วันที่ 12-13 มกราคม 2552 นับว่าเป็นโอกาสดีของพวกเราชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ที่ได้มาฝากตัวเป็นศิษย์ท่านครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ โดยใช้ประเด็นนำว่า การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือประกันคุณภาพการศึกษาโดยใช้การจัดการความรู้ ผู้เข่าร่วมเรียนรู้ประกอบด้วยผู้บริหาร อาจารย์ เจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นตัวแทนจากทุกคณะ ในมหาวิทยาลัยของเรา
ภายใต้การนำของ รศ.ดร. สมเจตน์ ภูศรี อธิการบดี และ ดร. ทองม้วน นาเสงี่ยม รองอธิการบดี ทำให้บรรดาเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกคนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างมีความสุข ประกอบกับความเมตตาจากท่านครูบา ส่งผลให้การเรียนรู้ร่วมกันครั้งนี้มีพลังอย่างมหัศจรรย์ สาระสำคัญสรุปได้ว่า
1. กลไกสำคัญที่จะนำองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ทุกคนคาดหวังก็คือคนทุกคนในองค์กร เห็นได้จากที่ครูบา พาพวกเราไปเรียนรู้ที่สวนกล้วย ท่านบอกว่า หากความรู้ในตัวคนนี้วิ่งเข้าไปหาความรู้ในตัวโน้น ความรู้ก็จะไหลเวียนเกิดเป็นปัญญาและหากความรู้ในตัวคนทุกคนในองค์กรไหลเวียนไปหากันตลอดเวลา การเรียนรู้ การพัฒนา ปัญญา สิ่งดีๆก็มีให้เห็นตลอดเวลาเช่นกัน
2.ความเป็นตัวตนของมหาวิทยาลัย ซึ่งท่านครูบา บอกว่า คำว่า อัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย เป็นสิ่งสำคัญ ต้องช่วยกันคิด ช่วยกันสร้าง ช่วยกันสืบสานแต่ต้องคิดช้าๆ ตลอดเวลาสองวัน จะเห็นว่าท่านครูบา พาพวกเราคิดช้าๆ ผ่านการประชุมสัมนาแบบไร้กำหนดการตายตัว ใช้การพูดคุยอย่างคุ้นเคยเป็นสื่อกลางที่สำคัญ ค่อยๆคลี่ทีละประเด็นจนเห็นภาพที่ชัด
3. ที่นี่ไม่บอกวิธีทำ แต่บอกวิธีคิด เป็นประเด็นสำคัญปิดท้ายที่ผมได้จากการเรียนรู้ครั้งนี้ ครูบา บอกว่า หากเราไม่ยึดติดวิธีทำ เราจะมีวิธีคิดที่หลากหลาย ซึ่งเราจะได้วิธีทำที่หลากหลาย แล้วค่อยๆเลือกใช้ให้เหมาะสม ในทัศนะผมเห็นว่า ประเด็นนี้พวกเรานำไปใช้ได้ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงานในหน้าที่
ตลอดเวลาสองวันที่สวนป่า ผมสัมผัสได้ว่า กระบวนการพัฒนางานที่ไร้ความผูกพันทางใจของคนในหน่วยงานแบบราชการทั่วไปได้สร้างความอ่อนแอให้สังคมไทยอย่างรุนแรงและจะรุนแรงมากขึ้นภายใต้สภาวะที่บีบคั้นทุกเรื่องในสังคมไทย อย่างไรก็ตามผมถือว่าเป็นสิ่งท้าทายให้พวกเราได้ฉุกคิดเพื่อเรียนรู้ที่จะเผชิญกับสิ่งเหล่านั้นอย่างมั่นคง
กระบวนการพัฒนางานที่ไร้ความผูกพันทางใจสร้างความอ่อนแอให้สังคมไทยอย่างรุนแรง
ฉะนั้นการพัฒนางานไม่ว่าจะอย่างไรต้องสร้างความผูกพันทางใจให้มั่นคงใช่ไหมคะ