029 หลวงพ่อบางกอก


บวชถวายกุศลแด่ในหลวงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา, วัดไทยพุทธคยา,อินเดีย

 ที่วัดไทยพุทธคยา...ประเทศอินเดีย โดยการจัดของสถานเอกอัครราชฑูต ณ กรุงนิวเดลี ร่วมกับคณะสงฆ์ไทยทั้งจากกรุงเทพฯและจากอินเดียเอง  ได้จัดให้มีการบวชหมู่ถวายกุศลเนื่องในวาระครบรอบ 80 พรรษของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ 27 ต.ค.50 - ในการบวชครั้งนั้น มีผู้ร่วมเข้าบวชที่มาจากทั่วประเทศ ทั้งทหาร,ตำรวจ ระดับพลเอก,พลโท,อดีตฑูต,คหบดีผู้มั่งคั่ง,พ่อค้าใหญ่,พ่อค้าเล็ก,นายแพทย์สาขาต่าง ๆ ,ครูบาอาจาริย์, ข้าราชการ,และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนประชาขนทั่วไปรวมทั้งสิ้นจำนวน 89 คน ผู้เข้าร่วมบวชที่อายุมากที่สุด 79 ปี   อายุน้อยที่สุด 24 ปี ทุกคนต้องผ่านการบวชเป็นสามเณรใต้ต้นพระศรีมหาโพธิที่เจดีย์พุทธคยาอันเป็นสถานที ๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ด้วยกันก่อน จากนั้น ใน วันรุ่งขึ้นบรรดาสามเณรใหม่เหล่านี้ก็จะต้องไปบวขเป็นพระภิกษุเต็มตัวในโบสถ์วัดไทยพุทธคยาต่อไปทุกองค์       วันรุ่งขึ้น  หลังจากบวชเป็นพระภิกษุเต็มตัวกันแล้วพวกเราถูกเรียกว่า พระนวกะ คือพระบวชใหม่ แต่พวกเราเรียกกันเองว่า หลวงพ่อกันอย่างครึกครื้น เพราะบางองค์มีลักษณะท่าทางเคร่งขรึมดูไม่ออกว่าเป็นพระบวชใหม่หรือพระบวชนานแล้ว  และพวกเราก็ผลัดกันถ่ายรูปกันและกันและถ่ายภาพหมู่ไว้เป็นที่ระลึกอย่างถ้วนหน้า ตกตอนกลางคืน พวกเราส่วนใหญ่พากันไปปักกลดนั่งสมาธิรำลึกถึงองค์สมเเด็จพระสัมมาสัมพุทะเจ้าใต้ต้นพระศรีมหาโพธิตลอดคืน จนถึงรุ่งเช้า     วันต่อมา เจ้าภาพได้จัดรถบัสปรับอากาศคันใหญ่รวม 4 คันพาเหล่าพระนวกะทั้งหลายไปสักการะสังเวชนียะสถานอีก 3 แห่ง คือสถานที่ประสูตรคือลุมพินีวันสถานในประเทศเนปาล,,สถานที่แสดงปฐมเทศนา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี และ สถานทีปรินิพพาน ที่เมืองกุสินารา ในเขตประเทศอินเดีย  โดยมีรถตำรวจทางหลวงอินเดียนำทางไปตลอด      มีกำหนดการพักแรมคืน ณ วัดไทยตามเส้นทางที่ผ่านไปแห่งละ คืนสองคืน ตามความจำเป็น    ในระหว่างการเดินทางไปแต่ละแห่งกินเวลานานมาก  คือประมาณ 6-8 ชั่วโมงทีเดียว   เนื่องจากถนนทุกสายที่ผ่านไปขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ  บางส่วนก็กำลังปรับปรุงขยายขอบทางใหม่   ทำให้ รถติดคับคั่งต้องรอกันเป็นเวลานานแทบทุกแห่ง  ถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อเป็นสาเหตุให้รถกระดอนขึ้นกระดอนลงและเหวี่ยงพวกเราไปซ้ายทีขวาทีนับครั้งไม่ถ้วน   เล่นเอาบางองค์หัวกระแทกพนักเก้าอี้หน้า  ๆ  ตาบวมโน และ สะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน    อย่างไรก็ตาม พระพี่เลี้ยงในรถแต่ละคันที่นั่งไปกับพวกเรา ไม่ถือเป็นอุปสรรค  ไดันำพระนวกะทุกองค์สวดอิติปิโสฯ  100 จบไปตลอดทางจนครบ 100 จบและ  สลับกับการ บรรยายพระสูตร, พระวินัย,   สวดพระคาถาบทอื่น ๆ อีกหลายบท    รวมทั้งการบรรยายธรรมต่าง ๆ     เรื่องที่บรรยายส่วนใหญ่เป็นประวัติของศาสนาพุทธในประเทศอินเดียว่าเป็นมาอย่างไร  ทั้งยุคเริ่มต้น, ยุคเฟื่องฟู,ยุคเสื่อมถอย และการกลับมาใหม่ของศาสนาพุทธ ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใด โดยใคร   รวมทั้งการเผยแพร่ไปถึงประเทศไทยว่าเกิดขึ้นในสมัยใด เริ่มต้นอย่างไร     ไปขึ้นที่ใดเป็นแห่งแรกในประเทศไทย..เป็นต้น    ประมาณ สองทุ่มครึ่งรถของคณะพวกเราถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองเนปาลซึ่งตอนนั้นข้างนอกมืดมาก   มีรถจอดเข้าคิวรอผ่านแดนอยู่ก่อนแล้วเป็นแถวยาวเหยียด  ปรกติเมื่อถึงด่านชายแดน  ทุกคนจะต้องลงไปแสดงตัวและยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประทับตราด้วยตัวเอง   แต่คณะของเราเป็นคณะของทางราชการไทยมีตำรวจทางหลวงอินเดียนำทาง     ประกอบกับเจ้าหน้าที่ของเราได้ติดต่อขอความสะดวกกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเนปาลไว้ล่วงหน้าแล้ว   จึงไม่ต้องรอคิวตามลำดับและไม่ต้องให้ทุกคนลงไปจากรถ    เพียงแต่ให้หัวหน้าคณะของเราเป็นผู้นำหนังสือเดินทางของพวกเราไปให้เจ้าหน้าที่ ตม.ของเนปาลตรวจสอบประทับตราแทนเท่านั้น  จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตม.ของเนปาล 2-3 คนเดินมาส่องไฟดูพวกเราในรถพอเป็นพิธี   คณะของพวกเราติดอยู่ที่ด่านตม.เนปาลประมาณ 45 นาทีจึงได้รับอนุญาติให้แซงคิวเดินทางผ่านแดนข้าไปได้    โดยในช่วงนี้  ตำรวจทางหลวงของเนปาลรับช่วงนำขบวนแทนตำรวจทางหลวงอินเดีย    เข้าไปในเขตเนปาลไปตลอดเส้นทางจนถึงวัดไทยลุมพินีมหาวิหารอันเป็นที่พักแรมในคืนนี้   ในการพักที่วัดไทยลุมพินีมหาวิหารในเขตประเทศเนปาลครั้งนี้ก็เพื่อให้พวกเราได้นะมัสการสถานที่ประสูตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างใกล้ชิด    ช่วงสาย ๆ ของวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันกำหนดให้พระนวกะออกบินฑบาตรจากญาติโยมผู้ติดตามและชาวพุทธนปาลเจ้าของพื้นที่  หลังการบิณฑบาตรและฉันเช้าเสร็จแล้ว  ระหว่างเดินจากโบสถ์ไปยังศูนย์บริการ   เพื่อหาซื้อหนังสือธรรมะอ่าน และ หาน้ำปานะฉัน    เรา, พระพ่อลูกสองคน ได้เห็นเด็กเล็ก ๆ ชาวเนปาล หลายคนนั่งเรียงราย ณ บริเวณใต้ร่มเงารั้วต้นไม้เตี้ย ๆ ข้างทางด้านขวามือ   มือข้างหนึ่งถือจานเล็ก ๆ ยื่นออกมายกขึ้นยกลงมาทางพวกเรา   ปากก็ร้องบทสวดพระพุทธคุณสำเนียงเนปาลี อย่างพร้อมเพรียงกันว่า พุทธังสะระนังคัจฉามิ,ธรรมมังสะระนังคัจฉามิ,สังฆังสะระนังคัจฉามิ ตลอดเวลา  เด็ก ๆ เหล่านี้มีทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย  ทุกคนรูปร่างเล็กผอมตัวดำ นัยตาโต,คม,เหมือนกัน  เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูจะดำ ๆ เหมือนกันเช่นกัน  บางคนก็มีหน้าตาพอดูได้แต่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างขี้ริ้วขี้เหร่  จุดที่พวกเขานั่งเรียงแถวอยู่ห่างจากแนวทางเดินด้านในประมาณ 2-3 เมตร  จากรูปลักษณะและกริยาท่าทางขอบริจาคทานของพวกเขา  ทำให้หลวงพ่อวรโพธิฯพระผู้พ่อเกิดความสงสารและเวทนาเด็กเหล่านี้ขึ้นมาอย่างจับใจ หันไปถามพระลูกชายว่า "พ่ออยากจะให้ทานแก่เด็กพวกนี้สักหน่อย  จะดีใหมลูก"  "พ่อสงสารพวกเขา" ท่านพูดต่อ  พระผู้ลูกตอบว่า  'คงไม่เป็นไรมั้งพ่อ'   "แต่ต้องระวังหน่อย ถ้ามีคนมากพวกเขาจะตรูเข้ามารอบทิศทางทีเดียวนะพ่อ"  หลวงพ่อบอกว่า " เอ ก็เห็นเพียง5-6 คนเท่านั้นเอง คงไม่เป็นไรหรอกน่า" ว่าแล้วหลวงพ่อก็ล้วงมือลงไปในย่าม หยิบเหรียญเนปาลออกมากำมือหนึ่ง เตรียมไว้   "พ่อต้องวางไว้ข้างทางที่แหละ อย่าให้เขาตรง ๆ เดี๋ยวเขาจะเข้ามาเอาเอง"พระผู้ลูกบอก เมื่อเห็นว่าพระผู้พ่อเอาจริง "ก็ได้" หลวงพ่อผู้พ่อตอบ   แล้วก็ก้มลงวางเหรียญในกำมือลงเรียงรายเป็นกอง ละ 3-4 เหรียญไว้ที่ขอบทางเดินด้านใน  ระยะห่างกันกองละประมาณ 1 ศอก จนหมดเหรียญในมือ   ระหว่างนั้นพวกเด็ก ๆ หยุดร้องพร้อม ๆ กันราวนัดหมายกันไว้   ต่างจ้องตาเป็นมันไปที่กองเหรียญอย่างไม่ให้คลาดสายตา  พอหลวงพ่อวางเงินหมดแล้วก็หันไปกวักมือเรียกเด็ก ๆ เหล่านั้น  บอกด็ก ๆ ไปว่า"Hey,  come and gets money boys "หลวงพ่อพูดแล้วแกว่ง มือทำวงกลมชี้ไปที่ ๆ วางเหรียญไว้------

