ตรุษจีนไหว้เจ้า


ตรุษจีนไหว้เจ้า

 วันตรุษจีนถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ที่ชาวจีนให้ความสำคัญที่สุดในรอบปี เพราะเป็นการก้าวย่างเข้าสู่ปีใหม่เพื่อชีวิตใหม่ ซึ่งจะต้องมีประเพณีไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ที่ยึดถือกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
       
       พิธีกรรมการไหว้ตามประเพณีของคนจีนนั้นจะทำกันอย่างยิ่งใหญ่หลายวัน โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2552 เป็นวันไหว้ส่งเทพเจ้ากลับสวรรค์ ของสำคัญในการไหว้ได้แก่ ขนมแป้งข้าวเหนียวพร้อมกับน้ำตาลทรายแดง วันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2552 เป็นวันจับจ่ายซื้อของเตรียมไหว้เจ้า
       
       พอขึ้นวันที่ 25 มกราคม หรือวันสิ้นปีของคนจีนจะมีการจัดเครื่องไหว้ โดยทั่วไป ชาวจีนนิยมจัดของไหว้แบ่งเป็น เนื้อสัตว์ห้าชนิด(โหงวแซ)หรือสามชนิด(ซาแซ) ผลไม้(ห้าหรือสามชนิด) ขนมหวาน(ห้าหรือสามชนิด) กับข้าวคาว กับข้าวเจ สุรา น้ำชา ข้าวสวย และกระดาษเงินกระดาษทองประเภทต่างๆ (แยกเป็นของเทพเจ้า กับ วิญญาณ) ทั้งหมดทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับฐานะ ความพร้อมทางการเงิน สำคัญว่า ไหว้จ้าวแล้ว อย่าให้ตนและครอบครัว ต้องเดือดร้อนก็แล้วกัน
       
       การไหว้นั้นจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเช้า จากนั้นจึงตั้งเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ และหลังเที่ยงเป็นต้นไปบางบ้านอาจจะไหว้วิญญาณไร้ญาติ สัมภเวสีทั้งหลาย เป็นการทำบุญทำทานส่งท้ายปีเก่า


การจัดข้าวของบนโต๊ะจะจัดอย่างเป็นระบบเป็นระเบียบ เรียงตามลำดับความสำคัญ ตามชนิดของอาหาร แยกประเภทอย่างพิถีพิถัน อาหารแต่ละชนิดจะมีเสียงเรียกพ้องกับเสียงของคำมงคลทั้งสิ้น แม้สัตว์ต่างๆบนโต๊ะบูชาก็จะมีความหมายเป็นมงคลทั้งหมด ผลไม้ที่ขาดไม่ได้คือ “ส้มมหามงคล”สีทองที่ชาวจีนเรียกว่า “ส้มไต่กิก”เพราะมีความหมายหมายถึงความสวัสดีมงคลอย่างยิ่ง
       
       การไหว้เทพแห่งโชคลาภในคืนวันสุดท้ายคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาแรกสุดของวันใหม่ปีใหม่ถือเป็นประเพณีสำคัญหลักทั่วไปอย่างขาดมิได้ และนิยมไหว้กันโดยเฉพาะสถานที่ ที่เน้นเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อการพักผ่อน เช่น บ้าน ร้านค้า
       
       นอกจากการจัดอย่างพิถีพิถันมีความหมายแล้ว ยังมีความเชื่อในเรื่องของการเลือกเวลาไหว้ให้เหมาะกับบุคคลที่มีปีเกิดแตกต่างกันออกไปอีกด้วย เช่นการไหว้เทพแห่งโชคลาภสำหรับสถานที่ที่เป็นร้านค้า ที่ประกอบการธุรกิจ ถือว่าเทพแห่งโชคลาภเป็นเทพที่สำคัญมากสำหรับผู้ทำมาค้าขาย การไหว้บูชาประเภทนี้จะดูฤกษ์งามยามดีของแต่ละบุคคล ว่าวันและเวลานั้นเป็นมงคลกับตนหรือไม่ วันและเวลานั้นเป็นโทษกับตนหรือไม่ จะพยายามเลือกวันที่เป็นประโยชน์มากที่สุด เพื่อใช้เป็นฤกษ์ในการเปิดร้านค้าหรือทำกิจการธุรกิจเป็นวันแรกในปีนั้นๆ โดยอาจเลือกเปิดกิจการพอเป็นพิธีตามฤกษ์ที่ดี แล้วปิดร้านเพื่อไปพักผ่อนหรือท่องเที่ยวจนเห็นสมควรหรือเหมาะสมสะดวกแก่สถานการณ์แล้วจึงดำเนินกิจการจริงจัง
       
หรือเลือกที่จะใช้ฤกษ์ที่ดีในการเปิดร้านธุรกิจเป็นวันแรกแล้วดำเนินการต่อเนื่องไปเลยตามแต่สมควรของแต่ละกิจการแต่ละบุคคล อีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ การไหว้ให้ถูกต้องตามทิศของแต่ละวัน เพราะมีความเชื่อว่า เทพแห่งโชคลาภจะสัญจรเปลี่ยนตำแหน่งไปตลอดเวลา การจัดโต๊ะเพื่อทำการบูชาเทพจึงต้องพิจารณาทิศทางที่เทพสถิตย์อยู่ให้ถูกต้องด้วยเช่นกัน เรียกว่าไหว้ให้ถูกเวลา(ฤกษ์ดี) ไหว้ให้ถูกสถานที่(ชัยภูมิดี) ไหว้ให้เหมาะกับบุคคล(นักษัตรปีเกิดดี) และยังไหว้ให้ถูกขั้นตอนประเพณีอีกด้วย(ขบวนการ วิธีการดี)
       
       สำหรับปีนี้การไหว้ไฉซิ่งเอี้ยช่วงเวลาที่ดีที่สุดอยู่ระหว่าง 03.00 -05.00 น. ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ 26 มกราคม

การจัดข้าวของบนโต๊ะจะจัดอย่างเป็นระบบเป็นระเบียบ เรียงตามลำดับความสำคัญ ตามชนิดของอาหาร แยกประเภทอย่างพิถีพิถัน อาหารแต่ละชนิดจะมีเสียงเรียกพ้องกับเสียงของคำมงคลทั้งสิ้น แม้สัตว์ต่างๆบนโต๊ะบูชาก็จะมีความหมายเป็นมงคลทั้งหมด ผลไม้ที่ขาดไม่ได้คือ “ส้มมหามงคล”สีทองที่ชาวจีนเรียกว่า “ส้มไต่กิก”เพราะมีความหมายหมายถึงความสวัสดีมงคลอย่างยิ่ง
       
       การไหว้เทพแห่งโชคลาภในคืนวันสุดท้ายคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาแรกสุดของวันใหม่ปีใหม่ถือเป็นประเพณีสำคัญหลักทั่วไปอย่างขาดมิได้ และนิยมไหว้กันโดยเฉพาะสถานที่ ที่เน้นเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อการพักผ่อน เช่น บ้าน ร้านค้า
       
       นอกจากการจัดอย่างพิถีพิถันมีความหมายแล้ว ยังมีความเชื่อในเรื่องของการเลือกเวลาไหว้ให้เหมาะกับบุคคลที่มีปีเกิดแตกต่างกันออกไปอีกด้วย เช่นการไหว้เทพแห่งโชคลาภสำหรับสถานที่ที่เป็นร้านค้า ที่ประกอบการธุรกิจ ถือว่าเทพแห่งโชคลาภเป็นเทพที่สำคัญมากสำหรับผู้ทำมาค้าขาย การไหว้บูชาประเภทนี้จะดูฤกษ์งามยามดีของแต่ละบุคคล ว่าวันและเวลานั้นเป็นมงคลกับตนหรือไม่ วันและเวลานั้นเป็นโทษกับตนหรือไม่ จะพยายามเลือกวันที่เป็นประโยชน์มากที่สุด เพื่อใช้เป็นฤกษ์ในการเปิดร้านค้าหรือทำกิจการธุรกิจเป็นวันแรกในปีนั้นๆ โดยอาจเลือกเปิดกิจการพอเป็นพิธีตามฤกษ์ที่ดี แล้วปิดร้านเพื่อไปพักผ่อนหรือท่องเที่ยวจนเห็นสมควรหรือเหมาะสมสะดวกแก่สถานการณ์แล้วจึงดำเนินกิจการจริงจัง
       
หรือเลือกที่จะใช้ฤกษ์ที่ดีในการเปิดร้านธุรกิจเป็นวันแรกแล้วดำเนินการต่อเนื่องไปเลยตามแต่สมควรของแต่ละกิจการแต่ละบุคคล อีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ การไหว้ให้ถูกต้องตามทิศของแต่ละวัน เพราะมีความเชื่อว่า เทพแห่งโชคลาภจะสัญจรเปลี่ยนตำแหน่งไปตลอดเวลา การจัดโต๊ะเพื่อทำการบูชาเทพจึงต้องพิจารณาทิศทางที่เทพสถิตย์อยู่ให้ถูกต้องด้วยเช่นกัน เรียกว่าไหว้ให้ถูกเวลา(ฤกษ์ดี) ไหว้ให้ถูกสถานที่(ชัยภูมิดี) ไหว้ให้เหมาะกับบุคคล(นักษัตรปีเกิดดี) และยังไหว้ให้ถูกขั้นตอนประเพณีอีกด้วย(ขบวนการ วิธีการดี)
       
       สำหรับปีนี้การไหว้ไฉซิ่งเอี้ยช่วงเวลาที่ดีที่สุดอยู่ระหว่าง 03.00 -05.00 น. ซึ่งตรงกับวันจันทร์ที่ 26 มกราคม
การจัดข้าวของบนโต๊ะจะจัดอย่างเป็นระบบเป็นระเบียบ เรียงตามลำดับความสำคัญ ตามชนิดของอาหาร แยกประเภทอย่างพิถีพิถัน อาหารแต่ละชนิดจะมีเสียงเรียกพ้องกับเสียงของคำมงคลทั้งสิ้น แม้สัตว์ต่างๆบนโต๊ะบูชาก็จะมีความหมายเป็นมงคลทั้งหมด ผลไม้ที่ขาดไม่ได้คือ “ส้มมหามงคล”สีทองที่ชาวจีนเรียกว่า “ส้มไต่กิก”เพราะมีความหมายหมายถึงความสวัสดีมงคลอย่างยิ่ง
       
       การไหว้เทพแห่งโชคลาภในคืนวันสุดท้ายคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาแรกสุดของวันใหม่ปีใหม่ถือเป็นประเพณีสำคัญหลักทั่วไปอย่างขาดมิได้ และนิยมไหว้กันโดยเฉพาะสถานที่ ที่เน้นเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อการพักผ่อน เช่น บ้าน ร้านค้า
       
       นอกจากการจัดอย่างพิถีพิถันมีความหมายแล้ว ยังมีความเชื่อในเรื่องของการเลือกเวลาไหว้ให้เหมาะกับบุคคลที่มีปีเกิดแตกต่างกันออกไปอีกด้วย เช่นการไหว้เทพแห่งโชคลาภสำหรับสถานที่ที่เป็นร้านค้า ที่ประกอบการธุรกิจ ถือว่าเทพแห่งโชคลาภเป็นเทพที่สำคัญมากสำหรับผู้ทำมาค้าขาย การไหว้บูชาประเภทนี้จะดูฤกษ์งามยามดีของแต่ละบุคคล ว่าวันและเวลานั้นเป็นมงคลกับตนหรือไม่ วันและเวลานั้นเป็นโทษกับตนหรือไม่ จะพยายามเลือกวันที่เป็นประโยชน์มากที่สุด เพื่อใช้เป็นฤกษ์ในการเปิดร้านค้าหรือทำกิจการธุรกิจเป็นวันแรกในปีนั้นๆ โดยอาจเลือกเปิดกิจการพอเป็นพิธีตามฤกษ์ที่ดี แล้วปิดร้านเพื่อไปพักผ่อนหรือท่องเที่ยวจนเห็นสมควรหรือเหมาะสมสะดวกแก่สถานการณ์แล้วจึงดำเนินกิจการจริงจัง
       
หรือเลือกที่จะใช้ฤกษ์ที่ดีในการเปิดร้านธุรกิจเป็นวันแรกแล้วดำเนินการต่อเนื่องไปเลยตามแต่สมควรของแต่ละกิจการแต่ละบุคคล อีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ การไหว้ให้ถูกต้องตามทิศของแต่ละวัน เพราะมีความเชื่อว่า เทพแห่งโชคลาภจะสัญจรเปลี่ยนตำแหน่งไปตลอดเวลา การจัดโต๊ะเพื่อทำการบูชาเทพจึงต้องพิจารณาทิศทางที่เทพสถิตย์อยู่ให้ถูกต้องด้วยเช่นกัน เรียกว่าไหว้ให้ถูกเวลา(ฤกษ์ดี) ไหว้ให้ถูกสถานที่(ชัยภูมิดี) ไหว้ให้เหมาะกับบุคคล(นักษัตรปีเกิดดี) และยังไหว้ให้ถูกขั้นตอนประเพณีอีกด้วย(ขบวนการ วิธีการดี)
       
       
------------------------------------------------
อาหารหวาน-คาว ผลไม้และกระดาษ ที่คนจีนจัดไหว้เจ้าอยู่เต็มโต๊ะนั้น เชื่อหรือไม่ว่าของแต่ละอย่างนั้นล้วนมีความหมายทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะคนจีนนั้นให้ความสำคัญกับการไหว้เจ้าเพื่อขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เกิดโชคลาภ มั่งมีเงินทอง ดังนั้นจึงพิถีพิถันกับทุกเรื่องที่เข้ามาเกี่ยวข้องการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสิ่งของแต่ละอย่างที่นำมาไหว้ล้วนแล้วแต่มีความหมายไปในทางที่เป็นมงคลทั้งสิ้น
อาหารหวาน-คาว ผลไม้และกระดาษ ที่คนจีนจัดไหว้เจ้าอยู่เต็มโต๊ะนั้น เชื่อหรือไม่ว่าของแต่ละอย่างนั้นล้วนมีความหมายทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะคนจีนนั้นให้ความสำคัญกับการไหว้เจ้าเพื่อขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เกิดโชคลาภ มั่งมีเงินทอง ดังนั้นจึงพิถีพิถันกับทุกเรื่องที่เข้ามาเกี่ยวข้องการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสิ่งของแต่ละอย่างที่นำมาไหว้ล้วนแล้วแต่มีความหมายไปในทางที่เป็นมงคลทั้งสิ้น
           
ความหมายของอาหารไหว้ ซาแซ-โหงวแซ
       ไก่ หมายถึง ความสง่างาม ขุนนาง ยศ และ ความขยันขันแข็ง ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
       
เป็ด หมายถึง สิ่งที่บริสุทธิ์ ความสะอาด ความสามารถอันหลากหลาย
       
ปลา หมายถึง เหลือกินเหลือใช้ อุดมสมบูรณ์
       
หมู หมายถึง ความอุดมสมบรูณ์ มีกินมีใช้
       
ปลาหมึก หมายถึง เหลือกินเหลือใช้(เหมือนปลา)
            ความหมายของ ผลไม้ไหว้
       กล้วย หมายถึง กวักโชคลาภเข้ามา และขอให้มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง       
       แอปเปิ้ล หมายถึง ความสันติสุข สันติภาพ       
       สาลี่ หมายถึง โชคลาภมาถึง ( ควรระวัง ไม่นิยมไหว้บรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ )       
       ส้มสีทอง หมายถึง ความสวัสดีมหามงคล       
       
องุ่น หมายถึง ความเพิ่มพูน
            ความหมายของขนมไหว้      
       
ขนมเข่ง หมายถึง ความหวานชื่น ชีวิตมีความราบรื่น รูปลักษณ์มีความหมายของชะลอมที่เก็บของ
       เมื่อรวมกันกับความหวานชื่น จึงหมายถึง ความหวานชื่นอันสมบูรณ์       

       ขนมถ้วยฟู หมายถึง ความเพิ่มพูน เฟื่องฟู       
       
สาลี่(ขนม) หมายถึง ความเพิ่มพูน เฟื่องฟู (เหมือนถ้วยฟู)
       
ขนมเทียน ปกติ ขนมเทียนไม่ใช่ขนมของชาวจีนดั้งเดิม แต่เป็นขนมที่ถูกปรับปรุงขึ้นจากชาวจีน
      โพ้นแผ่นดิน โดยดัดแปลงจากขนมท้องถิ่น(ของไทย)จากขนมใส่ไส้ เปลี่ยนจากแป้งข้าวเจ้าผสมกะทิ
       มาเป็นแป้งข้าวเหนียวแทน ความหมายของขนมเทียนจึงใช้ความหมายเดียวกับขนมเข่ง คือความ
       หวานชื่น ราบรื่น ส่วนรูปลักษณ์ที่เป็นสามเหลี่ยมกรวยแหลม มีลักษณะมงคลในทางศาสนา
       คือ เจดีย์      

       
จันอับ (จั๋งอั๊บ) หมายถึง “ ปิ่นโต” ( “จั๊ง” หมายถึงชั้น, “อั๊บ” หมายถึงกล่อง) ความหมายรวม 
       ของ “จั๋งอั๊บ” คือ จึงหมายถึง ความหวานที่เพิ่มพูน มีความสุขตลอดไป (แต่คนไทยออกเสียงกลาง
       เป็น จันอับ ซึ่งเสียงคล้องมีความหมายที่ไม่ดีนัก คือคำว่า “อับ” อันหมายถึงความมืดมัว)
จึงขอบันทึกไว้ครับ

วันตรุษจีนในปฏิทินสุริยคติ




ปี

วันที่

วันที่

ปีชวด

7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

25 มกราคม พ.ศ. 2563

ปีฉลู

26 มกราคม พ.ศ. 2552

12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ปีขาล

14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ปีเถาะ

3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

22 มกราคม พ.ศ. 2566

ปีมะโรง

23 มกราคม พ.ศ. 2555

10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

ปีมะเส็ง

10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

29 มกราคม พ.ศ. 2568

ปีมะเมีย

31 มกราคม พ.ศ. 2557

17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2569

ปีมะแม

19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2570

ปีวอก

8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

26 มกราคม พ.ศ. 2571

ปีระกา

28 มกราคม พ.ศ. 2560

13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2572

ปีจอ

16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2573

ปีกุน

หมายเลขบันทึก: 237061เขียนเมื่อ 24 มกราคม 2009 05:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน 2012 15:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท