พัดชา
สุภัสตรา เก้าประดิษฐ์ ทรัพย์ชุกุล

สุนทรพจน์ของมาร์ตี อาห์ตีซารี (Martti Ahtisaari's Speech)


ข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการที่จะปันความเชื่อ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า ภาวะวิกฤติทั้งหลายรวมทั้งในตะวันออกกลางสามารถแก้ไขได้

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่ท่านอาห์ตีซารีได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ท่านได้กล่าวสุนทรพจน์ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่า น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจจึงได้แปลดังความด้านล่าง (อาจจะยาวนิดนึงนะคะ)

 

"ข้าพเจ้ารู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ ซึ่งถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับบุคคลที่ทำงานในด้านนี้ที่จะได้รับ  สิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึกขณะนี้คงเปรียบได้กับความสุขที่ข้าพเจ้ารู้สึกเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สันติภาพได้นำมาต่อชีวิตมนุษย์ เมื่อประชาชนที่ต้องทนทุกข์กับสงครามและวิกฤติต่างๆ ได้เริ่มที่จะสร้างชีวิตของตนในบรรยากาศของสันติภาพ และนั่นหมายถึง การกลับมาของศรัทธาในอนาคต

ข้าพเจ้าเองก็เป็นเด็กที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม ช่วงที่ข้าพเจ้าอายุได้สองขวบ สงครามได้สงบลงซึ่งเป็นผลจากการตกลงด้านผลประโยชน์ระหว่างฮิตเล่อร์(เยอรมัน) และสตาลิน(รัสเซีย)  ซึ่งทำให้ครอบครัวของข้าพเจ้าต้องอพยพออกจากเมืองวิอิปูริ (Viipuri) เช่นเดียวกับชาว Karelians หลายแสนคน พวกเราได้กลายเป็นผู้ลี้ภัยในประเทศของตนเองเนื่องจากพลังอำนาจการเมืองที่ทำให้เขตแดนของประเทศฟินแลนด์มีการปรับใหม่และทำให้บ้านเกิดของข้าพเจ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซีย ประสบการณ์ช่วงเยาว์วัยนี้ ได้ทำให้ข้าพเจ้าผูกพันกับการทำงานในการหาทางแก้ไขจัดการความขัดแย้ง

*****                                                                                                                                 

นักเจรจาไกล่เกลี่ย มิใช่คนที่จะเลือกความขัดแย้งที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่เป็นคู่กรณีที่จะเป็นผู้เลือกนักเจรจาไกล่เกลี่ย  การมีส่วนร่วมของนักเจรจาไกล่เกลี่ยมาจากความไว้วางใจของคู่กรณี  งานของนักเจรจาไกล่เกลี่ยคือ การช่วยให้คู่กรณีในการเปิดประเด็นที่ยากๆ  และนำทุกฝ่ายไปสู่กระบวนการสันติภาพ  เราอาจจะบอกได้ว่า บทบาทของนักเจรจาไกล่เกลี่ยประกอบไปด้วยการเป็นกัปตัน แพทย์ให้คำปรึกษา  หมอตำแย(ผดุงครรภ์)และครู                                                           

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของการเจรจามักเน้นที่ตัวนักเจรจาไกล่เกลี่ยมากเกินไปจนทำให้เป็นการลดทอนอำนาจของคู่กรณี และสร้างความประทับใจผิดๆ ที่ว่า "สันติภาพมาจากภายนอก"   อันที่จริงแล้ว ผู้ที่จะสร้างสันติภาพได้ คือ คู่กรณีที่มีความขัดแย้ง เพราะเขาต้องรับผิดชอบต่อความขัดแย้งและผลที่ตามมา ดังนั้น คู่กรณีต้องเป็นคนที่รับผิดชอบและตระหนักถึงสันติภาพ

