เมื่อคืน ( 28 ม.ค. 52 )ได้ดูการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก จากสนามราชมังกีฬาสถาน หัวหมาก รามคำแหง ที่จริงแล้วที่ทำงานผู้เขียนก็อยู่ไกล้ ๆกับสถานที่จัดการแข่งขันอยากจะไปนั่งให้กำลังใจในสนามแต่ติดที่มีภารกิจ ส่วนตัว(ครอบครัว)จึงต้องกลับไปนั่งเชียร์หน้าจอทีวีอยู่ที่บ้าน
บทความครั้งต้น ๆ ของผู้เขียนได้เคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องพัฒนาการของกีฬาไทยไว้หลายบทความด้วยกัน และได้นำเสนอแนวคิดให้ผู้อ่านไปนั่งตามคิดเล่น ๆ ผลงานของทีมชาติไทยที่ปรากฏณ์ออกมาเมื่อวานนี้ได้แสดงให้เห็นพัฒนาการอีกขึ้น ในเรื่องระบบการเล่นที่ไม่ยึดติดกับ ผู้เล่นที่เล่นดูจนติดตา ฟังจนคุ้นหูชาวไทย แต่ได้สลับสับเปลี่ยนผู้เล่นที่มีจุดเด่นในการเล่น แบบต่างๆที่จะช่วยแก้ใขสถานการณ์และเกมในสนาม ณ.ขณะนั้น ได้ดีกว่า ถ้าเป็นสมัยก่อนช่วงที่มีโค้ช ที่ทีมชาติไทยเคยใช้จะไม่กล้าเปลี่ยนผู้เล่นที่ เราเรียกกันว่า "ซูปเปอร์สตาร์ " ออกมานั่งข้างสนาม ด้วยเหตุผลที่ว่าโค้ชมีความคุ้นเคยกับผู้เล่น คุ้นเคยกับสื่อ หรืออาจจะรู้จักเป็นการส่วนตัว หรืออาจจะมีผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจ ด้วยเหตุผลนี้อาจจะมีผลต่อการดำเนินชีวิตของโค้ชเอง ทำให้เกิดความเกรงใจ เกิดความกดดัน ในการจัดตัวผู้เล่นและการเปลี่ยนตัวผู้เล่น
ปีเตอร์ รีด หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยปัจจุบัน ตั้งแต่รับตำแหน่งเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากข้อความข้างต้นอย่างเห็นได้ชัด เลือกตัวผู้เล่นที่สามารถแก้ไขเกมการเล่นในสนามได้อย่างเหมาะสม และได้ผลมากกว่าที่คิดไว้เยอะ เปลี่ยนแปลงระบบการเล่น และกระตุ้นให้ผู้เล่นสู้อย่างยิบตา สมเกียรติกับผู้เล่นที่มีธงชาติติดที่หน้าอก
ผลที่ออกมาเมื่อวาน "บอลโลกรอบคัดเลือก ไทย - อิหร่าน ผลที่ออกมาเกินคาดครับ น่ายินดีอย่างยิ่ง และคาดว่าฟุตบอลทีมชาติไทยจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าหัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชคนนี้ยังอยู่ ( กลัวอย่างเดียว กลัวเจอสื่อและผู้มีอิทธิพลกับนักฟุตบอลทีมชาติ เข้ามายุ่มย่ามและกดดันครับ) ถ้ายังอยู่เราคงจะเห็นอะไรดี ๆ แน่ ๆ ครับ
สู้ต่อไปครับ ปีเตอร์ รีด สู้ต่อไปครับ นักฟุตบอลทีมชาติไทย ( สู้กับสื่อและสู้กับผู้มีอิทธิพล ) เอาใจช่วย .......สู้ ๆ ..........
มีความสุขทุกๆวัน นะครับ