เมื่อย่างเข้าปีใหม่ ใครล่ะที่จะไม่คิดจะเที่ยว..เราก็อีกคนหนึ่งล่ะ ที่ชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจและในปีนี้เราและครอบครัวก็เลือกที่จะเที่ยว ใกล้ๆบ้าน แบบท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
วันแรกที่ไปก็ล่องแก่งที่สตูลเลย ขอบอกว่าสนุกมาก ที่นั่น ไม่ว่าเจ้าไหนๆ ก็คิดค่าล่องแก่ง 200 ต่อหัว ระยะเวลาที่ใช้ก็ประมาณ 2 ชั่วโมง รวมระยะทางที่ล่องแก่งก็ประมาณ 9 กิโล ขอบอกว่าคุ้มมาก
และสนุกด้วย เรือคว่ำไป 2-3 รอบเลย แต่ก็ไม่เข็ดหลาบ ได้ครบทุกบรรยากาศทั้งมัน และทั้งได้ชมระบบนิเวศทั้ง 2 ข้างทาง
ส่วนใครที่คิดจะพัก เขาก็มีบ้านให้พักเป็นโฮมสเตย์ คิดค่าหัว ก็ราวๆ 800-900 บาท รวมค่าอาหารและล่องแก่งแบบเสร็จสัพ … นับว่าใครที่มาได้ล่องแก่ที่สตูลก็คงได้เต็มอิ่มกับการท่องเที่ยวเชิง นิเวศน์ในลักษณะนี้
หลังจากนั้นเราก็ได้เข้ามาพัก ที่บ้านพัก ภูเขาโฮมเสตย์ ซึ่งในละแวกนั้นก็มีบ้านพักน้อยหลังเช่นกัน
แต่ที่มาพักที่นี่เนื่องจากว่าที่ทำงานของน้องเขาเคยมาพักแล้วก็ติดใจ ราคาต่อคืน 3000 บาท อาหารเขาก็คิด 150 บาทต่อหัว ซึ่งอาหารนั้น ชาวบ้านแถวนี้ จะเป็นคนทำมาให้ทาน ซึ่งทำให้ชาวบ้านแถวนี้จะได้มีรายได้ อีกทางเช่นกัน นอกจากทำไร่ ทำสวน … นอกจากนี้บ้านพักแห่งนี้ยังจะมีธารน้ำเล็กๆให้พวกเราได้ลงไปเล่นในยามเช้า ซึ่งบ้านแห่งนี้ ได้รางวัลมาตรฐานบ้านพักโฮมเสตย์ด้วย…ใครที่สนใจก็ไปพักได้ เหมาะแก่การพัก ประมาณ 20-30 คน และที่สำคัญใกล้แหล่งท่องเที่ยว ถ้ำภูผาเพชร ซึ่งห่างกันแค่ 2 กิโลเองเท่านั้น
วันรุ่งขึ้นเราก็ไปเที่ยวถ้ำภูผาเพชรเลย ค่าบัตรเข้าเยี่ยวชมก็แค่ 30 บาทเท่านั้น ถ้าใครรอบคอบหน่อยก็พาไฟฉายไปด้วยก็ดี เพราะถ้ำมือมาก ถ้าไม่ได้พาไปก็สามารถเช่าได้ที่หน้าถ้ำราคา 20 บาทต่อชิ้นเท่านั้น
เราใช้เวลาในการเดินชม ราวๆประมาณ 2 ชั่วโมง และในนั้นพื้นที่ในการเข้าชมก็มีหลายส่วน และยังไม่เปิดเข้าชมก็มีหลายส่วน แต่ที่เราเดินชมกันแค่นี้ก็เดินกันขาเมื่อยแล้ว แต่ขอชมท่านที่เป็นไกด์ให้เรา พูดตลอดเลย ไม่รู้ว่าเหนื่อยบ้างหรือปล่าว เพราะวันนึงๆ เขาต้องพาชมกันราวๆ 4 รอบได้
หลังขากนั้นเราก็ขับรถไปเรื่อยๆ ไปหยุดที่กระบี่ไปนั่งชมวิวที่แถวๆสุสานหอย ซึ่งเราได้นัดญาติอีกกลุมหนึ่งไว้ที่นั่น
หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันกลับ อีกกลุ่มกลับไปที่ตรัง ส่วนเราก็ไปพักที่เกสเฮาส์ของญาติฝั่งพ่อแถวๆทับปุด ที่พักก็สบายๆ ราคา ราว 450 บาท แต่พวกเราได้นอนพักฟรี…อิอิ
พอถึงรุ่งเช้าเราก็เข้าไปเที่ยววัดบางเหลียง แถวๆตัวเมืองทับปุดเนี่ยะแหละ ขอบอกว่าจุดชมวิวสวยมาก บรรยากาศยังกะภาคเหนือเลย ตอนที่เราไป อากาศกำลังหนาวๆ ได้ที่ และก็เป็นช่วงเช้าด้วย
วิวจึงดูสวยอย่างแรง..ไ่ม่นึกว่าแถวภาคใต้เราจะมีวิวแบบนี้ด้วย
เมื่อเดินชมจนสมใจแล้ว พวกเราก็มุ่งหน้ากลับสู่ภูเก็ต ทันที แต่ก็ยังมิวายแอบชะแว๊บอีก 2 ที่ นั่นคือ ถ้ำพุงช้างที่จ . พังงา ซึ่งที่นี้เราเจอเพื่อนที่ภูเก็ตด้วยความบังเอิญ ที่นี้เขาคิดค่าชมเข้าไปดูถ้ำ หัวละ 200 แต่ด้วยเนื่องจากที่เราอิ่มจากเที่ยวถ้ำที่สตูลบวกกับที่มีความรู้สึก เหนื่อย ง่วง อยากจะนอน เราจึงเลือกชมบริเวณโดยรอบ และอีกที่ก็คือประตูเมืองภูเก็ต ซึ่งจะอยู่ก่อนด่านตรวจรถเข้าเมืองภูเก็ต
พอกลับมาภูเก็ต ก็นอนพักผ่อนกันสบายใจแล้ว ยามว่างเราก็แวะไปหาหลานที่ อะควาเรียม
ก็ไปเดินเดินเล่นสักกะหน่อย มีพันธุ์สัตว์น้ำมากมาย ให้ดู แต่เราก็เลือกที่จะเดินเล่นภายนอก
เพราะ สบายกว่า และได้มีโอกาสไปดูบรรยากาศภายในเรือที่จอดที่ท่าด้วยรวมทั้งเข้าชมยังห้อง เครื่องด้านล่่างด้วย โดยให้หลานนำเข้าชม ไม่น่าเชื่อว่าจะมี 4 ชั้น น่ะเนี่ยั และเรือนี้ก็สามารถนำพวกเด็กๆ นักเรียน หรือกรุ๊ปทัวร์มาเที่ยวชมได้ แต่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนนะจ๊ะ
ทริปเที่ยวก็มีแค่นี้แหละน่ะ ถ้าใครอยากดูภาพเพิ่มเติมก็มาดูได้ที่
ไม่มีความเห็น