คลังปัดรีดรายได้รัฐวิสาหกิจเพิ่มโปะถังแตก ยันสรรพากรเกินเป้าแน่
ชี้ปีที่ผ่านมาเอกชนกำไรเยอะ
ยันมีเงิน
คืนเงินคงคลังแน่
นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึง กรณีที่มีข่าวว่ากระทรวงการคลังจะกำหนดให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด เพิ่มรายได้นำส่งเข้าคลังนั้น ขอยืนยันว่ากระทรวงการคลังไม่ได้เรียกให้รัฐวิสาหกิจต้องส่งรายได้เพิ่มแต่อย่างใด ทั้งนี้ ยืนยันด้วยว่าการเก็บรายได้ในเดือน มี.ค.นั้นเกินเป้าที่ตั้งเอาไว้แน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของกรมสรรพากร สำหรับเป้ารายได้ที่ตกลงกันไว้กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 75% ของกำไรสุทธิ ธนาคารออมสิน 45% ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 40% ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) 35% บรรษัทตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) 35% โรงงานยาสูบ 88% เป็นต้น "ผมยืนยันว่าเราไม่ได้เรียกรายได้เพิ่มเลย เคยตกลงกันไว้อย่างไรเมื่อตอนต้นปีงบประมาณก็เอาตามนั้น ไม่ได้ขอเพิ่ม ถ้าไปขอตอนนี้เดี๋ยวเขาว่าจะว่าเอาได้ เดี๋ยวพอเดือน มิ.ย.เป็นต้นไป เงินรายได้ก็จะเข้ามาเยอะกว่ารายจ่ายแล้ว ซึ่งจะเข้าไปเพิ่มในส่วนของเงินคงคลัง เพราะตั้งแต่ พ.ค. ถึง มิ.ย. พวกบริษัท ห้างร้านต่าง ๆ รวมทั้งบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรเยอะ ก็จะจ่ายภาษีนิติบุคคลในช่วงนั้น" นายสมชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้เร่งแก้ไขระเบียบการเบิกจ่ายของกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยกำหนดให้มีการเบิกจ่ายแค่พอใช้ตามความจำเป็น และไม่ให้เบิกเงินไปเก็บในธนาคารเพื่อแก้ปัญหารัฐขาดสภาพคล่องไม่พอเท่านั้น ภาครัฐยังใช้วิธีการชะลอการเบิกจ่ายให้ช้าลง รวมถึงกลั่นกรองการเบิกจ่ายโดยจะจัดสรรให้แต่โครงการที่มีสำคัญก่อน ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
นายสมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึง กรณีที่มีข่าวว่ากระทรวงการคลังจะกำหนดให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด เพิ่มรายได้นำส่งเข้าคลังนั้น ขอยืนยันว่ากระทรวงการคลังไม่ได้เรียกให้รัฐวิสาหกิจต้องส่งรายได้เพิ่มแต่อย่างใด ทั้งนี้ ยืนยันด้วยว่าการเก็บรายได้ในเดือน มี.ค.นั้นเกินเป้าที่ตั้งเอาไว้แน่นอน โดยเฉพาะในส่วนของกรมสรรพากร สำหรับเป้ารายได้ที่ตกลงกันไว้กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด ได้แก่ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 75% ของกำไรสุทธิ ธนาคารออมสิน 45% ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 40% ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) 35% บรรษัทตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) 35% โรงงานยาสูบ 88% เป็นต้น "ผมยืนยันว่าเราไม่ได้เรียกรายได้เพิ่มเลย เคยตกลงกันไว้อย่างไรเมื่อตอนต้นปีงบประมาณก็เอาตามนั้น ไม่ได้ขอเพิ่ม ถ้าไปขอตอนนี้เดี๋ยวเขาว่าจะว่าเอาได้ เดี๋ยวพอเดือน มิ.ย.เป็นต้นไป เงินรายได้ก็จะเข้ามาเยอะกว่ารายจ่ายแล้ว ซึ่งจะเข้าไปเพิ่มในส่วนของเงินคงคลัง เพราะตั้งแต่ พ.ค. ถึง มิ.ย. พวกบริษัท ห้างร้านต่าง ๆ รวมทั้งบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรเยอะ ก็จะจ่ายภาษีนิติบุคคลในช่วงนั้น" นายสมชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางได้เร่งแก้ไขระเบียบการเบิกจ่ายของกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยกำหนดให้มีการเบิกจ่ายแค่พอใช้ตามความจำเป็น และไม่ให้เบิกเงินไปเก็บในธนาคารเพื่อแก้ปัญหารัฐขาดสภาพคล่องไม่พอเท่านั้น ภาครัฐยังใช้วิธีการชะลอการเบิกจ่ายให้ช้าลง รวมถึงกลั่นกรองการเบิกจ่ายโดยจะจัดสรรให้แต่โครงการที่มีสำคัญก่อน ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ไทยโพสต์ 5 เมษายน 2549
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ห้องสมุดกรมบัญชีกลาง CGD Library ใน สรุปข่าวประจำวันของห้องสมุดกรมบัญชีกลาง
ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก