ส่วนชุมชนแห่งการเรียนรู้ เป็นส่วนงานที่มักพบกับคำถามว่า
"ส่วนงานนี้ทำอะไร โรงเรียนตั้งส่วนงานนี้มาเพื่ออะไร เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนรู้ของเด็กอย่างไร"
วันศุกร์ที่ผ่านมาน้องๆ จากกอง บก. Kids and School ได้เข้ามาขอสัมภาษณ์ผู้ปกครองและครูที่รับผิดชอบ
ทำให้มีโอกาสได้มาทบทวน และสรุปออกมาได้ว่า
• โลกของเด็กคือ บ้านและโรงเรียน
ดังนั้นการเรียนรู้ของเด็กต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างครูและผู้ปกครอง
ที่จะเตรียมเด็กให้พร้อมที่จะเรียนรู้
ตัวอย่างเช่น
ถ้าผู้ปกครองจัดบรรยากาศตอนเช้าวันมาโรงเรียนให้สดชื่น
มีการจัดการที่ราบรื่น เด็กก็พร้อมจะเรียนรู้ได้ดี
แต่ถ้าบรรยากาศในบ้านเร่งรีบ มีเสียงบ่น
หรือเด็กไม่พร้อมตื่นเพราะเมื่อคืนนอนดึก
บรรยากาศเช้าวันนั้นก็จะตึงเครียด
เด็กก็จะมาถึงโรงเรียนด้วยสภาพจิตใจที่ไม่พร้อมจะรับอะไร เป็นต้น
• การเรียนรู้แบบที่ครูไม่ต้องบอกมาก
การตั้งคำถามให้ถูกที่ ถูกเวลา ก็เป็นการสอนที่ดีที่ครูเราเลือกใช้มากวิธีหนึ่ง
ถามให้ถูกที่ถูกเวลานี่สำคัญนะ
คำถามที่ขึ้นต้นว่า “ทำไม” จึงไม่ได้หมายความว่าจะดีไปทั้งหมด
• การจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก เป็นแนวทางสำคัญของโรงเรียน
เช่น การพาออกภาคสนาม ที่เป็นจุดแข็งของโรงเรียน
เริ่มจากชั้น 1 ที่มานอนค้างที่โรงเรียน ทำอาหารกินกันเอง
ดูแลตัวเองโดยไม่มีพ่อแม่พี่เลี้ยง
เป็นประสบการณ์ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตัวนักเรียน
ให้พร้อมเจอกับการผจญภัยใหญ่ขึ้น
ที่ครูในชั้นเรียนต่อไปได้จัดเตรียมแผนภาคสนาม
ไว้รอรับเพื่อพาเด็กๆ ออกสู่โลกกว้างต่อไป
• มวลประสบการณ์ที่เด็กสะสมจากโรงเรียน
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในห้องเรียน จากกิจกรรมเดี่ยว กิจกรรมกลุ่ม
ความสำเร็จ ความล้มเหลว จากการทดลอง การหาคำตอบ จากภาคสนาม
ประกอบกับสิ่งที่เด็กๆ แต่ละคนจะได้สะสมจากที่บ้าน
จะเป็นต้นทุนให้เด็กนำมาประมวลออกมาเป็นความรู้ ความเข้าใจ
ทักษะ ความสามารถ และบุคลิกภาพ ของตัวเอง
• วิถีการเรียนรู้ที่แตกต่างกันของแต่ละคน ทำให้เด็กแต่ละคนหยิบเก็บเนื้อหา
มาประมวลเป็นความรู้ และฝึกฝนทักษะด้านต่างๆ
เพื่อพัฒนาขึ้นเป็นตัวของเขาที่ไม่มีใครเหมือนกัน
• การเรียนรู้ของเด็กที่จะติดตัวเขาไปอย่างยั่งยืนคือความรู้ที่เขาสร้างขึ้นเอง
ซึ่งต้องอาศัยวิธีคิด และมุมมอง ต่อสถานการณ์ต่างๆ
เป็นแนวทางในการสะสมและประมวลประสบการณ์
การสื่อสารไปบนความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจกัน อย่างสม่ำเสมอ
จะเป็นกุญแจเปิดให้เด็กได้เรียนรู้ “วิธีคิดและวิธีเรียนรู้” จากผู้ใหญ่
อย่างเช่น การคิดดังๆ ให้เด็กฟัง ไม่ว่าจะต่อความสำเร็จ ความผิดหวัง
จะทำให้เด็กเรียนรู้มากกว่าการพร่ำบ่น สั่งสอนตรงๆ
• การทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย อบอุ่น
นอกจากจะมาจากความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและนักเรียน และนักเรียนกับนักเรียน แล้ว
ยังมาจากการที่บ้านหลายๆ บ้าน ที่มารวมกันเป็นครอบครัวเพลินพัฒนา
แต่ละครอบครัวได้มารู้จักกัน เมื่อพ่อแม่รู้จักกัน จนเป็นเพื่อนกัน
ลูกๆ ก็ เหมือนลูกหลานเราไปด้วย เราก็จะเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่
ที่จะเอื้ออาทร ห่วงใยกัน และที่สำคัญให้อภัยและเข้าใจกัน
• ด้วยบรรยากาศแบบนี้ เด็กก็ได้เรียนรู้ ผู้ใหญ่เองก็ได้เรียนรู้
เพราะเมื่อมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
บวกกับประสบการณ์ ความรู้ และทักษะของแต่ละคน โดยเฉพาะในการเป็นพ่อ เป็นแม่
มาอยู่บนพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้พบปะแลกเปลี่ยนกันซึ่งจัดขึ้นโดยโรงเรียน
ก็จะเกิดการเรียนรู้ เกิดความรู้ใหม่ๆ ที่จะออกผลมาเป็นการลงมือทำ
ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมหรือพฤติกรรมที่จะสร้างสังคมเข้มแข็งที่ดีงามและยั่งยืน
อันเป็นเป้าหมายของส่วนงานชุมชนแห่งการเรียนรู้
ตัวอย่าง
o พ่อแม่ที่นี่ฝากรับลูกกลับบ้านกันได้
o เด็กบางคนอาจโทรศัพท์ไปขอคำแนะนำจากแม่ของเพื่อน ที่ได้กลายเป็นเพื่อนของแม่ไปแล้ว เพราะบางเรื่องอาจไม่กล้าบอกแม่ตัวเอง ผู้ใหญ่ก็จะร่วมมือกันหาทางออกให้
o เด็กๆ ได้เรียนรู้ความชำนาญจากครอบครัวอื่นๆ เช่น พ่อที่สนใจดาราศาสตร์ก็มาสอนเพื่อนๆ ลูก หรือ พาเด็กๆเวียนกันไปดูงานตามพ่อแม่ที่อยู่ในกิจการต่างๆ เช่น โรงพิมพ์ ห้องเย็น สถานที่ราชการ ร้านอาหาร สวนเกษตร เป็นต้น
o พ่อแม่ก็มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ร่วมกันจัดกิจกรรมให้กับเด็กๆ เช่น ชวนกันไปเที่ยว และทัศนศึกษา มี่ตั้งแต่ไปกันเป็นกลุ่มเล็กไม่กี่คน ไปถึงติดประกาศชวนกันไปเป็นจำนวนร้อยคน โดยมีการจัดการแบบง่ายๆ ไม่เป็นภาระผู้จัด/แกนนำ เช่น แต่ละครอบครัวเตรียมตระกร้าอาหารกลางวันไปกันเอง ดูแลกันเอง เป็นต้น
เด็กก็ได้เรียนรู้ ผู้ใหญ่เองก็ได้เรียนรู้ เป็นคำถามที่มักถูกถามเสมอว่า ได้เรียนรู้อะไร?????
ตามคุณครูมาเรียนรู้ด้วยคนค่ะ ขอบคุณค่ะ
คุณ rittichai คะ
ขอบคุณที่ตั้งคำถามมาค่ะ นั่นสิคะ เรียนรู้อะไรกันหนอ
ผู้ปกครองที่นี่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการพบปะพูดคุยกัน
สิ่งที่ได้คือได้รู้มุมมองใหม่ๆ เป็นวิธีคิดต่อสถานการณ์หนึ่งๆ ของคนอื่นๆ
เมื่อคิดกับมันอย่างหนึ่งก็มีพฤติกรรมตามมาอย่างหนึ่ง
และตอนนี้เริ่มมีกลุ่มผู้ปกครองที่ชักชวนกัน "มีสติ" เห็นแล้วก็ชื่นใจค่ะ
(คนเป็นพ่อแม่-โดยเฉพาะคุณแม่ๆ มักจะ "ปี๊ด" กับลูกๆ บ่อยน่ะค่ะ)
เราก็ยังเพิ่งเริ่มก้าวเดินจากคนกลุ่มเล็กๆ ไม่มากนัก
แต่ก็มีความหวังว่าการเรียนรู้นี้จะขยายวงใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ
คุณ krutoi ตะ
ขอบคุณค่ะ