ได้อ่าน "อภัยภูเบศรสาร"ฉบับที่ 66 เลยอยากเล่าเรื่องมะรุมให้ฟัง เล่าแบบย่อๆนะจ๊ะ
มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า ใบมะรุมมีวิตามินC มากว่าส้ม7 เท่า มีแคลเซี่ยมมากกว่านม 4 เท่า
มีวิตามินA มากกว่าแครอท 4 เท่า มีโปรแทสเซี่ยมมากกว่ากล้วย 3 เท่า มีโปรตีนมากกว่านม 2 เท่า
มีการรวบรวมประโยชน์ของมะรุมไว้ว่า ใช้รักษาเด็กที่ขาดสารอาหาร ใช้ควบคุมระดับนำตาล ใช้ควบคุมความดันโลหิต ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานและช่วยรักษาผู้ป่วยเอดส์ให้อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ ป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยรักษาโรคเก๊าท์ ไขข้อ กระดูกอักเสบ รูมาติก โรคตาทุกชนิด รักษาโรคระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ หากสนใจจะใช้ มะรุมรักษาโรค ละก็ ฟังภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เสนอแนะนะคะ ท่านบอกว่า ควรใช้คูกับยาแผนปัจจุบันไม่ควรใช้มะรุมอย่างเดียว หรือหากใช้ในรูปแบบของรับประทานเป็นอาหาร เช่น นำฝักอ่อน ใน ยอด ใบ ดอก มาลงกจิ้มนำพริก หรือ แกงส้ม หรือเป็นผักแกล้มลาบ ก้อย จะดีกว่า
มีรายงานวิจัยพบอีกว่า มะรุม ช่วยลดโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอรไรด์ในกระต่ายที่ใช้ทดลองได้ดีเท่ายาแผนปัจจุบัน แต่ขับไขมันออกมาทางอุจจาระได้มากกว่า นั่นแสดงว่าไขมันไม่ถูกดูดซึมไปใช้ในร่างกาย
ข้อเสียที่เกิดขึ้นก็จะไม่ได้ไขมันไปสร้างพลังงาน และวิตามินบางตัวที่ละลายในไขมัน ไปด้วย
ขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้
ดีมากเลยครับ ของใกล้ตัวแต่ไม่เคยเห็นค่าของมัน ผมเป็นคนที่ไม่ชอบทานมะรุมมากๆเลย ผมว่ามันเหม็น ไม่อร่อย แต่ครอบครัวผมชอบทานมาก และก็ชอบทำให้ผมทานแต่ผมก็ไม่ทาน ต่อไปนี้คงต้องฝืนใจทานสักหน่อยแล้วล่ะ ก็มันมีประโยชน์นี่หน่า
มีภาพมาฝากเผื่อมีคนไม่เคยเห็นนะครับ
อ่านรายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นาฬิกาชีวิต เล่ม 2