จิตใจสดใส ห่างไกลความเครียด เพื่อสุขภาพชีวิตและการทำงานที่ดี


จิตใจสดใส ห่างไกลความเครียด

จิตใจสดใส ห่างไกลความเครียด  
ใกล้ปีใหม่ เลยอยากฝากให้ทุกท่านได้มีจิตใจที่สดใส ห่างไกลจากความเครียด ด้วยนะค่ะเพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองและคนที่เรารักและคนที่รักเรา คือได้อ่านพบในคอลัมภ์
Good Health จากวารสาร อพวช. ฉบับที่ 75 ปีที่ 7 ประจำเดือนกันยายน 2551 ซึ่งจะเห็นว่ากระแสในบ้านเมืองเราและสถานการณ์รอบด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ เรื่อยไปจนถึงสภาวะโลกเราที่คุ้มดีคุ้มร้าย พาเอาเราเครียดไปตาม ๆ กัน แล้วความเครียดนี้ ก็ดูเหมือนจะเป็นโรคติดต่อทางสายตา พอเห็นใครเครียดเราก็เครียดตาม พาลขยายวงใหญ่

          อันว่าความเครียดนั้น เป็นเสมือนทูตแห่งความยุ่งยากที่พอได้มาเยี่ยมเยือนแล้วก็จะเชื้อเชิญเพื่อน ๆ ในวงการเดียวกันมาสู่ชีวิตเรา เช่น ความเจ้าอารมณ์ ความอดทนต่ำ ความซึมเศร้า ความเจ็บป่วย อีกสารพัดสารพัน ฉะนั้นเราควรจะมารับมือกับความเครียดด้วยการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่จิตใจของเราเพื่อต่อสู้กับความเครียดรอบตัวเรากันดีกว่า

          วัคซีนป้องกันความเครียดที่ว่านี้ คือ ความคิดดีคิดบวกค่ะ เนื่องด้วยมีการศึกษาพบว่า ความรู้สึกนั้นมีการเหนี่ยวนำกันได้ ลองสังเกตดูก็ได้ค่ะ หากมีใครสักคนที่ไม่รู้จักมองหน้าเรา ถ้าเราขมวดคิ้วใส่เราก็จะได้สิ่งนั้นกลับมา แต่ถ้าเรายิ้มรอยยิ้มก็จะกลับมาหาเราเช่นกัน ดังนั้น มาคิดดีคิดบวกเพื่อกระตุ้นให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่สดใสรอบตัวเรากันดีกว่า

          ทันตแพทย์สม สุจิรา ผู้เขียนหนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต ได้กล่าวถึงวิธีที่จะกำจัดความรู้สึกไม่ดีออกจากจิตใจไว้ 11 ข้อ ด้วยกัน ได้แก่

          1. การให้อภัย การแผ่เมตตา ในยามที่มีใครมาสะกิดต่อมโกธร ก็ใช้วิธีการนี้จะช่วยลดความร้อนรุ่มของจิตใจได้ เวทีมวยจะได้กลายเป็นเวทีสันติภาพไป

          2. การให้ความรัก เมื่อรู้สึกขัดเคืองใจกับคนรอบข้างให้ลองนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ระหว่างเรากับคนนั้น ๆ หรือหากท้อแท้ก็ให้นึกถึงความรักที่คุณได้รับจากคนรอบข้าง จากครอบครัวดู

          3. การแสดงออกในเชิงบวก วิธีการนี้ต้องใช้อาศัยการบังคับตนเองอยู่เหมือนกันค่ะคือ หากเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่โดยปกติต้องอาละวาดฟาดงวงฟาดงา ก็ให้ข่มใจแล้วหัวเราะออกมาซึ่งอาจต้องฝืนไปบ้าง (ไม่ใช่หัวเราะแบบอำมหิตนะคะ เชื่อว่าจะทำให้เราอารมณ์เย็นลงได้)

          4. การยอมรับจุดที่แย่ที่สุด การถอยตั้งหลัก การปลีกวิเวก วิธีการนี้จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นในสภาวะหลังชนกำแพงแล้ว คือการยอมรับ ถอย แล้วปล่อยวางเรื่องเหล่านั้นไปสักระยะ เพื่อให้อารมณ์สงบนิ่งก่อน แล้วความคิดดี ๆ อาจผุดขึ้นมาท่ามกลางความสงบนั้น

          5. การดูแลสุขภาพกายให้แข็งแรง จิตและกายเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน ใครเล่าที่เจ็บป่วยแล้วจะสบายใจที่รู้ว่าตนเองเป็นโรค ดูแลร่างกายให้แข็งแรงไว้เป็นพื้นฐานดีของความคิดบวกค่ะ

          6. การทำงานอดิเรก วิธีการนี้เหมาะสำหรับปุถุชนธรรมดาที่พบปัญหายุ่งยากแล้วไม่อาจข่มใจให้อยู่นิ่งได้ ก็ให้หางานอดิเรกเพื่อเบี่ยงเบนความหมกมุ่นครุ่นคิดนั้นเสีย ให้จิตใจได้พักผ่อนแล้วยังจะช่วยสร้างสมาธิให้ในตอนที่จดจ่ออยู่กับงานนั้นด้วย

          7. การสำนึกรู้คุณ วิธีนี้จะทำให้เรารู้สึกดีต่อทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว เป็นการฝึกมองโลกในแง่ดี เช่น หากเบื่องานที่ทำอยู่ก็ให้สำนึกบุญคุณของงานนี้ที่ทำให้มีเงินเลี้ยงชีพ

          เชื่อไหมค่ะว่า ขอเพียงให้เราหมั่นเพียรฝึกคิดฝึกปฏิบัติเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ เราก็จะกลายเป็นคนที่คิดดีคิดบวก มีจิตใจที่สดใสแล้วจะช่วยชักนำให้คนรอบข้างมีความสุขไปด้วย วันนี้คุณยิ้มแล้วหรือยังคะ  อย่าลืมนะคะ สุขภาพดีก็จะทำให้เราได้ทำงานอย่างเต็มที่ พัฒนางาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 229847เขียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2008 07:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท