เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2552 ผมได้ไปบรรยายเรื่อง “การกำกับติดตามและประเมินผล” สำหรับบุคลากรระดับชำนาญการ/ชำนาญการพิเศษ ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดูแลการจัดอบรมโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ ศูนย์พัฒนาบุคลากร กระทรวงพัฒนาสังคมฯ คลอง 5 อ.ธัญบุรี จ. ปทุมธานี
ในการบรรยายวันนั้น ผมเสนอแนวคิดให้นักพัฒนาสังคมทำงานอย่างเป็นระบบ นับตั้งแต่ 1) การวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน-ปัญหาของงาน(Need Assessment) 2) การพัฒนา/แสวงหาทางเลือกใหม่ ๆ มาใช้ในการยกระดับคุณภาพชีวิต(ด้วยกระบวนการวิจัยและพัฒนา...Research and Development/ R&D) 3) การประเมินความก้าวหน้าของงานหรือโครงการต่าง ๆ(Formative Evaluation) 4) การประเมินสรุปผลการดำเนินงานเมื่อสิ้นปี(Summative Evaluation) ตลอดจน 5) ควรมีการติดตามผล หรือศึกษาผลกระทบของโครงการที่สำคัญ ๆ(Follow-up Studies หรือ Impact Evaluation)...รวมทั้งต้องจัดทำปฏิทินการขับเคลื่อนงาน ในรอบปี(ดูที่ http://gotoknow.org/blog/sup003/244226)
ในส่วนของ การวิจัยและพัฒนาทางเลือกใหม่ ๆ(R&D) ได้เสนอให้ทุกคนคิดพัฒนาทางเลือก วิธีการ หรือสื่อต่าง ๆ ที่เห็นประโยชน์แก่ประชาชน เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานที่ยั่งยืน เช่น
วันจดทะเบียนสมรส..คู่สามี ภรรยา ควรได้รับ..คู่มือ การดูแลสุขภาพ
สำหรับคู่สมรสใหม่(ต้องตรวจสุขภาพหรือ
ดูแลตนเองในเรื่องอะไรบ้าง)
เมื่อผู้หญิงหรือคุณแม่ในครอบครัวใดมีครรภ์......ควรได้รับ ..คู่มือการ
ดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์
เมื่อคลอดบุตร..........ครอบครัวควรได้รับ คู่มือ การเลี้ยงดูบุตรที่ถูกวิธี
หรือ(ได้มาตรฐาน)
เมื่อเด็กเข้าโรงเรียน..ครอบครัว ควรได้รับ คู่มือการพัฒนาทักษะชีวิต/
คุณลักษณะอันพึงประสงค์
หลังวัยกลางคน........ได้รับคู่มือ การดูแลตนเองก่อนเกษียณอายุ
ในวันเกษียณอายุ.....ได้รับคู่มือ การดูแลตนเองในวัยเกษียณอายุ และ
บ้านใดมีผู้สูงอายุ......ครอบครัวควรได้รับ คู่มือการดูแลผู้สูง อายุ/ความรู้
เบื้องต้นในการดูแลสุขภาพปู่ ย่า ตา ยาย
ทุกครอบครัว...ควรได้รับ คู่มือ การป้องกันตนเองจากโรคภัยไข้เจ็บ
ตามฤดูกาล
ถ้ากระทรวงพัฒนาสังคม โดยนักวิชาการรุ่นใหม่ ๆ ให้ความสำคัญกับงานด้านการพัฒนาหรือยกระดับคุณภาพสังคม เน้นบทบาทในการเสริมพลังอำนาจให้แก่ครอบครัว ชุมชน(Empowerment) ให้ความสำคัญกับงานป้องกัน หรืองานพัฒนา พอๆ กับ หรือมากกว่างานแก้ปัญหา(เช่น งานสวัสดิการแก่ผู้ด้อยโอกาส ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน) ผมเชื่อว่าสังคมจะดีขึ้น เกิดความยั่งยืนในการพัฒนา
อีกทั้งในการบรรยายวันนี้ ผมเสนอว่า ในการพัฒนางาน นอกจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่เราต้องดูแล ซึ่งในปัจจุบัน คือ "กลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางสังคม” แล้ว นักพัฒนาพิจารณาหรือคำนึงถึงกลุ่มที่เห็นว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในอนาคต เช่น กลุ่ม อบต. แกนนำท้องถิ่น หากบุคลากรกลุ่มนี้ รู้-ตระหนัก มีทักษะ พร้อมทั้งได้รับการส่งเสริมอย่างดี เขาเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในโอกาสต่อไป.....ผมอยากเห็น อบต. 9,000-10,000 แห่ง มีการจัดตั้งสโมสรผู้สูงอายุ สโมสรเยาวชนประจำตำบล อีกทั้งคู่มือต่าง ๆที่กล่าวข้างต้น โดยบทบาทที่ควรจะเป็นแล้ว คู่มือเหล่านั้น ควรนำไปแจกโดย อบต. หรือ อบต.เตรียมไว้ให้มากพอสำหรับบริการประชาชน(อบต.หันมาดูแลในเรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างจริงจังหรือเป็นเจ้าภาพหลัก).....หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ...ท่านคิดเหมือนผมหรือไม่ว่า “เมืองไทยจะน่าอยู่มากขึ้นอย่างมหาศาล และจะเป็นเมืองแห่งคุณภาพชีวิต อย่างแท้จริง”(ทุกคน ทุกครอบครัว ปฏิบัติตนได้ตามทฤษฎีที่ปรากฏในคู่มือต่าง ๆ ด้วย)
สนับสนุนความคิดของอาจารย์ค่ะ
คนเทพา
ขอสนับสนุนแนวความคิดของท่าน แต่ขอฝากข้อคิดไว้ว่า
" แนวคิดและหลักการ เป็น เรื่องที่ง่ายแสวยหรู
แต่
การปฎิบัติตามความเป็นจริง เป็นเรื่องยากและทรมานของมนุษย์
ขอบคุณครับ
เรียน นพรัตน์สิงขร
อาจารย์ครับ
อยากให้ท่านมีมุมมองการ R&D...สิ่งที่การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)ควรทำเหมือนกับ งานของ พม.ครับ ผมเพิ่งกลับมาจากการเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ หลักสูตรการวิจัยและพัฒนาวิชาการ รุ่น 3 ครับ