ขยายความ ไปเยี่ยม หน่วยงาน JJ
๑) ผมเริ่มคุยแบบ ไม่มีแผน
เผอิญ มีโทรฯ มาหาผม สายเข้า ... เป็นซินแสฮวงจุ้ย ท่านหนึ่ง ท่านโทรมาถามไถ่สุขภาพผม สวัสดีปีใหม่จีนกันครับ ....
ก็เลย เปิดสนทนาน เรื่อง อี้จิง ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย
ผมก็เล่าให้ฟังว่า ซินแสฮวงจุ้ย ท่านนี้ เคยมาบ้านผม .... ซึ่ง ก่อนมาท่านก็ถามลูกน้องผมว่า บ้านผมอยู่ไหน อยากมาดู ในที่สุด ท่านก็มาที่บ้านผม สุขุมวิท ๒๔
ท่านเป็นคนไต้หวัน เดินทางไปมา ไทย ไต้หวัน สิงคโป ฮ่องกง USA เป็นปกติ
พอมานั่งที่บ้าน ท่านก็บอกว่า ฮวงจุ้ยดีมากๆ ไม่มีอะไรต้องแก้เลย
และ ท่านก็ไป ร่มธรรม ที่ปากช่องด้วยนะ ก็เช่นเดิม คือ ฮวงจุ้ยดีมากๆ ไม่มีอะไรต้องแก้เลย
****
เรื่องนี้แหละ ที่ผมเล่าให้ หน่วยงานรังสี และกำลัง จะ พวกเราใน blog ว่า จริงๆแล้ว หากเรา Sensing + Presencing กับสิ่งต่างๆรอบตัวเราได้ เราจะรู้สึกถึง การไหล (Flow) ของสรรพสิ่งได้ เชื่อมโยง (connect) กับ ธรรมชาติได้
ถ้ารู้สึก ร้อน อึดอัด ไม่เข้าท่า ฯลฯ เราก็ปรับ มันก็แค่นั้นเอง
ผมว่า ศาสตร์นี้ สมัยก่อน ก็คงใช้ ภาวนามยปัญญา ที่เป็น Tacit Knowledge ที่เป็น Sensing + presencing แบบนี้เอง แต่ พอคนรุ่นหลัง อยากจะเรียนบ้าง ด้วยนิสัย ชอบ Explicit Knowledge ก็เลย ต้อง แปลงเป็น Format ผลก็คือ กลายเป็น ความรู้แบบแข็งๆ ลอกๆ จำๆ
ถ่ายทอด ยาวนาน เป็นพันปี ความแม่นยำย่อมสูญหายไป
**************************************************
๒) คุยกันเรื่อง Quantum Science หรือ New Science ของ Margaret Wheatley
ปรากฏว่า ไม่ค่อยจะรู้จักกัน
พูดถึง ยุค Industrial era เป็น Newton Science คิดแบบแยกส่วน เร่งรีบ ทำลายโลก ทำลายจิตใจ
ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ ผู้บริหาร แพทย์ วิศซกร นักกฏหมาย ฯลฯ จึงออกมา "ผิดธรรมชาติ" และ ทำลายธรรมชาติของตนเอง และ รอบข้าง
อธิบายเรื่อง electron ในตัวเรา ในสรรพสิ่ง ล้วนหน้าตาเหมือนๆกัน....เรื่องโลกจำลอง หรือ microcosm
อธิบายเรื่อง Flow หรือ wave กัับ particle
Wave หรือ Space เป็นอะไรที่ เหมือน สภาวะนิพพาน .... ความว่าง
ถ้าเราไม่มีการปรุงแต่ง ก็จะว่างๆ หากเราไปยุ่งด้วย จาก wave จะเป็น particle หรือ จาก นามธรรม เป็นรูปธรรม
ถ้าเข้าใจ แยกแยะ จิต กับ ความคิด เข้าใจการทำงานของขันธ์ ๕ ก็จะเข้าใจ เรื่องการแยก รูปแยกนาม
New science หรือ Advanced science นี้ มีมาตั้งแต่ ๓๐ ปีก่อน ใน
ปี 2520 ผมเรียน Physic ปีหนึ่ง และ ปี 2521 เรียน Physical Chemistry ก็เรียนเรื่อง Schrodinger equation แต่ อาจารย์ท่านก็เอา แต่ สอน ที่เป็น วิชาการ แบบ old science
ผมก็เลยบอกว่า อาจารย์ฟิสิกส์ไทย ส่วนมากที่ผมเจอ เป็นได้แค่ คนสอนฟิสิกส์ กวดวิชาเข้ามาหาอะไร ..... แต่ ยังไปไม่ถึง ปรัชญาของฟิสิกส์ ยังไม่เชื่อมโยง วิชาฟิสิกส์ ให้เข้ากับ วิชาอื่นๆ ทางสังคม ทางจิตวิทยา ปรัชญา ชีวิต และ ศาสนา .... ทั้งๆที่ มันเป็นเรื่องเดียวกัน
แต่ ดร ระวี ภาวิไล และ หลวงพี่ภาสกร ภาวิำไล ท่านมาศึกษาทางปรัชญา ศาสนา ได้ดีมากนะครับ
๓) พุดถึง Gen BB , Gen X , Gen Y , Gen Z เป็นพฤติกรรมของคนในช่วงวัยต่างๆ
เจ้านาย แพทย์ ฯลฯ ที่กำลังบริหาร ท่านเป็นพวก Gen BB (baby bloom) เราก็ต้องเข้าใจท่าน เมตตาท่าน ท่านผ่านวิธีคิดแบบ newton มามาก ท่านมีแต่ เงินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เป็น single bottomline แต่ แนว New Science เราคิดแบบ Multi bottomline มองไปที่ การสะสมความดี สะสมสติ รักษาสมดุลวิิมุตกับสมมติ ฯลฯ
เด็กรุ่นใหม่ ก็มาแนว Gen Y มากขึ้น แตกต่างกันมาก
พวกเรา เป็น Gen X อยู่ตรงกลาง โดนขนาบบนล่าง โดนกา X แน่ๆ
คนไทย เราทำงานแบบ ไม่มีศิลปะในการทำงาน ทำแบบแข็งๆ "งานได้ผล (บ้าง) คนเสียหาย เป็นแบบ I-in-it เยอะ
ที่แย่ ๆ เห็นในสภา สส ไทย คือ พวก I-in-me "งานไม่ได้ผล คนเสียหายย่อยยับ"
เสียดายเวลาน้อย เลยใส่เร็วไปหน่อย อาจจะงงๆ
สุดท้าย
ขอให้มองตนเอง เข้าใจตนเอง รู้จักตนเองให้มากๆ
เมตตาผู้คนที่ตกอยู่ในยุคอุตสาหกรรม
ใช้ Triple bottomline
แอบมาทักทายอาจารย์ก่อน กำลังทำค่ายภาษาอังกฤษครับ
สวัสดีครับ อาจารย์
เข้าใจว่าเวลาน่าจะน้อยมาก
เลยไม่มีการตั้งวง Dialogue
เหมือนขาดอะไรไปบางอย่างนะครับ
เรียน ท่านไร้กรอบ ขอบพระคุณครับ จะ link ไป ที่ JJ นะท่าน
อยู่แบบธรรมชาติไม่ได้
อยู่แบบธรรมชาติไม่เป็น
ไม่เขียนคิ้วทาปาก ออกจากบ้านไม่ได้
สงสัยกันเอง เกรงว่า..หน้าตัวเองจะธรรมชาติเกินไป
ขออภัยที่ยกเรื่องนี้ ผู้ชายหรือใครๆก็เหมือนกัน
พฤติกรรมเดินตามสภาพ มีแต่อิฐ เหล็ก พลาสติก ควัน ฝุ่น