nui
นาง เสาวลักษณ์ พัวพัฒนกุล

เรื่องน่าประทับใจ “คุณลุง Unplaned ICU”


ผลของการบริการนั้นมันอบอวลไปด้วยความสุขทางใจ ที่แม้จะบอกเล่าใครๆ บุคคลเหล่านั้นก็ไม่สามารถสัมผัสได้ดีเท่ากับตัวเรา

มีเรื่องน่าประทับใจ  ได้มาจากงานมหกรรมคุณภาพของโรงพยาบาล  เขียนโดยพยาบาลหัวหน้า ICU  เรื่อง คุณลุง Unplaned ICU”  อยากแบ่งความประทับใจให้ทุกคนได้อ่านค่ะ

เจ้าของบันทึกนี้ชื่อ ศิริพร เจริญพงศ์นรา หรือ อ้อย เขียนบันทึกเพื่อเผยแพร่บนบอร์ดนิทรรศการของ ICU ทุกคนที่ได้อ่านจะสัมผัสได้ถึงความสุข ความรัก และความรู้สึกดีๆ ระหว่าง ผู้ให้บริการ และ ผู้รับบริการ  สิ่งนี้เป็นกำลังใจ และ แรงบันดาลใจ อันสำคัญสำหรับพยาบาลทุกคนค่ะ

                จากที่ได้รู้จักอ้อยมานานกว่ายี่สิบปี  อ้อยเป็นพยาบาลในอุดมคติ  เปี่ยมด้วยจิตใจเมตตา กรุณา สุภาพ อ่อนโยนมาก  ทั้งต่อผู้ป่วย ผู้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงาน  เป็นพยาบาลที่เก่งมากในด้านความรู้ความเชี่ยวชาญที่นักวิชาชีพพึงมี  ความจริงฉันไม่จำเป็นต้องพูดถึงอ้อยเลยก็ยังได้  เพราะเชื่อว่าทุกคนที่ได้อ่านบันทึกของอ้อยย่อมตระหนักด้วยตนเอง

                ฉันได้ขออนุญาตอ้อยเผยแพร่บันทึกฉบับนี้แล้วค่ะ

งาน มหกรรมคุณภาพ  ๒๒-๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๑

 

 

คุณลุง.....Unplaned ICU*   โดย ศิรนรา

*Unplaned ICU หมายถึง การเข้ารับบริการใน ไอซียู โดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า

 

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม 2551 ฉันจำได้ว่าวันนั้นฉันง่วนกับการประชุมจนเย็น เมื่อลงมา ward เวรเช้าก็เสร็จจากการส่งเวรพอดี น้องพยาบาลก็บอกว่ามีลุงหน้าคุ้นๆ คนหนึ่งมาหา แล้วก็ฝาก CD แผ่นหนึ่งไว้ให้ คืนนั้นฉันได้เปิดฟัง ก็ทราบว่าเป็นเสียงของลุงอดีตคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการไอซียู ที่คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านไปแล้ว และที่สำคัญฉันจำลุงได้ไม่มีวันลืมทีเดียว เพราะทำให้ฉันได้มีโอกาสขึ้น สภอ.เมืองสมุทรสาครโดยไม่ตั้งใจ

เนื้อหาใน CD ถูกถ่ายทอดด้วยน้ำเสียงที่เครือของผู้สูงวัย ทำให้ฉันต้องตั้งใจฟังและฟังซ้ำๆอีก เพื่อจับใจความ เมื่อฟังต่อไปก็อดใจที่จะถอดเทปนั้นไม่ได้ เพราะในเนื้อหาที่ลุงเล่าบรรยายถึงความรู้สึกช่วงที่นอนป่วยในโรงพยาบาล ได้รับการรักษาในไอซียู ย้ายไปหอผู้ป่วยต่างๆ  ใช้บริการฟอกเลือดของหน่วยไตเทียม ตลอดจนสะท้อนถึงบุคลากรที่ดูแลรักษาทุกระดับ      จำนวน 37 นาที ฉันใช้เวลาในการถอดเทปกว่า 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 5 ทุ่มของคืนนั้น จนถึง 2.00 น.ของวันใหม่ ได้ข้อความเกือบ 4 หน้ากระดาษ แต่สิ่งที่ฉันได้ เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย เหมือนกับฉันนั่งคุยอยู่กับลุง หากเป็นอย่างนั้นฉันคงจะจับมือลุงและขอบคุณที่ลุงได้บอกเล่าและสะท้อนในสิ่งที่พวกเราชอบเรียกว่า “พฤติกรรมบริการ”  ที่อยากจะปลูกฝังให้กับบุคลากรของโรงพยาบาลเราทุกคนนั่นเอง

ลุงเป็นชายร่างเล็ก เชื้อสายจีน เข้ามาใช้บริการ ไอซียู  อาการสำคัญตอนนั้นคือ ความดันโลหิตต่ำ  ปัสสาวะเป็นสีแดงของเลือดข้นๆ ที่ปนออกมาอย่างชัดเจน ส่งผลให้ค่าความเข้มข้นของเลือดและเกล็ดเลือดที่ต่ำลงๆ แม้ว่าการให้เลือดทดแทนมีอยู่ตลอดเวลา หยดแล้วหยดเล่า ถุงแล้วถุงเล่า ความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงอาจจะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง แต่เกล็ดเลือดก็ดิ่งลงจนน่าตกใจ คุณหมอพิจารณาให้ขอ platelet concentration ให้ทันที แต่สิ่งที่ไม่คาดคิด คือ เกล็ดเลือดกรุ๊ป AB ของลุง ที่ขอจากสภากาชาดไทย ซึ่งควรต้องให้เดี๋ยวนั้น จะได้เร็วที่สุดในวันรุ่งขึ้น แต่สภาพตอนนั้นของคุณลุงรอไม่ได้แล้ว ลุงเริ่มเหนื่อยจากภาวะน้ำเกิน  ใบหน้าและเยื่อบุตาซีด เริ่มบวมน้ำ ซึ่งไม่ต่างกับความกังวลของคุณหมอที่วนเวียนมาดูอยู่ไม่ห่าง ความกลัวที่วิบวิบในใจของฉัน เพราะหากไม่ได้เกล็ดเลือด ลุงอาจต้องเสียชีวิตก่อนที่จะได้เกล็ดเลือดจากกาชาดแน่นอน

 เรา (หมายถึง คุณหมอ พยาบาล และธนาคารเลือด) ปรึกษากัน เพื่อหาเกล็ดเลือดกันจ้าละหวั่น ธนาคารเลือดดำเนินการติดต่อโรงพยาบาลใกล้เคียงทุกแห่ง ก็ไม่มีเกล็ดเลือดกลุ่มนี้ ส่วนฉันช่วยหาในโรงพยาบาลระดับตติยภูมิทุกแห่งในกรุงเทพ  มีเพียงแห่งเดียว คือ ที่ รพ.ทหารแห่งหนึ่ง  และที่สำคัญคือจะหมดอายุลงในเวลาเที่ยงคืนของคืนนั้น (เกล็ดเลือดมีอายุ 5 วัน หลังจากการแยกออกมา)  หัวหน้าธนาคารเลือด บอกว่าไม่อยากให้ เพราะประสิทธิภาพมันคงจะเหลือน้อยเต็มทีแล้ว หากให้มาแล้วไม่ได้ผลจะกระทบต่อชื่อเสียงของรพ.ของท่าน เพราะมีค่าใช้จ่ายเกล็ดเลือดจำนวนนี้ถึง 9,600 บาท   ฉันต้องอ้อนวอนท่าน เพราะ คิดว่าถึงจะมีน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีเลย  ท่านตกลงให้แต่มีข้อแม้ว่าต้องไปชำระเงินเดี๋ยวนั้นด้วย ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 16.30 น. ทุกนาทีที่ผ่านไป หมายถึงเกล็ดเลือดที่จะหมดอายุไปด้วย หนังสือขอเกล็ดเลือดที่ธนาคารเลือดได้ดำเนินการอย่างรีบเร่ง ฉันรีบแจ้งญาติให้ทราบ รวมทั้งขอผัดผ่อนขอเกล็ดเลือดมาให้คนไข้ก่อน แล้วค่อยจ่ายเงินทีหลัง (โดยมีสัญญาลูกผู้หญิง ชื่อ เบอร์โทรและตำแหน่งงานที่อ้างอิงได้) ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็ได้มาให้ลุงทันที ซึ่งก็ส่งผลช่วยให้เลือดหยุดไหล แม้ว่าต่อมาในคืนนั้น จะได้เกล็ดเลือดไม่ตรงหมู่จาก โรงพยาบาลใหญ่ อีกแห่ง มาให้อีกจำนวนหนึ่ง (ทำให้พวกเราได้ทราบว่าหากฉุกเฉินก็สามารถให้เกล็ดเลือดไม่ตรงหมู่ได้)  ลุงต้องใส่ท่อช่วยหายใจและเครื่องช่วยหายใจ ในเย็นวันนั้นเองจากปอดบวมน้ำ และมีภาวะไตวายเฉียบพลัน ที่ทำให้ลุงต้องฟอกเลือดต่ออีกหลายครั้ง และอยู่รพ.อีกหลายวันหลังจากย้ายออกจาก ไอซียู

            ความรู้สึกของลุงในช่วงพักรักษาตัวในไอซียู ได้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างชัดเจน ฉันอยากยกคำพูดของลุงมาให้น้องๆพยาบาลและผู้ให้บริการ ไม่เฉพาะแต่ในไอซียูเท่านั้น ได้รับรู้สิ่งที่ผู้ป่วยได้ถ่ายทอดมาให้ฟัง เพราะผู้ป่วยน้อยคนนัก ที่จะบอกเล่าให้พวกเราได้รับทราบโดยละเอียดอย่างนี้

 

            “วันนั้นผมอยู่ห้องไอซียู ห้องฉุกเฉิน แว่วๆเสียงได้ยินลูกๆกับแม่ คุยกันเรื่องเกล็ดเลือด ได้ยินเสียงลูกสาวคนเล็กสองคนยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ บอกว่า

           “ ป๊าต้องไม่เป็นไร   ป๊าต้องอยู่กับหนูนานๆ”

ผมพูดอะไรไม่ได้ ได้ยินแต่เสียง พอต่อมาผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย   พอมาฟื้นรู้สึกตัวอีกที ออกจากห้องฉุกเฉินไปอยู่ห้องไอซียู พอผมฟื้นตัวรู้สึกตัวขึ้นมารู้แต่ว่ามีสายอะไรเต็มไปหมด ผมขยับตัวอะไรไม่ได้เลย พอผมรู้สึกตัวอีกทีนึง ตอนนี้แม่กับลูกๆ มาเยี่ยมตามเวลาเยี่ยม  ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ...พูดอะไรไม่ได้ พูดไม่ออก ได้แต่กระพริบตา ใครทำอะไรก็ได้แต่กระพริบตาอย่างเดียว ผมอยู่ห้องไอซียู     ประมาณ 9 วัน  ในเวลา 9 วันนี้ ผม....หายใจไม่ค่อยออก หมอเค้าบอกว่า มีโรคแทรกซ้อน น้ำท่วมปอด ไตทำงานไม่ดี ผมหายใจไม่ได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา

อยู่ห้องไอซียู ผมได้รับการดูแลอย่างดี  จากพยาบาลแผนกไอซียู ไม่ว่าจะช่วยเหลือผม ตอนที่ผมหายใจไม่ออก หรือว่า อุจจาระ  ปัสสาวะ อะไรก็แล้วแต่ พยาบาลทำให้ผมทุกอย่าง  ทำให้ผมรู้สึกตัวเล็ก ทำความสะอาดให้ผม อาบน้ำให้ผม ดูแลผมเหมือนกับทารกทุกอย่าง มีความรู้สึก เหมือนอย่างแม่ตอนอาบน้ำให้ผม ทำให้ผมหมด...ทำความสะอาดให้ผมทุกอย่าง  ขอบคุณจนพูดไม่ออก มีแต่น้ำตาไหล ผมอยู่ห้องไอซียู 9 วัน มีอยู่ 3 วัน ที่ผมอุจจาระ วันนึงออกตั้งหลายหน นางพยาบาลทุกคนไม่เคยรังเกียจเลย ที่จะทำความสะอาดให้ผม จนผมรู้สึกว่าเกรงใจมาก เพราะว่าหลังทำความสะอาดเสร็จแล้ว ไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ถ่ายอีก พอทำความสะอาดเสร็จแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมงก็เลอะอีก เป็นอย่างนี้วันแล้ว วันที่สองก็เป็นอย่างนี้ จนผมพูดไม่ออกว่า จะทำอย่างไรดี ก็เลยถ่ายออกมาแล้วผมเลยไม่บอก ปล่อยให้มันแช่อยู่อย่างนี้ จนรุ่งเช้า นางพยาบาล มาอาบน้ำให้ผมก็เลยเห็น มันแช่จนอวัยวะแดง นางพยาบาลเลยต่อว่าผมว่าทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก ต้องรีบบอก ......ถ้าปล่อยแบบนี้ ถ้าแช่แล้วเกิดเป็นแผลขึ้นมาจะลำบาก ...ตอนนั้นจะล้างก็ล้างลำบาก  นางพยาบาลเลยต้องใช้มีดโกนมาโกนเอาขนออก ผมพูดไม่ออก ตอนนั้นผมใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ ผมหายใจอ่อนมากต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอีก .....อยู่อย่างนั้นตลอด 9 วัน   บ่ายเย็นก็มาเช็ด ... ถึงแม้ว่าเป็นหน้าที่ แต่ก็มิใช่ว่าทุกคนจะทำได้แบบนี้ ผมถึงรู้สึกว่าผมเป็นหนี้บุญคุณพวกเค้า ถ้าวันไหนผมมีโอกาส ผมจะต้องตอบแทนบุญคุณพวกเค้าอย่างดี รวมทั้งคุณหมอที่มาเยี่ยมผมทุกวัน”

ตอนอยู่ห้องไอซียู ตอนนั้นผมทรมานมาก ตอนนั้นผมจะบอกคุณหมอหรือพยาบาลว่าผมไม่เอาแล้วผมอยากตาย เพราะทรมานหายใจไม่ออก หมอต้องมาดูดเสมหะให้ผม วันละหลายๆครั้ง แรกๆคุณหมอต้องใช้เชือกผูกมือเท้าผม ผมขยับเขยื้อนไม่ได้เลย เวลาเป็นอะไร ...ผมจึงรู้ว่าคนเรานะอย่าเป็นอะไรดีที่สุด ขอให้ทุกคนพยายามรักษาตัวอย่าให้เป็นอะไรเลย อย่าต้องเข้าโรงพยาบาล ไม่ว่าผ่าตัดหรือไม่ผ่าตัด มันไม่ดีเลย “

 

นี่เป็นความรู้สึกของผู้ป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ ที่ถูกตัดทอนออกมาเฉพาะบางช่วงเท่านั้น ในภาพรวมของทุกแห่งที่ลุงได้ใช้บริการ  ลุงแนะนำถึงสิ่งที่ผู้ป่วยในระยะพักฟื้นต้องการก็คือ ความเอาใจใส่ของพยาบาล ของคุณหมอประจำชั้นนั้นๆ สิ่งสำคัญ คือการพูดทักทาย ซักถาม แจ้งอาการ ให้ข้อมูลการทำหัตถการให้ทราบ ลุงคาดหวังถึงการให้กำลังใจ คำแนะนำในการปฏิบัติตน ตลอดจนความสะอาดของห้องพักและห้องน้ำ ลุงฝากเสียงสะท้อนของลุงผ่านฉันไปถึงผู้บริหารในการพัฒนาระบบบริการของโรงพยาบาล

กรณีศึกษาจากลุงทำให้ทีมการรักษา มีการเรียนรู้และมีการปรับปรุงด้านสถานที่แล้วอย่างเป็นรูปธรรม ส่วนนโยบายปรับโฉมด้านพฤติกรรมบริการนั้นเป็นนโยบายสำคัญอยู่แล้ว

            เรื่องของลุงก็จบไปด้วยดี  แต่เรื่องของฉันยังไม่จบ เพราะสัญญาลูกผู้หญิงที่ต้องไปจ่ายค่าเกล็ดเลือดในวันรุ่งขึ้นนั้น ไม่สามารถปฏิบัติได้ ติดขัดที่ว่ารพ.ต้องรับผิดชอบ หรือ ผู้ป่วย  โชคดีของรพ.ที่กรณีของลุงเป็นสิทธิต้นสังกัด สามารถทำเบิกได้โดยสำรองจ่าย แต่ข้อแม้หนึ่งที่รพ.ต้องเป็นผู้ดำเนินการ ฉันต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรพ.ในการประสานและรายงาน  ผัดผ่อนอยู่ 2 วันเพื่อรักษาเครดิตของตัวเองและของโรงพยาบาลด้วยเพื่อประโยชน์ในวันข้างหน้า เพราะหัวหน้าธนาคารเลือดที่นั่น ท่านก็เล่าให้ทราบว่า มีการชักดาบของรพ.ใหญ่สังกัดกระทรวงฯแห่งหนึ่งมาแล้ว และเพื่อการประหยัดการใช้รถและเวลาที่เจ้าหน้าที่ต้องไปเพียงชำระเงิน ฉันก็เลือกวิธีโอนเงินให้รุ่นน้องที่รพ.แห่งนั้นช่วยดำเนินการให้ และรอรับใบเสร็จเพื่อทำเบิกให้กับผู้ป่วย เหตุการณ์น่าจะเรียบร้อยดี แต่ก็มีปัญหาจนได้ คือใบเสร็จรับเงินที่ลงทะเบียนและส่งด่วนได้สูญหาย เนื่องจากไปรษณีย์ปลายทางนำส่งผิดและติดตามไม่ได้  ฉันเสียเวลากับการประสานงานกับจนท.ไปรษณีย์  เกือบ 2 สัปดาห์ ฉันต้องขอบคุณพี่รัตนา หัวหน้าฝ่ายการเงินที่ช่วยประสานเพื่อขอสำเนาใบเสร็จรับเงินส่งมาให้  โดยฉันต้องไปแจ้งความใบเสร็จรับเงินหาย ที่สภอ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อประกอบหลักฐานใบเสร็จ   ระหว่างรอหลักฐานเหล่านี้ให้ญาติผู้ป่วย ฉันก็แวะเวียนไปแจ้งให้ทราบถึงปัญหาล่าช้าของใบเสร็จที่จะไปทำเบิกเงินคืน และถือโอกาสเยี่ยมลุง เพื่อติดตามอาการ เพราะลุงต้องฟอกเลือด ก็อยู่ในช่วงเวลาลุ้นว่าไตของลุงจะกลับมาทำงานเหมือนเดิม หรือ จะเป็นไตวายเรื้อรัง เมื่อถึงวันที่ลุงบอกว่าไม่ต้องล้างไตแล้ว  วันนั้นเป็นวันที่ฉันสบายใจที่สุด

ในที่สุดทุกอย่างก็เรียบร้อยด้วยดี อย่างมีสีสัน  มีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น ทำให้ฉันจดจำคุณลุง..Unplaned ICU คนนี้อย่างขึ้นใจ โชคดี...ได้ชีวิตลุงกลับมา ได้ความรู้สึกดีๆ จากครอบครัว  และสุดท้ายฉันได้ CD ที่มีคุณค่า  และมีโอกาสถ่ายทอดให้ผู้อ่านได้รำลึกว่า งานบริการของพวกเรา แม้จะยากยิ่งกว่างานบริการอื่นๆ เพราะเป็นบริการแก่ผู้ที่มีความทุกข์ทั้งกายและใจ ไม่เฉพาะกับผู้ป่วยเท่านั้น ยังรวมถึงครอบครัว   สิ่งที่บริการมิใช่แค่หน้าที่ที่จะทำให้เสร็จลุล่วงเพียงอย่างเดียว แต่เป็นบริการที่ต้องใส่ใจแล้วคลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกันได้  ผลของการบริการนั้นมันอบอวลไปด้วยความสุขทางใจ ที่แม้จะบอกเล่าใครๆ  บุคคลเหล่านั้นก็ไม่สามารถสัมผัสได้ดีเท่ากับตัวเรา

 

 

    ปล. ขอบคุณทุกๆท่าน ที่กล่าวถึงในที่นี้ 

คุณลุงและครอบครัว                               : ที่เข้าใจผู้ทำงานบริการอย่างพวกเราและสะท้อน   

                                                                เพื่อให้เกิดการพัฒนา

หัวหน้าธนาคารเลือด รพ.ภูมิพล    :            หากวันหนึ่งฉันได้ไปที่นั่น จะขอไปทำความรู้จักและ

  ขอบคุณท่านด้วยความจริงใจ

พี่รัตนา หัวหน้าฝ่ายการเงิน                      : พี่นาเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินได้ทุกเรื่อง

คุณหมอ น้องๆพยาบาลและNA  ไอซียู1

และทุกหน่วยงาน                                    : สำหรับจิตบริการ ที่ทุกคนให้กับผู้ป่วย

 

หมายเลขบันทึก: 232475เขียนเมื่อ 29 ธันวาคม 2008 15:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2014 15:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • ใช่แล้ว ความรู้สึกเวลาป่วยนี้อธิบายยากจริงๆ เพราะใครก็คงไม่เจ็บป่วยจนช่วยตัวเองหรอกนะคะ
  • แต่เวลาที่ต้องเจ็บ ต้องป่วย คนสำคัญที่สุด ก็คือ พยาบาล ละค่ะ เพราะเราต้องพบปะกันตลอดเวลา คนไข้ต้องการพยาบาลใจดี คอยแนะนำวิธีปฏิบัติตัวค่ะ และต้องการหมอที่เอาใจใส่ด้วย
  • ดีใจที่คุณลุงถ่ายทอดความรู้สึกออกมาจัง ช่วยเสริมให้เห็นว่า พยาบาลคือ บุคคลที่ช่วยเหลือคุณลุงได้อย่างแท้จริงทีเดียวนะ
  • ถือโอกาสสวัสดีปีใหม่เสียเลยนะคะ หนูนุ้ย ขอให้มีความสุข สดชื่น สมหวัง ตลอดปี และตลอดไปนะคะ ... Happy happy จ้า

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

  • น้องโก๊ะจิจัง แซ่เฮ
  • น้องลีโอ
  • คุณสาริน ไกรพจน์  (ยินดีที่ได้รูจักค่ะ)

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้ทุกท่านมีความสุข ประสบสิ่งดีงาม  สุขภาพกาย สุขภาพจิต สมบูรณ์ แข็งแรงนะคะ

สวัสดีค่ะ หมอนน

ไม่มีอะไรที่ทำให้พวกเราที่เป็น "care giver" มีความสุขมากไปกว่าการได้รู้ว่าคนไข้ของเราหาย สบายดี ค่ะ

แต่ถึงแม้คนไข้ไม่บอกเรา แต่การที่เราได้ทำอะไรดีๆ ให้เขา เราก็ Happy มากแล้วค่ะ

ความรู้สึกแบบนี้ หาซื้อที่ไหนไม่ได้ค่ะ

รู้สึกดีมากเลย ที่มีคนคิดถึงเราอย่างนี้ พยาบาลไอ ซี ยู ทำงานอยู่บนความเสี่ยงทุกอย่าง โชคดีมากนะคะ ที่มีคนพูดแทนเรา ขอบคุณคุณศิรนรา และคุณ nui มากนะคะ ..จากคนICU เช่นกัน

  • สวัสดีคุณตรีสรา ยินดีที่ได้รู้จักน้องค่ะ ขอโทษที่ตอบช้า ( ที่บ้าน Net ใช้ไม่ได้ค่ะ ต้องรอวันเปิดทำงาน)
  • พยาบาลไอซียูต้องเป็นคนเก่งงาน คล่องงาน ใช่มั๊ยคะ ว่างๆ เล่าเรื่องงานไอซียูให้เพื่อนๆ ฟังบ้างสิคะ
  • สวัสดีปีใหม่ค่ะ

สวัสดีปีใหม่ค่ะ อาจารย์ add มีความสุขมากๆ นะคะ (หัวใจสวยมาก อยากส่งภาพสวยๆ มาอวยพรปีใหม่บ้าง แต่ทำไม่เป็นค่ะ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท