ทุกวันนี้นั่งมองวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในหอพักรอบๆ บ้าน แล้วรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูกขนาดที่ว่าพยายามนั่งทำใจและก็ปลงกับสิ่งที่เห็น ใช้สมาธิในการข่มใจและพยายามที่จะมองในทางบวกให้มากที่สุดเท่าที่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งพึงจะทำได้ นึกถึงสมัยก่อนเมื่อคราวไปโรงเรียนตื่นแต่เช้าทำงานบ้านกว่าจะได้ไปโรงเรียนในระดับอุดมศึกษาก็เกือบๆ จะไม่ทัน เลิกเรียนก็จะต้องรีบกลับบ้านทำการบ้านและงานบ้านอีกสารพัดที่จะแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ได้ เรื่องมีแฟนนี่แทบจะไม่ต้องพูดถึง หรือในกลุ่มที่มีแฟนก็จะคุยกันนั่งห่างคนละเป็นเมตร และเรื่องถูกเนื้อต้องตัวเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะผู้หญิงกลัวถูกนินทาและถูกมองเหมือนตัวประหลาด แต่ปัจจุบันตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง สังเกตได้ว่ากว่าเด็กนักเรียนจะไปเรียนต้องเข้าคิวสระผม ทำผมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ตามใต้ถุนหอพักหรือรอบๆ จะมีร้านเสริมสวยเยอะมาก การแต่งต้วผู้ชายก็กางเกงฟิตๆ เสื้ออยู่นอกกางเกง ต้องทำผมทรงเกาหลี ผู้หญิงก็กระโปรงสั้นๆ เสื้อตัวเล็กๆ และฟิตมากเดินก็ลำบากนั่งก็ลำบากแต่ก็ยังอยากใส่ กว่าจะได้ไปเรียนก็เกือบๆ เก้าโมง เที่ยงๆ ก็กลับกันแล้วกลับมาพร้อมกับเหล้า โซดา และเบียร์ พร้อมเพื่อนอีกกลุ่มใหญ่ บางห้องกินตั้งแต่เที่ยงวันถึงตีหนึ่งตีสอง บางคนพาสาวกลับมาด้วยแล้วก็หมกตัวอยู่ในห้อง ทั้งหมดทั้งมวลจะอยู่ในสายตาของคนคุมหอพักหรือที่เด็กเรียกว่า "ต้นทาง" ซึ่งทำตัวเป็นผู้ขายสินค้าด้วยตนเอง สั่งเหล้า เบียร์มาขายทีเป็นรถหกล้อขายดีจนไม่น่าเชื่อ พ่อแม่ใครมา หรือแฟนใครมาจะมีหน้าที่โทรไปบอกบนห้องล่วงหน้า เพื่อจะได้สับเปลี่ยนห้องกันหรือหนีกันทัน และก็เป็นอย่างนี้เกือบทุกหอ เห็นแล้วก็ปลง คงหมดสมัยแล้วกระมังที่จะให้นักเรียนกลับจากเรียนนแล้วอ่านหนังสือ หรือทำการบ้าน และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ มีนักเรียนที่ขยันรับลอกการบ้านและราคาก็ค่อนข้างแพง แต่คิวก็เต็มทุกวันต้องจองคิวล่วงหน้า นี่หรือสังคมไทยปัจจุบันที่ภาพภายนอกดูสวยหรู และทันสมัยยิ่งนัก แต่ละสถาบันแข่งกันโฆษณาถึงความยิ่งใหญ่ และความสำเร็จของนักเรียนที่จบไป แต่ระบบการเรียนการสอนเป็นอย่างไรไม่พูดถึง ทำตัวเป็นประเภทจ่ายครบจบแน่ เด็กฝึกงานที่สำนักงานเกือบสิบคนบางวันยังนึกว่าตัวเองอยู่เกาหลีเพราะแต่งตัวเหมือนกันหมด แต่ขอโทษทีให้พิมพ์จดหมายราชการยังพิมพ์ไม่เป็นเลย อนาถใจแท้ๆ กับอนาคตของชาติ.....
น่าคิดครับ
ประเด็นที่ต้องให้ความสนใจครับ
คนเกาหลี เขาก็ไม่ได้อะไรมากมายกับการแต่งตัว แต่งผม เพียงแค่เขามีสไตล์เป็นของตัวเองครับ
เพราะมีโอกาสไปเยี่ยมเกาหลีมา
เด็กๆไม่ได้แค่กอดกัน จับมือกัน
ถ้ากลืนกินกันได้คงทำครับ
เราเองไม่กล้าที่จะทำครับ
จ่ายครบจบแน่ เป็นคำพูดที่รู้กันเป็นการทั่วไป
แต่ไม่มีใครคิดที่จะแก้ไขครับ
ยากเหลือเกิน
@ แต่ขอโทษทีให้พิมพ์จดหมายราชการยังพิมพ์ไม่เป็นเลย อนาถใจแท้ๆ กับอนาคตของชาติ.....
@ ผมมองว่าการพิมพ์จดหมายราชการเป็น "ศาสตร์" อย่างหนึ่ง ถ้าใครยังไม่เคยผ่านประสบการณ์ทางด้านนี้ก็คงจะยาก...ต้องอาศัยเวลา ประสบการณ์ ทำให้เกิดทักษะจากการเรียนรู้ ลงมือปฏิบัติ "เด็กฝึกงาน" จึงต้องการ "ฝึก" เช่นกัน
@ เพราะ "ต่างกรรมต่างวาระ"
@ น่าคิด..
ขอบคุณครับคุณ PASSAKORN และไทบ้านผำ ที่ได้มาเยี่ยมเยียนกันครับ
เหมือนเป็นการระบายความอัดอั้นนะครับ เห็นทุกวันก็ยังไม่ชินซะทีครับ