เรื่องเล่าเทา-งาม ครั้งที่ 12 (ภาคสอง)


แรกเริ่มที่เราบอกว่า “มมส คือ ความสนุกสนาน” ครั้งนี้เราได้นิยามใหม่อีกแล้วว่า “มมส คือ ผู้ให้ และผู้เป็นมิตรที่ดี”

เรื่องเล่า  เทา-งาม

( ภาค สอง )

 

        รุ่งเช้าของวันที่ 21 ต.ค. 51 เมื่อแสงทองของดวงทินกรจับขอบฟ้าฝั่งทิศบูรพา  เหล่าบรรดาเรา ชาว เทา-งามทั้งหลาย ลุกขึ้นแต่งกายด้วยชุดนิสิตอย่างเรียบร้อย เพราะนี่คงเป็นห้วงเวลาแรกที่เราจะได้ร่วมกิจกรรมกันอย่างเป็นทางการเสียที   โดยที่เช้านี้ทางเจ้าภาพ มหาวิทยาลัยบูรพาเองได้จัดเลี้ยงเราเป็นข้าวต้ม ให้พี่น้องเราได้อิ่มหนำสำราญกัน  เสร็จแล้วก็ต่างเดินเข้าห้องสัมมนากัน ซึ่งอันที่จริงแล้วการสัมมนาในวันนี้ก็คือหัวข้อ อินโดจีน หัวข้อที่เราร่วมกันสัมมนากันแล้วเฉพาะมหาวิทยาลัยสารคามเราตั้งแต่อยู่บนรถบัสเมื่อครั้งเรายังเดินทางมากัน  ครั้งนั้นท่านสาดตาจาน ( ปุ๊ ทริกามาตร์)เป็นผู้นำการเสวนากันจนเราก็ได้รับข้อมูลข้างต้นกันมากพอสมควร (แต่ไม่รู้ถูกต้องหรือป่าว)

        อันที่จริงเรื่องราวที่เราสัมมนากันวันนี้นั้นไม่ได้มีเนื้อหาใดที่เกี่ยวข้องกันเลยกับเรื่องที่ท่านสาดตาจาน ได้ให้ความรู้แก่เราเลย เพราะความรู้ครั้งนี้น่าจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นเรื่องของเขาพระวิหารมากกว่า  เพื่อเป็นการทำความเข้าใจก่อนที่จะลงพื้นที่จริงที่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ  คราวนี้แหล่ะทั้งเราทั้งคนในพื้นที่ไม่รู้ใครจะกลมกลืนมากกว่ากัน

        หลังจากที่เราเสร็จกิจการสัมมนาแล้วก็ต่างออกเดินทางเพื่อที่จะไปยังจุดหมายปลายทางกันทันที  จำได้ว่าวันนั้นเราไปถึงที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนรัฐราษฎร์บำรุง(ป่าไร่) ก็เมื่อตอนบ่ายจวนจะค่ำเสียแล้ว ทุกอย่างที่นั่นยังคงฉุกละหุกเตรียมการยังไม่เสร็จเรียบร้อยดีนัก  แต่ปัญหาก็คือว่า เย็นนี้เราขาว มมส.จะต้องมีการแสดงเสียด้วย อีกทั้งหน้าที่พิธีกรยังตกเป็นของเรากับเพื่อน ม.บูรพา ซึ่งเราไม่เคยเจอกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำ จึงได้เกิดการตามหาคู่นาง เหมือนหนึ่งในวรรณคดีเรื่องต่างๆของไทยที่พระเอกต้องเดินทางตามหานางเอกในฝัน  ซะงั้น ( คิดเอาเองนะเนี่ย)

        กลายเป็นว่าเราต้องมีคู่หูก่อนจะมีการจับ Buddy-Budder เสียอีกแล้วงานคืนนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดี  ซ้ำยังพ่วงท้ายด้วยการถูกเพื่อนๆ ล้อให้ได้สาว ม.บูรพาเป็นคู่หูอีกต่างหาก งานนี้ทั้งอยากจะบอกว่า เขิน  และดีใจนะเนี่ย!!!!!!!!

        กิจกรรมคืนที่สองของการร่วมค่าย เทา-งามครั้งนี้ก็เช่นเคย จบลงด้วยความสนุกสนาน ทุกมหาวิทยาลัยยังคงตาม มมส  ออกมา วาดลวดลายการเต้นหน้าเวทีอย่างสุดเหวี่ยงดังเดิม  ที่ดีกว่าวันก่อนนั้นก็คือว่ามีเสียงเรียกขานจากชาวบ้าน และการต้อนรับเสมอหนึ่งมิตรผู้มาเยือน  ไม่ว่าเราจะไปที่ใดก็ได้รับการดูแลจากชาวบ้านเป็นอย่างดีทีเดียว  และนั่นก็เป็นการก้าวลงสู่สนามของการทำค่ายครั้งแรกที่แสนสุดจะประทับใจ  จากครั้งแรกเริ่มที่เราบอกว่า มมส  คือ  ความสนุกสนาน  ครั้งนี้เราได้นิยามใหม่อีกแล้วว่า  มมส  คือ  ผู้ให้  และผู้เป็นมิตรที่ดี

หมายเลขบันทึก: 225370เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2008 13:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 03:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท