บันทึกที่แล้วได้เขียนถึงคุณค่าเหนือมูลค่า ของข้าวที่บันทึกนี้ http://gotoknow.org/blog/yutkpp/231781 บันทึกนี้เลยบันทึกต่อถึงข้าว ตามเส้นทางที่พบเจอจากการลงพื้นที่
หลายวันก่อนได้ไปสำรวจแปลงกล้วยไข่ที่อำเภอพรานกระต่าย ได้ผ่านไปทางตำบลท่าไม้-วังควง เห็นชาวบ้านกำลังเก็บเกี่ยวข้าว ขับรถไปก็จะเห็นรถไถเดินตามติดพ่วงลากฟ่อนข้าวเป็นระยะๆ แสดงว่าแถบนี้ยังไม่ใช้รถเกี่ยว-นวด เหมือนกับในเขตที่มีน้ำชลประทานสมบูรณ์
ตลอดสองข้างทาง ยังพบเห็นการตากข้าวเปลือกของชาวบ้านเพื่อเก็บใส่ยุ้งไว้บริโภคกันในครัวเรือน ซึ่งบางพื้นที่เราไม่สามารถพบเห็นการตากข้าวเปลือกกันแล้ว เพราะขั้นตอนการทำนาของชาวนานั้นเปลี่ยนแปลงไป ทุกขั้นตอนของการเก็บเกี่ยวจะใช้เครื่องจักร เกี่ยวเสร็จก็จะมีรถสิบล้อมารอรับไปขายให้กับโรงสีทันที
พอขับรถเข้าไปในหมู่บ้าน จะเห็นยุ้งฉางมีอยู่เกือบจะทุกบ้าน ซึ่งเมื่อเก็บภาพและสังเกตระหว่างการเก็บภาพ ก็จะเห็นความแตกต่างของยุ้ง เก่าบ้าง-ใหม่บ้าง ใหญ่บ้าง-เล็กบ้าง ปะปนกันไป ยุ้งเก่าๆ ส่วนใหญ่ก็จำสร้างจากไม้ หลายยุ้งน่าจะเป็นไม้สักทั้งหลัง คงเป็นเพราะเมื่อก่อนป่าไม้ในแถบนี้คงมีมาก แต่ยุ้งที่ใหม่กว่าส่วนมากจะเป็นโครงไม้ฝาเป็นสังกะสี ก็คงจะเป็นเพราะไม้หายากอีกนั่นแหละ และสะดวก ป้องกันความชื้นได้ดี
ยุ้งสมัยใหม่โครงทำจากไม้ฝาใช้สังกะสี
ยุ้งเก่าบางส่วนสร้างจากไม้-ของใหม่ฝาเป็นสังกะสี
ภาพของชาวบ้านที่ปลูกข้าวและเก็บข้าวของตนเองไว้กินเองนั้น เรายังสามารถพบเห็นได้ตามชนบทของทุกพื้นที่ในแถบที่น้ำท่าไม่ค่อยจะอุดมสมบูรณ์นัก หากเป็นในเขตชลประทานภาพเหล่านี้แทบจะมองไม่เห็น ยุ้งข้าวก็พอจะมีบ้าง แต่มีแต่ยุ้งแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร
ภาพจากบันทึกนี้ ทำให้เราพอจะทราบได้ว่าในพื้นที่เหล่านี้ ชาวบ้านยังมีวิถีชีวิตที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก ส่วนใหญ่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีความมั่นคงทางด้านอาหาร ยังมีความเป็นอยู่กันแบบเรียบง่าย มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
บางส่วนของสิ่งเหล่านี้น่าจะตรงกับเป้าหมายที่ภาครัฐต้องการให้เกิด ซึ่งเรียกว่าเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีการเขียนนโยบายและโครงการต่างๆ นาๆ ให้ชาวบ้าน อิอิ...แต่แท้จริงแล้วส่วนมากชาวบ้านเขาก็ต้องพอเพียงกันตามบริบทอยู่แล้ว หากไม่ปฏิบัติแบบพอเพียงก็จะอยู่อย่างลำบาก รายได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร
ผมขับรถออกจากหมู่บ้าน และออกจากพื้นที่ของตำบลท่าไม้ - วังควง ของอำเภอพรานกระต่ายด้วยหัวใจที่พอมีความหวัง โดยหวังว่าชาวบ้านที่นี่ และอีกหลายๆ พื้นที่ของประเทศไทย จะสามารถรักษาวิถีของการพึ่งพาตนเองเหล่านี้ไว้ให้นานที่สุด แม้จะต้องปรับเปลี่ยนไปบ้างก็ขออย่าให้เปลี่ยนไปเสียทั้งหมด ให้ภูมิใจในอาชีพและความสามารถในการผลิตอาหาร และการทำงานที่เป็นนายของตัวเอง ไม่ถลำทิ้งวิถีเดิมเข้ามาสู่สังคมของอุตสาหกรรม-การค้าการขาย ที่ต้องพึ่งพาภายนอกเสียทั้งหมดหรือเรียกว่ายืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ เพราะมาถึงวันนี้ ได้ข้อพิสูจน์แล้วว่าโลกของทุนนิยมแบบสุดโต่งที่ใช้เงินเป็นตัวตั้งนั้น ไม่ได้สดใสและทำให้มีความสุขได้ตลอดไป เหมือนวิกฤติที่กำลังเกิดขึ้นกับฝรั่งในขณะนี้
สิงห์ป่าสัก 30 ธันวาคม 2551
แวะมาดูยุ้งข้าวค่ะ
อยากให้ชาวบ้านเขาพึ่งตนเองให้ได้จริงๆครับ พึ่งให้ครบวงจร แม้กระทั้งการเก็บเมล็ดพันธุ์ข้าว การปลูก การคัดพันธุ์ข้าวเป็นระบบให้เหมาะสมกับท้องถิ่น เป็นการอนุรักษ์แหล่งเรียนรู้ พันธุ์ข้าวดั้งเดิมไว้ด้วยครับ ดังพระราชปณิธานของในหลวงครับ
สวัสดีปีใหม่นะครับพี่--
พี่ได้เคยเห็นตัวอย่างที่พิจิตรเขาทำได้ดีมากเลยค่ะ สามารถฟื้นพันธุ์ข้าวพื้นเมืองปรับปรุงพันธุ์ได้อย่างดี ซึ่งเขาเป็นชาวบ้านธรรมดาๆเริ่มต้นด้วยตัวเองแล้วแสวงหาความรู้ เมื่อสำเร็จยังแบ่งปันความรู้ไม่หยุดหย่อน
สวัสดีปีใหม่ มีความสุข ความสำเร็จในงาน มีกำลังใจ กำลังกายมุ่งมั่นภารกิจต่อไปนะคะ