ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า บันทึกนี้เขียนโดยคนที่ไม่ได้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ครับ แต่เขียนโดยความเข้าใจของคนๆ หนึ่ง...ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์
วิกฤตต้มยำกุ้ง เกิดจากการที่สถาบันการเงินต่างๆ ในประเทศไทย กู้เงินจากต่างประเทศเข้ามาเก็งกำไรกันมากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปเก็งกำไรทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ ทีนี้พอ "ฟองสบู่" แตก...สถาบันการเงินต่างๆ ก็ล้มครืนกันลงมา จนประเทศไทยต้องไปกู้เงินจาก "ไอเอ็มเอฟ"
ผลกระทบทันที คือ ค่าเงินบาทไทยเมื่อเทียบกับค่าเงินสหรัฐร่วงกราวรูดไปถึง 50 กว่าบาท ก่อนที่กลับมาเสถียรภาพอยู่ที่ประมาณ 41 บาท...(ต่อมาอีก 11 ปี ค่าเงินมาเสถียรอยู่ที่ 33-34 บาท)
ผลกระทบต่อบุคคล คือ บริษัทต่างๆ โดยเฉพาะสถาบันการเงิน มีเลิกจ้าง หรือจ้างคนให้ออกจากงาน ส่งผลกระทบต่อสังคม และครอบครัว
แต่ช่วงนั้นภาวะการส่งออกของไทยดี..มีความต้องการสั่งซื้อสินค้าเข้ามามาก เพราะค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงไปมากนั่นเอง...และประเทศไทยก็ฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรวดเร็ว
Hamburger disease สิ่งที่เหมือนกันกับวิกฤตต้มยำกุ้ง คือ การล้มครืนของสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา และลุกลามไปยังประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น อังกฤษ และญี่ปุ่น...และผลกระทบจะลุกลามมายังประเทศไทย...ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนในต้นปี 2552
ส่วนที่ต่างกันระหว่าง Hamburger disease และ วิกฤตต้มยำกุ้ง มีหลายประเด็น ขอยกมาเพียงบางประเด็น
จากที่กล่าวมาทั้งหมด ผมอยากชี้ให้เห็นว่า "ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์" จากสำนักต่างๆ พอถึงยุคนี้ สมควรต้องมีการสังคายนากันใหม่....ลัทธิบริโภคนิยม เห็นอะไรใหม่ๆ เป็นอยากซื้อ (ถ้ามีเงิน) ถึงคราวที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่..โลกจะหมุนกลับ..
ประเทศไทย และคนไทยจะต้องหวนกลับไปใช้ พุทธภาษิต "อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ" ในการดำเนินชีวิตให้มากขึ้น...แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะถูกนำมาปรับใช้ในวิถีชีวิตของคนไทยเพิ่มมากขึ้น....จบ
มนุษย์ผึ้งมหัศจรรย์ |
ปล. ได้ความรู้เพิ่มเติมว่า "วิ-กริด" เขียนได้ ๒ แบบ คือ "วิกฤต" กับ "วิกฤติ" ตามพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 http://rirs3.royin.go.th/dictionary.asp
วิกฤต, วิกฤต, วิกฤติ, วิกฤติ [วิกฺริด, วิกฺริดตะ,วิกฺริด, วิกฺริดติ] ว. อยู่ในขั้นล่อแหลมต่ออันตราย
เช่น การเมืองอยู่ในขั้นวิกฤติ, มักใช้แก่เวลาหรือเหตุการณ์ เป็น
วิกฤติกาล หรือ วิกฤติการณ์, อยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อ เช่น
มุมวิกฤติ จุดวิกฤติ. (ส.; ป. วิกต, วิกติ).
สวัสดีค่ะ อาจารย์ บีแมนที่เคารพ
ขอบคุณค่ะ ที่มีความรู้มาให้อ่าน และมีเวทีให้ได้คิดได้เขียนกันบ้างค่ะ
อาจารย์สบายดีนะคะ
สวัสดีครับครูอ้อย แซ่เฮ (ไม่มีหน้าตาดีต่อท้าย)
ผมขอเรียนรู้ด้วยนะครับ
เห็นด้วยกับแนววิเคราะห์ในบทความนี้ คงจะเป็นการเตรียมการในระดับหนึ่งของน่าที่ที่ผมในฐานะทำงานหน่วยงานจัดหางานของรัฐ แต่ที่ผ่านมานั้นผมก็ได้พยายามแนะแนว
แนะนำประชาชนให้ยึดหลักแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด
ขอบคุณครับ
ในระดับอำเภอ ชุมชน หน่วยงานของรัฐใด ที่มีใช้จ่ายงบประมาณ ซื้อของมากที่สุด
คิดว่า ไม่ใช่โรงเรียน ไม่ใช่อำเภอ แต่เป็น โรงพยาบาล ครับ
คราวนี้ มีกี่โรงพยาบาลในประเทศ ที่ช่วยสร้างเศรษฐกิจชุมชน เท่าที่ทราบ มีอยู่ประมาณ 15-20 แห่ง ที่ตั้งใจทำ จากทั้งหมด 1000 รพ.
ส่งเสริมการปลูก แปรรูปใช้สมุนไพร ให้ชุมชน มีรายได้ด้วย และ ได้ภูมิปัญญาฟื้นคืนด้วย
ซึ่ง หากดูงบประมาณ สุขภาพ ประมาณ แสนล้านบาท ต่อปี
เราใช้ยาไทย น้อยมาก ในระบบสุขภาพ ต่างจากจีน และ อินเดีย
ไม่รู้ว่า คราวนี้ จะมีการฉวยโอกาส จัดระบบสุขภาพ และเศรษฐกิจชุมชน ระบบภูมิปัญญา ในภาพใหญ่ และตั้งใจขับเคลื่อนได้ หรือไม่
ได้แต่หวังว่า คงจะมีบุญของประเทศหลงเหลือ ให้มีผู้ใหญ่ของชาติบ้านเมือง กำหนดชี้นำนโยบายอย่างจริงจัง
ผมคิดว่า ไม่ควรประหยัดไปหมด คนจนจะตกงาน แต่หันมากินใช้ของ ผลิตผลในประเทศให้มากขึ้น เพื่อคงการจ้างงาน แต่ค่อบๆ พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ไปด้วย
ขอบทความอาจารย์ไปใช้อ้างอิงหน่อยนะค่ะ
ขอบคุณค่ะ........