ข้าพเจ้าอยากเล่าว่า กระบวนการที่ทำให้ชาวนามิเบียได้รับอิสรภาพนั้นใช้ระยะเวลาเนิ่นนานและต้องการข้อผูกมัดและความต้องการอย่างสูงของชาวนาบิเมีย  นามิเบียเป็นตัวอย่างที่ดีมากที่ สหประชาชาติและเครือข่ายสมาชิกสามารถทำงานได้ประสบความสำเร็จ   หากมองย้อนกลับไปจะเห็นว่า เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่เราจะทำให้บุคคลสำคัญ เช่น  ห้าประเทศตะวันตก ( สหรัฐอเมริกา  อังกฤษ  ฝรั่งเศส เยอรมันและคานาดา)  ประเทศรัสเซีย องค์การเอกภาพอัฟริกัน  รัฐบาลอัฟริกาใต้ และพรรคการเมืองทั้งหมดในนามิเบีย รวมทั้ง SWAPO ที่มาทำงานเพื่อให้ได้เป้าหมายร่วมกัน  นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังสอนอีกว่า แนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน สามารถเกิดขึ้นได้หากบุคคลนั้นได้เตรียมการเจรจากับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง  ข้าพเจ้าเชื่อว่า ประสบการณ์การทำงานในนามิเบียกระตุ้นให้รัฐบาลอัฟริกาใต้เริ่มที่จะมีกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางประชาธิปไตย

 การสร้างสันติภาพในอาเจะห์ ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของภาวะผู้นำทางการเมืองของประเทศที่มุ่งให้เกิดการแก้ไข ความขัดแย้งภายใน  ความพยายามร่วมมือกันระหว่างผู้นำทางการเมืองของอินโดนีเซียกับขบวนการอิสระอาเจห์  ส่งผลให้เกิดข้อตกลงทางสันติภาพ  อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น การปฏิรูปทางสังคมและเศรษฐกิจจะดำเนินไปได้หากทั้งสองฝ่ายและประชาชนส่วนใหญ่ได้ให้สัญญากันในระยะยาว  โดยงานที่จะต้องทำคือ การพัฒนาระบบของชาติที่จะป้องกัน ดำรงและพัฒนาคุณภาพชีวิตในอาเจะห์

 ความขัดแย้งทั้งหมดสามารถแก้ไขได้

 สงครามและความขัดแย้งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะเหตุมาจากมนุษย์ และผลประโยชน์ที่มาจากการทำสงคราม  ซึ่งผู้มีอำนาจและอิทธิพลสามารถหยุดยั้งสิ่งเหล่านี้ได้

สันติภาพเป็นคำถามหนึ่งของความมุ่งมั่น  ความขัดแย้งสามารถมีขึ้นได้ และดำรงอยู่ได้นิรันดร์   แต่มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้หากความขัดแย้งที่ส่งผลความรุนแรงนั้นท้าทายการแก้ไขเป็นศตวรรษ จนทำให้มนุษย์ต้องทรมานอย่างไม่สามารถประเมินได้ และ ยังยับยั้งการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจ   

ความไร้สมรรถนะของชุมชนโลกทำให้เกิดความยากในการที่จะสร้างศรัทธาร่วมกับโครงสร้างที่ปลอดภัย มั่นคง   แม้ว่ามีการท้าทายมากมาย  ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อก็สามารถแก้ไขได้หากคู่กรณีที่เกี่ยวข้องและชุมชนนานาชาติได้เข้ามาร่วมทำงานด้วยกัน  สหประชาชาติได้วางกรอบที่ถูกต้องสำหรับความพยายามและแนวทางแก้ไขในการสร้างสันติภาพสากลต่อปัญหาของโลก   อย่างไรก็ตาม เราทุกคนควรตระหนักถึงข้อจำกัดของสหประชาชาติและสมาชิกที่ต้องการให้มีการทำงานแต่อาจมีทรัพยากรและการสนับสนุนทางการเมืองที่จำกัด   ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ สมาชิกของสหประชาชาติจะทำงานเพื่อให้องค์การโลกเข้มแข็ง  เราไม่สามารถที่จะสูญเสียสหประชาชาติได้

ในเรื่องของความขัดแย้งนั้น  ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะอ้างถึงชัยชนะเสมอ แต่การสร้างสันติภาพนั้นต้องเกี่ยวพันกับทุกคน: ความอ่อนแอและอำนาจ  ชัยชนะและความพ่ายแพ้ ผู้ชายและผู้หญิง คนหนุ่มและคนแก่   อย่างไรก็ตาม บ่อยครั้งที่การเจรจาสันติภาพ มาจากผู้นำเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง  ในอนาคต เราต้องทำได้ดีขึ้นโดยสามารถที่จะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมกว้างขวางมากขึ้นในการสร้างสันติภาพ  โดยเฉพาะ การมีส่วนร่วมของสตรีในการทำให้เกิดสันติภาพ

กระบวนการและข้อตกลงสันติภาพ และเป็นผลจากทุกฝ่ายที่ต้องการยุติความรุนแรง แต่งานที่แท้จริงแล้วจะเริ่มต้นหลังจากมีการสรุปข้อตกลงสันติภาพ และ ข้อตกลงนั้นได้มีการปฏิบัติ  การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ชั่วข้ามคืน และการสร้างประชาธิปไตยต้องใช้ความอดทน ที่ต้องการแนวทางสมบูรณ์แบบต่อการสร้างสันติภาพ และสนับสนุนสำหรับประชาสังคม

 ความไม่เท่าเทียมกันเป็นตัวเร่งความขัดแย้ง 

 การเพิ่มขึ้นของความไม่เท่าเทียมกันในประเทศและระหว่างภูมิภาคได้ทำให้ช่องว่างที่มีอยู่มันลึกขึ้น  ดังนั้นจึงเป็นงานของเราที่จะสร้าง อนาคตและความหวังสำหรับภูมิภาคและประเทศที่ประสบภาวะวิกฤติที่คนหนุ่มสาวต้องเผชิญกับการว่างงานและ มีจินตนาการเพียงน้อยนิดในการพัฒนาชีวิตของเขา    หากเราไม่จัดการกับความท้าทายนี้  ความขัดแย้งใหม่ก็จะโหมขึ้นและเราก็ต้องสูญเสียคนอีกรุ่นหนึ่งให้กับสงคราม

งานใหญ่อีกเรื่องหนึ่งคือ ภาวะวิกฤติทางการเงิน  อันเป็นสิ่งสำคัญของการรักษาความผูกพันของชุมชนนานาชาติต่อการพัฒนาความร่วมมือ ผลของภาวะวิกฤตินี้อาจทำให้โลกที่กำลังพัฒนาเกิดการถอยหลัง  คนที่จนมากที่สุดกำลังทุกข์ทรมานจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของอากาศ  ราคาอาหารที่สูงขึ้นและระดับการค้าต่างชาติที่น้อยลง  การลดลงของความช่วยเหลือและการลงทุนจากต่างชาติ อาจจะทำลายการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ   ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากนี้  ข้าพเจ้าขอร้องให้รัฐบาลต่างๆ รักษาเป้าหมายในการขจัดความยากจน

 เราทั้งหมดต้องสามารถที่จะสร้างอนาคตของเราเองและอนาคตของชุมชนของเรา  ถ้าแนวโน้มปัจจุบันยังเป็นแบบนี้ เราจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่คนหนุ่มสาวหลายล้านคนจะว่างงานในประเทศที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา  ถ้าไม่มีการดำเนินการใดแล้ว เราก็จะกำลังผลิตอาชญากรรม ความไม่มั่นคง และสงคราม ขณะที่คนรุ่นหนุ่มสาวจะสูญเสียความหวัง  ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า การต่อสู้เพื่อต่อต้านความยากจนเป็นมาตราการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของการจัดการการก่อการร้ายในระยะยาว

 ข้าพเจ้าเพิ่งกลับมาจากไลบีเรียได้สิบวัน  ซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย 

ประการแรก ความเศร้าที่มาจากการทำลายล้างของสงครามที่ได้ทิ้งไว้ในไลบีเรีย และขนาดความท้าทายสำหรับรัฐบาลและชุมชนโลก 

ประการที่สอง ดีกรีของความคิดเชิงบวกของประชาชนที่เราพบนั้นเริ่มทำให้เกิดความแตกต่างอย่างแท้จริง  แต่สิ่งต่างๆจะเป็นจริงได้ก็ขึ้นกับคำมั่นสัญญาของชุมชนโลกในการให้ความช่วยเหลือระยะยาวต่อไลบีเรีย

 การจัดการความขัดแย้งต้องการความคิดเชิงบวกและความหวังซึ่งมาจากการจ้างงานและโอกาสทางเศรษฐกิจ มิเช่นนั้น ข้อตกลงสันติภาพที่บอบบางก็ยากที่จะยั่งยืน   สำหรับในระยะยาว อาจพูดได้ว่าคงมีแค่ภาคเอกชนที่สามารถเปิดบริษัทใหม่  ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสการลงทุนอันทำให้เกิดการจ้างงานและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ   ในพื้นที่ที่ถูกทำลายด้วยสงคราม มันเป็นเรื่องที่ยาก ในการจูงใจภาคเอกชนเข้ามาลงทุน ด้วยเป็นสิ่งที่ต้องใช้นวัตกรรม  ดังนั้น การผสมผสานสิ่งจูงใจทั้งที่เป็นทางเศรษฐกิจและมิใช่เศรษฐกิจจึงจำเป็นต้องมีการวางแผน  หากพูดอีกแบบหนึ่งคือ การเข้ามาเกี่ยวข้องของภาคเอกชนในการทำงานใหญ่สำหรับการสร้างกลยุทธ์ในการฟื้นฟูหลังสงครามต้องการความคิดที่เป็นนวัตกรรม

การจัดการความขัดแย้งในตะวันออกกลาง

โครงการสร้างสันติภาพที่ท้าทายมากที่สุดขณะนี้ คือ การพยายามหาแนวทางแก้ไขความขัดแย้งในตะวันออกกลางซึ่งมีมายาวนานเป็นศตวรรษ  ความตึงเครียดและสงครามในภูมิภาคนี้ได้เกิดขึ้นมายาวนานจนทำให้มีการเชื่อว่า ตะวันออกกลางจะไม่สามารถรวมตัวกันได้

 ข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการที่จะปันความเชื่อ แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า ภาวะวิกฤติทั้งหลายรวมทั้งในตะวันออกกลางสามารถแก้ไขได้  แนวทางแก้ไขนั้น เพียงต้องการความร่วมมือกันจะทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งชุมชนโลกด้วย เราควรต้องเชื่อมั่นในแนวทางแก้ไขของเรา หากเราได้มองอนาคต และจินตนาการสิ่งที่โลกควรเป็น  ถ้าประเทศต่างๆในภูมิภาคสามารถร่วมกันพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจ   สร้างเส้นทางเชื่อมคมนาคม  ใช้ประโยชน์ของคนที่มีการศึกษาอย่างเต็มที่และเริ่มตักตวงประโยชน์ของทำเลที่ดีในสามทวีปนั้น

 ข้าพเจ้าหวังว่า ท่านประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่ ซึ่งจะสาบานตนเดือนหน้าจะให้ความสำคัญลำดับสูงในเรื่องความขัดแย้งตะวันออกกลางในปีแรกของการทำงานของท่าน  สหภาพยุโรป รัสเซียและสหประชาชาติควรต้องให้พันธะสัญญาอย่างเข้มแข็งในการแสวงหาแนวทางแก้ไขภาวะวิกฤติที่เกิดจากอิสราเอลและปาเลสไตน์สู่อีรักและอีหร่าน  ถ้าเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการแก้ไขระยะยาว เราต้องมาร่วมมือกันทั้งภูมิภาค

 ความน่าเชื่อถือของชุมชนโลกนั้นอยู่ในภาวะเสี่ยง  เราไม่สามารถจะทำงานต่อไป ปีแล้วปีเล่า  โดยการแสร้งที่จะทำบางสิ่งบางอย่างที่ช่วยเหลือสถานการณ์ในตะวันออกกลาง   แต่เราควรต้องมีผลแห่งการกระทำนั้น

 สำหรับประชาชนทั้งหลาย  การที่อธิบายอย่างง่ายๆ ว่า ความยืดเยื้อในวิกฤติตะวันออกกลางมาจากความตึงเครียดระหว่างภูมิภาคนั้น ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้   ในช่วงที่ข้าพเจ้าทำงานนั้น  ข้าพเจ้าพบเห็นภาวะวิกฤติมากมายซึ่ง"ศาสนา"ได้ถูกใช้เป็นเสมือนอาวุธ หรือเครื่องมือที่จะยื้อความขัดแย้ง    ศาสนา คือ ความรักสันติภาพ  ซึ่งสามารถเป็นพลังผลักดันที่สร้างสรรค์ในการสร้างสันติภาพ และสิ่งนี้ก็สามารถทำได้ในตะวันออกกลาง

 นักเจรจาไกล่เกลี่ยสันติภาพไม่ควรทำงานตามลำพัง

 คู่กรณีที่ขัดแย้งมีบทบาทสำคัญในการแสวงหาแนวทางแก้ไขอันสันติและนำไปสู่การปฏิบัติ  และเช่นเดียวกัน  กลุ่มภายนอกเพียงกลุ่มเดียวไม่สามารถที่จะมีบทบาททั้งหมดในการสร้างสันติภาพได้สำเร็จ

 ข้อตกลงสันติภาพทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้ทำนั้น สอนข้าพเจ้าว่า กระบวนการสันติภาพ เป็นเรื่องของความร่วมมือและหุ้นส่วน ระหว่างผู้เกี่ยวข้อง คู่กรณี นักเจรจาไกล่เกลี่ย  รัฐบาล ประชาสังคมและองค์การนานาชาติ

 แม้ว่า ทุกฝ่ายมักจะเพ่งเล็งมาที่นักเจรจาไกล่เกลี่ยสันติภาพ  แต่มันเป็นสิ่งสำคัญที่ควรเน้นบทบาทของทีมเจรจาไกล่เกลี่ยและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นที่อยู่นอกกระบวนการเจรจาต่อรอง    ในการทำงาน  ข้าพเจ้ามักอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่สามารถสร้างทีมของตนเองได้ซี่งรวมทั้งเพื่อนร่วมงานที่มาจากสถาบันจัดการวิกฤติที่ข้าพเจ้าได้ก่อตั้งขึ้นหลังจากการเป็นประธานาธิบดีฟินแลนด์  ข้าพเจ้าได้มีโอกาสทำงานกับคนที่มีศักยภาพสูงในการสร้างสันติภาพที่ต่างๆ  หากปราศจากพวกเขา ข้าพเจ้าคงไม่มีวันนี้

 ข้าพเจ้าหวังว่า บุรุษและสตรีผู้กล้าหาญที่ได้ทำงานเพื่อสร้างสันติภาพในประเทศของเขาจะรู้สึกว่า เขาได้มีส่วนในรางวัลนี้ด้วย

อย่างไรก็ตาม  ที่มาของความเข้มแข็งของข้าพเจ้าคือ ครอบครัว  อีฟวา ภรรยาของข้าพเจ้าและ มาร์โคลูกชาย คอยอยู่เคียงข้างข้าพเจ้าเสมอ  เขาทั้งสนับสนุนและวิจารณ์อย่างสร้างสรรค์  ข้าพเจ้าต้องขอบใจพวกเขาอย่างสุดซึ้ง 

 สำหรับเพื่อน

ข้าพเจ้าหวังว่า รางวัลยิ่งใหญ่นี้จะกระตุ้นให้ทุกคนและองค์การที่จะยังคงทำงานเพื่อสันติภาพ  และหวังว่า เขาจะได้รับการสนับสนุนเต็มที่สำหรับงานในอนาคต

 หากพวกเราทำงานร่วมกัน เราจะสามารถหาทางแก้ไขได้  พวกเราไม่ควรจะยอมรับข้ออ้างใดๆจากผู้มีอำนาจ 

                                           สันติภาพเป็นคำถามของความมุ่งมั่น

 ขอบคุณ

 หมายเหตุ หากมีแปลผิดพลาดไปบ้าง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยประสบการณ์น้อย แต่ความตั้งใจ(เอ๊ะ หรือความดันทุรัง)สูง

ที่มา  http://www.cmi.fi/?content=speech&id=107

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 228977เขียนเมื่อ 12 ธันวาคม 2008 15:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท