นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ เมืองหลวงของล้านนาที่มีอายุกว่า 700 ปี ซึ่งมีอดีตที่ยาวนาน ผ่านยุครุ่งเรือง และเคยเสื่อมโทรมทิ้งร้างมาหลายต่อหลายครั้ง แต่มีอย่างหนึ่งที่ชนรุ่นหลังสืบทอดต่อกันมา เป็นเอกลักษณ์และมีความสำคัญต่อสังคม แม้แตกต่างกันไปตามความเชื่อ ความผูกพันของผู้คนต่อพุทธศาสนา และการดำรงชีวิตที่ประสานกับฤดูกาลธรรมชาติ และวิถีชีวิตของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น
ทุกปีเมื่อล่วงเข้าสู่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนมิถุนายน เชียงใหม่จะมีการจัดงาน
"ประเพณีใส่ขันดอกอินทขิล" หรือ "ประเพณีเดือนแปดเข้า เดือนเก้าออก" โดยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่วัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดสำคัญเก่าแก่วัดหนึ่งของเมืองเชียงใหม่
วัดเจดีย์หลวง เป็นวัดที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังรายซึ่งครองราชอาณาจักรล้านนาไทย พระองค์ทรงสร้างพระธาตุเจดีย์หลวงขึ้นเมื่อปี พุทธศักราช 1934 หรือเมื่อประมาณ 612 ปีมาแล้ว ด้านหน้าของพระวิหารหลวงเป็นที่ตั้งของ เสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง ซึ่งแต่เดิมเสานี้อยู่ที่วัดสะดือเมือง ต่อมาในสมัยพระเจ้ากาวิละครองเมืองเชียงใหม่ พระองค์โปรดให้ย้ายเสาอินทขิลมาไว้ที่วัดเจดีย์หลวงและได้บูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่พร้อมทั้งสร้างวิหารครอบไว้เมื่อปี พุทธศักราช 2343
ต่อมาวิหารอินทขิลได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา พอถึงปี พุทธศักราช 2496 ครูบาขาวปี นักบุญแห่งล้านนาไทยอีกท่านหนึ่ง จึงได้สร้างวิหารอินทขิลขึ้นใหม่ในปัจจุบันและท่านยังนำเอาพระพุทธรูปปางขอฝนหรือ พระคันธารราษฏร์ประดิษฐานไว้บนเสาอินทขิลอีกด้วยเพื่อให้ชาวเมืองได้กราบไหว้บูชา พระครูโสภณกวีวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร ได้กล่าวถึงความเชื่อของการบูชาเสาอินทขิลไว้อย่างน่าฟังว่า..............
เสาอินทขิลจึงถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่รวมวิญญาณของชาวเมืองและบรรพบุรุษในอดีต เป็นปูชนียสถานที่สำคัญ พิธีสักการะบูชาเสาอินทขิลจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี การทำพิธีดังกล่าวจะทำในปลายเดือนแปดเหนือข้างแรมแก่ ในวันเริ่มทำพิธีนั้น พวกชาวบ้านชาวเมืองทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ หนุ่มสาวจะพากันนำเอาดอกไม้ธูปเทียน น้ำขมิ้นส้มป่อยใส่พานหรือภาชนะไปทำการสระสรงสักการะ การทำพิธีดังกล่าวนี้มักจะเริ่มในวันแรม 13 ค่ำเดือน 8 เหนือ ไปแล้วเสร็จเอาในวันขึ้น 4 ค่ำเดือน 9 เหนือ เป็นประจำทุกปี จึงเรียกประเพณีใส่ขันดอกอินทขิลว่า "ประเพณีเดือนแปดเข้า เดือนเก้าออก" อ.เสถียร นันทะวงศ์ ประธานชมรมรักษ์ศิลปวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และ กรรมการบริหารวัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร ได้กล่าวถึงกิจกรรมงานประเพณีใส่ขันดอกว่า........
ปัจจุบันเทศบาลนครเชียงใหม่ได้ดำเนินการสืบทอดประเพณีอินทขิล โดยมีพิธีทางพุทธศาสนาเข้ามาผสมผสาน ในวันแรกของการเข้าอินทขิล มีการแห่พระเจ้าฝนแสนห่า จากวัดช่างแต้ม แห่รอบตัวเมือง เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำและใส่ขันดอก ส่วนภายในวิหารอินทขิล พระสงฆ์ 9 รูป จะทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์บูชาเสาอินทขิล ซึ่งฝังอยู่ใต้ดินภายใต้บุษบกที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูป เมื่อเสร็จพิธีจะมีมหรสพสมโภชตลอดงาน
การบูชาอินทขิลของชาวเมืองเชียงใหม่นั้น ได้ประพฤติปฏิบัติกันมาอย่างเป็นระบบระเบียบเรียบร้อยทุกปี ในส่วนของวัตถุสิ่งของที่นำมาบูชาก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของความสูงค่าที่เกิดจากแรงศรัทธาคารวะของชาวเชียงใหม่
แสดงให้เห็นว่า เสาอินทขิล หรือเสาหลักเมืองนั้นเป็นเหมือนหลักชัยแห่งเมือง การสร้างหลักเมืองขึ้นมาก็เพื่อให้เป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในบ้านเมือง ให้เกิดพลังคือความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพลเมือง ภายใต้กรอบศีลธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา
ขอบคุณความรู้ ดีดี จาก http://www.fm100cmu.com/blog/Lanna/content.php?id=320
ขอบคุณค่ะ ที่นำเสนอประเพณีที่งดงาม ของ นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ ทำให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางเพิ่มมากขึ้นค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
1. Lin Hui
เมื่อ จ. 16 ก.พ. 2552 @ 12:01
ค่ะ..งแวะมารับความรู้บ่อยๆๆๆ นะค่ะ...Lin Hui เหล่าซือ
小柔,泰国老师带我出去玩,经常在节日的时候去寺庙,他们烧香拜佛,我也拜,呵呵~~
3. davidhoo
เมื่อ พ. 18 ก.พ. 2552 @ 19:22
哦~~呵呵~~