่างไร
คำว่า CIPP model
คืออะไร Daneil L. Stufflebeam
ได้ใช้ตัวย่อของคำต่อไปนี้
-
Context หมายถึง บริบท
หรือสภาวะแวดล้อม รอบๆที่อาจต้องมองให้ครอบคลุม
-
Input หมายถึง
ปัจจัยเบื้องต้น
เป็นตัวป้อนในการดำเนินการในเรื่องต่างๆ
-
Process หมายถึง กระบวนการ
ขั้นตอนของการดำเนินการ
-
Product หมายถึง ผลผลิต
หรือผลที่เกิด
Daneil L. Stufflebeam ให้ความหมายการประเมินไว้ว่า
เป็นกระบวนการของการบรรยาย การเก็บข้อมูล
การวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร
เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เหมาะสม
โดยรูปแบบ CIPP Model โดยกำหนดให้มีการประเมินทั้งระบบใน 4
ด้าน
ประกอบด้วย
1.
ประเมินสภาวะแวดล้อม
2.
ประเมินปัจจัยเบื้องต้น
3.
ประเมินกระบวนการ
4.
ประเมินผลผลิต
แนวทางการประเมินแต่ละด้านมี
ประกอบด้วย
1.
การประเมินสภาวะแวดล้อม
เป็นการประเมินให้ได้ข้อมูลสำคัญเพื่อช่วยในการกำหนดวัตถุประสงค์ของโครงการ
ความเป็นไปได้ของโครงการ
เป็นการตรวจสอบว่าโครงการที่จะทำสนองปัญหาหรือความต้องการจำเป็นที่แท้จริงหรือไม่
วัตถุประสงค์ของโครงการชัดเจน เหมาะสม
สอดคล้องกับนโยบายขององค์การหรือนโยบายหน่วยเหนือหรือไม่
2.
การประเมินปัจจัยเบื้องต้น
เป็นการประเมินเพื่อใช้ข้อมูลตัดสินใจต่อปัจจัยต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับโครงการว่า เหมาะสมหรือไม่
โดยดูว่าปัจจัยที่ใช้ทั้งบุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ การบริหารจัดการ
จะมีส่วนช่วยให้บรรลุจุดมุ่งหมายของโครงการหรือไม่
ปัจจัยที่กำหนดมีความเหมาะสมเพียงพอหรือไม่
3.
การประเมินกระบวนการ
เป็นการประเมินระหว่างการดำเนินงานโครงการ เพื่อหาข้อดี
ข้อบกพร่องของการดำเนินงานตามขั้นตอนต่าง ๆ
ที่กำหนดไว้ว่า
การปฏิบัติงานเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้หรือไม่
4.
การประเมินผลผลิต
เป็นการประเมินเพื่อดูว่าผลที่เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดโครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือตามที่คาดหวังไว้หรือไม่
โดยอาศัยข้อมูลจากการประเมินสภาวะแวดล้อม
ปัจจัยเบื้องต้นและกระบวนการร่วมด้วย
เพื่อตรวจสอบว่าเกิดผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้หรือไม่
คุณภาพของผลลัพธ์เป็นอย่างไร
เกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียงอื่นใดหรือไม่
การประเมินทั้งระบบแบบ CIPP เป็นการประเมินที่ครอบคลุมองค์ประกอบทั้งหมด
ซึ่งผู้ประเมินจะต้องกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินที่ครอบคลุมทั้ง 4
ด้าน
กำหนดประเด็นของตัวแปรหรือตัวชี้วัด
กำหนดแหล่งข้อมูลผู้ให้ข้อมูล
กำหนดเครื่องมือการประเมิน
วิธีการที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
กำหนดแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูล
และเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน
หากผู้ประเมินวางแผนและดำเนินการประเมินอย่างเป็นระบบและเหมาะสมก็จะทำให้การประเมินตามแผนและโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะการประเมินในด้านการศึกษาที่มีกิจกรรม โครงการ แผนงาน
ที่ปฏิบัติมาก แต่ขาดการประเมินอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การนำCIPP Model ไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง
จะทำให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
-----------------------------------
สมคิด พรมจุ้ย เทคนิคการประเมินโครงการ
นนทบุรี
สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2544
สุพักตร์ พิบูลย์ กลยุทธ์การวิจัยเพื่อพัฒนางาน
วิจัยเพื่อพัฒนาองค์กร นนทบุรี จตุพรดีไซน์ 2544
Stufflebeam, D.L., et al. Educational Evaluation and Decision –
Making, Illinois : Peacock
Publishers., Inc., 1971.