Entrance ที่มหาวิทยาลัยคัดเลือกเองเป็นบทเรียนของอาจารย์ผู้คุมสอบ
การสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยนักเรียนทุกคนมีความมุ่งหวังที่จะเข้าเรียนในคณะที่ตนเองเลือกไว้ตามความต้องการของตนเองและความคาดหวังของสมาชิกในครอบครัว ตรงนี้เป็นมูลเหตุที่แตกต่างกันของแต่ละคน ในขั้นตอนของการสมัครสิ้นสุดลงมหาวิทยาลัยจะมอบบัตรประจำตัว และใบเสร็จรับเงินค่าสมัครสอบ ตลอดจนกติกาที่นักเรียนทุกคนต้องปฏิบัติในการสอบได้รับทราบ
สัก 20 ปี ได้ที่ห่างเหินกับการมีส่วนร่วมในการคุบสอบในตอนนั้นก็ทำตามอะไรสักอย่างที่ไม่ค่อยได้คิดอะไรมากนักและอาจจะมีอุปสรรคบางอย่างเกิดขึ้นอาจารย์ที่ดูแลห้องสอบจะดำเนินการแก้ไข ซึ่งเรามองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นนำมาเป็นบทเรียน การมาทำหน้าที่คราวนี้เป็นบทเรียนหนึ่งที่อยากจะสื่อบอกให้นักเรียนได้รับรู้ในความรู้สึกของครู/อาจารย์ที่ทำหน้าที่เฝ้าดูว่านักเรียนเหล่านั้นแสดงศักยภาพที่มีในตัวเองแสดงออกมาผ่านการทำบททดสอบที่มหาวิทยาลัยกำหนดขึ้นอย่างมีกติการ่วมกันอย่างเป็นธรรม
การรับข้อสอบจากส่วนกลางในช่วงเช้าและแจกข้อสอบ (ข้อสอบและกระดาษคำตอบ) อาจารย์สองคนทำเสร็จโดยใช้เวลา 20 นาที สำหรับนักเรียน 150 คน โดยมีอาจารย์จากส่วนกลางมาเป็นผู้ประสานค่อยช่วยเหลือเป็นระยะ ก่อนเวลาสอบ 5 นาที่ก็ให้นักเรียนเข้าประจำที่ ตรงนี้มีข้อสังเกตว่านักเรียนส่วนหนึ่งไม่ได้เอาบัตรประจำตัวเพื่อใช้ในการเข้าห้องสอบมาโดยเห็นว่ามีนักเรียนยืนดูประกาศที่มีรายชื่อ เลขที่นั่งสอบและเลขประจำตัวของการสมัคร หลายคนพร้อมทั้งจดลงในมือของตนเองพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นมีนักเรียนขาด 8 คน ตามที่นั่งสอบว่างอยู่ ดร.วรพจน์....... แจ้งให้นักเรียนทุกคนถึงวิธีการฝนกระดาษ ตั้งชื่อกลุ่มวิชา วิชา เลขห้องสอบ และเลขที่สมัครสอบ เวลาที่ใช้ในการสอบและความคาดหวังของมหาวิทยาลัยที่มีต่อนักเรียนซึ่งจะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยในแง่คุณธรรม โดยเฉพาะการซื่อสัตย์สุจริต ตรงนี้เป็นจุดแรกที่ได้สื่อสารบอกความคาดหวังของมหาวิทยาลัย
แล้วการสอบเริ่มขึ้นนักเรียนแต่ละคนตั้งใจทำข้อสอบ อาจารย์ก็เริ่มให้นักเรียนลงนามพร้อมตรวจความถูกต้อง ถูกคน เวลาผ่านไปจบผ่านไปแต่ละวิชาจนมาถึงวิชาสุดท้าย แล้วก็นำซองข้อสอบมาส่งคืนที่ห้องอำนวยการ ดูเหมือนว่าการสอบผ่านไปแล้วแต่ชีวิตเราต้องเรียนรู้ ที่ได้บทเรียนผ่านการสอบ Entrance ของเด็กนักรียน มีอยู่อย่างน้อย 3 ประเด็นดังนี้
ประเด็นที่นำมาเป็นบทเรียน
1. ห้องสอบที่หนาวเหน็บมหาวิทยาลัยควรสื่อให้เด็กได้รับรู้เพื่อเตรียมเสื้อกันหนาว จะได้ไม่ต้องหนาวจนสั่นอย่างที่ได้พบเห็น เราเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไรเสื้อกันหนาวตัวเดียวของตนเองกับเด็กร้อยกว่าคน ที่เป็นประสบการณ์ที่อยากจะสื่อสารไปถึงเด็กทุกคนที่กำลังเตรียมตัวมา Entrance เตรียมเสื้อกันหนาวมาด้วยก็จะทำให้เราไม่ต้องหนาวจนเสียสมาธิในการทำข้อสอบ
2. การเช็นต์ชื่อของนักเรียนที่ตรงเป้าหมายทั้งมหาวิทยาลัยยืนยันความถูกต้องของเด็กนักเรียน โดยต้องรอจังหวะที่นักเรียกไม่ได้คุ้นคิดและไม่รบกวนสมาธิให้เขาทำให้ข้อนั้นเสร็จไปก่อน อย่างนี้น่าจะดีหากเราเป็นเด็กเราก็ต้องการเช่นนี้ แม้ว่าการเซ็นต์ชื่อจะช้าไปบ้าแต่ก็เห็นล่องรอยของผู้ใหญ่ที่มีความรัก ความเมตตาต่อเด็กๆ ซึ่งสักวันเขาคงจะได้มาทำตามอย่างที่เขาได้ประสบมา
3. นักเรียนไม่ได้นำบัตรอะไรติดตัวมาเลยและต้องเข้าสอบเป็นอีกบทเรียนหนึ่งของอาจารย์ผู้คุมสอบที่แสดงความเกื้อกูลซึ่งกันและกัน นักเรียนไม่มีอะไรมากเลยมาจากต่างจังหวัด มหาวิทยาลัยก็มีระบบที่ชี้บ่งว่านักเรียนคนนั้นตรงกับคนที่สมัครหรือไม่ โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็เห็นใบสมัครของเด็กคนนั้น และชี้บ่งได้ว่าเป็นคนๆเดียวกัน ไม่งันชีวิตแด็กทั้งชีวิตต้องมาเสียเวลารอการสอบครั้งต่อไปในปีหน้า
...........................................................................
โชคดีของ มหาวิทยาลัย ที่ได้อาจารย์ยงยุทธ ไปดูแลครับ สาธุ สาธุ
ผมต้องเรียนรู้อีกมากครับอาจารย์ ที่จะหล่อเลี้ยงให้ทรัพยากรของชาติให้วิวัฒน์และพัฒนาขึ้นทั้งองค์ความรู้และจิตใจ โดยมีเป้าหมายให้เขาได้ "เรียนรู้เพื่อรับใช้สังคม"