(อ่านต่อครับ.......ว่าเด็กๆ จะทำอย่างไร.........)

หมายเลขบันทึก: 246031เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2009 12:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:27 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

สวัสดีค่ะ

โชคดีจังเลยค่ะ

ที่ได้อ่านบันทึกของคุณพ่อสกล วรฉัตรในวันนี้

หนูเพิ่งเขียนถึงคุณพ่อไปเมื่อวานนี้เอง

คิดถึงเรื่องราวในอดีตค่ะ ที่คุณพ่อ คุณแม่

พาหนูไปกราบหระราชรัตนรังษี

คุณพ่อเขียนมานี้ เป็นประโยชนืมาก

เพราะคนที่ไม่ได้ไปอินเดียจะได้นึกภาพออก

คุณพ่อเป็นคนเก่ง และตั้งมั้น

ทำอะไรแล้ว ทำจนสำเร็จ หนูขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

แหม อ่านแล้วสนุกดีครับ

ตอนต่อเป็นรู้สึกว่าจะตื่นเต้นด้วยนะครับ

เรียน คุณตันติราพันธ์ ฯ

ขอบคุณครับ  ยังเป็นเสือปืนไว้อยู่อย่างเดิมนะครับ เรื่องที่นำลงนับเป็นเรื่องแรกหลังจากที่เหินห่างไปเสียนาน  หลายคนอาจจะลืมผมไปแล้ว   ผมได้อ่านบันทีกของคุณ ฯ   พูดถึงเรื่องวันนัดไปพบท่านราชฯที่วัดมหาธาตุ- แล้ว ถือเป็นวันเริ่มต้นที่ฝันของอาสาสมัครพยาบาลหญิงคนแรกไปช่วยงานพยาบาลที่กุสินาราฯประเทศอินเดียเป็นจริง   นึกถึงตอนที่ต่างก็พูดมือถือตามหากันในวัดให้วุ่นไปหมดไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง่จนหลังเกือบชนกันต่างก็ยังพูดมือถือถามกันว่าตอนนี้คุณอยู่ตรงไหนอยู่อีก, แล้วก็อดขำไม่ได้  เป็นการยืนยันว่าตอนนั้นเรายังไม่ได้เห็นตัวกันและกันเลย แต่ผลที่ได้นับว่าคุ้ม  คิด ๆ แล้วก็อดดีใจไปกับคุณด้วยไม่ได้ จนทุกวันนี้  อ้อ ผมได้เล่าให้คุณเพียรวิชญ์ฯ ทราบแล้ว เขาบอกว่าคุณเป็นคนกล้าและคนจริงคนหนึ่ง ขออนุโมทนาในความสำเร็จของคุณด้วย -----  

เรียน คุณพลเดชฯ

ขอบคุณครับที่ติชมให้กำลังใจ  ตอนหน้าจะสนุก ตื่นเต้นมากกว่านี้อีกครับ

เรียนคณะผู้บริหารฯและเพื่อนชาว G2K ทุกท่าน

เนื่องในวาระขึ้นปีใหม่ไทยวันสงกรานต์ 13 เม.ย.ปีนี้ ผมขออวยพรให้ทุกท่าน

มีความสุข,ความเจริญโดยทั่วหน้ากันนะครับ

วรโพธินามะ /12 เม.ย.52

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท