ทริปที่ห้า ตอนที่สอง......ปั่นจักรยาน ไปกางเ้ต้นท์นอนริมน้ำ


เมื่อคืนเริ่มฝันถึงเมืองไทยแล้ว เพราะหลังจากทริปนี้แล้วก็ต้องเตรียมตัวกลับบ้านแล้ว ก็พอดีเวลากำลังคิดถึงบ้านพอดี กินมื้อเช้าแบบด่วนๆ และกังวลหน่อยๆ เพราะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องอาหาร มีคนบ่นว่าเอานมมาน้อยกลัวกินกันไม่พอ เพราะให้แบกเข้าไปแค่สองลิตร ที่เหลืออยู่ในรถตู้ เราเลยตัดใจไม่กิน Cereal กินขนมปังแทน มีเสียงบ่นอีกว่าไม่มีที่ปิ้งขนมปังเอา English muffin มาทำไม ก็เลยต้องเอาหูทวนลม แอบนึกในใจว่ามีอะไร ก็กินกินไปเถอะอย่าบ่นมาก ปรากฎว่าเอาเข้าจริงนมก็เหลือต้องแบกออกมาอีก

จากนั้นก็ทำความสะอาดที่พัก เก็บขยะและทุกอย่างที่เอาเข้าไปใส่เป้ แบ่งกันแบกกลับออกมา ขากลับรีบออกมาเป็นกลุ่มแรกเพราะไม่อยากถึงเป็นคนสุดท้ายเหมือนทุกครั้ง ออกมากับเพื่อนที่ขาไม่ค่อยดี กับคนที่เป็นหอบ ก็เดินกันแบบสบายๆ เดินได้ครึ่งทางก็แวะพัก ปรากฎว่าพอเริ่มพักเท่านั้นแหละ กลุ่มหลังมาถึงแล้ว แหมเดินกันเร็วจริงๆ แถมออกเดินทางต่อก่อนเราอีก ทำใจแล้วงานนี้ถึงสุดท้ายเหมือนเคยแหละเรา

กลุ่มแรกที่ไปถึงก็แวะไปเอารถตู้มาแล้วก็ออกเดินทางกันต่อไปที่ Spring Junction แวะกินกาแฟแล้วก็ไปหาที่กินกลางวัน มื้อนี้เป็น Sandwich ใครอยากกินก็มาทำกันเอง หั่น Cheese กับ มะเขือเทศไว้ใ้ห้ ระหว่างนั้นเพื่อนบางคนก็เริ่มไปตรวจสอบจักรยาน เติมลมบ้าง ปรับเบาะบ้าง เราทำไม่ค่อยเป็นเลยต้องให้เขาช่วย ชักเกร็งๆ เพราะที่จริงแล้วตัวเองก็ไม่ค่อยได้ปั่นจักรยานแบบนี้ แล้วก็ถึงจุดปล่อยตัวนักกีฬา อาจารย์ให้เพื่อนมาช่วยปั่นจักรยานเป็นเพื่อน

เราขอออกตัวคนสุดท้าย อาย ง่ะ ไม่แน่ใจว่าจะเฟอะฟะหรือปล่าว จักรยานแบบใช้เกียร์หนูไม่เคย ปั่นไปก็ถามเพื่อนไป กดตรงไหน ตรงไหนเปลี่ยนเกียร์ ข้างซ้ายข้างขวา โ้อ้ยทำไมมันมั่วแบบนี้ ไปไปมามา สงสารเพื่อนเลยบอกว่าไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหรอก เดี๋ยวถ้า I ไม่ไหวค่อยโบกรถตู้เอา เพราะอาจารย์ให้เพื่อนอีกคนคอยขับรถตู้ตามหลังคอยเก็บตกคนที่ไม่ไหว ยังไม่อยากเป็นคนแรกที่ขึ้นรถตู้ เลยลองปั่นดูไปก่อน โอ้ย แทบขาดใจ ยิ่งตอนปั่นขึ้นเขา ยอมแพ้ เลยพารถจักรยานเดินไปเรื่อยๆ ตรงไหนราบหน่อยก็ปั่นหน่อย ปั่นไม่รอดก็เดิน จนเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ไหวแล้วเลยโบกรถ ในที่สุดก็เป็นคนแรกที่ขึ้นรถตู้จนได้

คราวนี้ถึงตอนขาลงจากภูเขา เพื่อนที่ขับรถตู้ก็เปลี่ยนตัวกับอาจารย์เพื่อไปปั่นจักรยาน เราเลยเอามั่ง ขาลงน่าจะไม่เป็นไร แต่ขอโทษ ทางชันมาก ใช้เบรคตลอด เพิ่งรู้ว่าปั่นจักรยาน มันเมื่อยแขนไปหมดเลย มีลงน้ำสามรอบ แบบว่าทางกำลังลงชันๆ ก็มีลำธารผ่าน แต่เราเนื่องจากเบรคมากไปหน่อยพอถึงน้ำก็จอด ต้องพาัจักรยานเดินขึ้นไป แล้วก็ปั่นใหม่ จนเจอลำธารรอบสุดท้ายตัดสินใจลองไม่ใช้เบรคพอลงน้ำก็ปั่นต่อไปได้เลย เย้ หันมาดูอาจารย์นั่งในรถตู้ตบมือให้สองที อาจารย์เขาก็ลุ้นอยู่ว่าจะรอดไหม แต่เราก็ไปจนถึงจุดสำหรับกางเต้นท์นอน คืนนี้นอนในป่ากัน

อาจารย์เลือกพักใกล้แม่น้ำ และให้ทุกคนเลือกที่กางเต้นท์โดยไม่ให้อยู่บริเวณที่อาจเกิดน้ำท่วม หรือใต้ต้นไม้ที่อาจมีกิ่งไม้หล่นมาได้ เดินเลือกกันไป เลือกกันมาเจอวัวนอนตายอยู่ตัวนึง กลิ่นหึ่งเลย ทุกคนเลยเผ่นออกจากตรงนั้น ไม่เดินเลือกมากแล้ว ให้ห่างจากวัวเป็นใช้ได้ ปรากฎว่าทีมเรา เลือกที่ได้หลังสุด เลยใกล้วัวมากที่สุด แต่ก็ไม่เหม็น นอกจากตอนลมโชยมา จากนั้นทุกคนก็เริ่มกางเต้นท์ หาฟืน เตรียมขุดส้วมหลุม เตรียมที่วางของไม่ให้เปียกเพราะท่าทางคืนนี้ฝนตกแน่ ชื่นชมเพื่อนๆ จริงๆ รู้งานกันไปหมด มีแต่เรายืนบื้อเลย เรียกว่าทักษะเรื่องนี้ไม่มีเลย ทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่ไปช่วยนิดหน่อย

         

                  กางเต้นท์                                                                 หาฟืน

   

ที่ไว้ของและนั่งเล่น

แวะไปดูส้วมที่เพื่อนทำแล้วไปช่วยตกแต่งเอาไม้มาปิดเล็กน้อย แต่ในใจคิดว่า ตูขอยอมงดกิจกรรมนี้หนึ่งวัน ยกเว้นไปฉี่ จากนั้นก็เริ่มก่อกองไฟ บางคนก็ไปว่ายน้ำ มีเพื่อนมาชวนแต่ขอบาย เพราะอยู่ระหว่างวันนั้นของเดือนและขอโทษน้ำเย็นจัดมากใครจะไปนะ แต่ก็เป็นห่วงเลยเิดินไปเป็นเพื่อน น้ำค่อนข้างเชี่ยว แต่ก็เล่นกันน่าสนุก ปล่อยให้ไหลกันไปตามน้ำ เราก็เอาของวิ่งตามไปจนไหลไปถึงใกล้เต้นท์ที่เราพัก เราพักรวมกันสามคนกับเพื่อน เป็นเต้นท์ใหญ่สุดเลย

จากนั้นก็เล่นเกมส์กันก่อนมื้อเย็น เป็นเกมส์ที่เล่นกับเด็กตอนวันที่เตรียมตัวเรื่องทริปที่ห้า เลยเอามาเล่นกันเองบ้าง มีเกมส์ที่ออกคำสั่งสามอย่างว่า toaster washing machine และ cake mixer คนตรงกลางที่ถูกออกคำสั่งและคนข้างๆ ก็ต้องทำตามคำสั่ง เช่น toaster คนตรงกลางก็ต้องกระโดดเหมือนขนมปัง คนข้างๆ ก็เอามือมาัจับกันเป็นเหมือน toaster ส่วน washing machine คนตรงกลางก็ทำหัวหมุนๆ คนข้างๆ ก็จับมือกันเป็นเครื่องซักผ้า ส่วน cake mixer คนตรงกลางยืนยกมือสองข้างขึ้นสูงๆ คนข้างๆก็หมุนตัวเองรอบๆ  ก็เล่นกันจนเริ่มวิงเวียน ก็เปลี่ยนเกมส์เป็นเกมส์ assassin ให้ทุกคนนึกในใจว่าเพื่อนในวงคนไหนจะมาฆ่าตัวเอง แล้วก็นึกในใจอีกว่าใครจะเป็นผู้คุ้มกัน และเมื่อเกมส์เริ่มต้นทุกคนต้องวิ่งไปอยู่ข้างหลังผู้คุ้มกันของตัวเอง และหนีคนที่จะมา๋ฆ่า เกมส์นี้ตลกดีเพราะวิ่งกันมั่วไปหมด เพราะบางทีคนที่เราเลือกเป็นคนคุ้มกันเขาก็เลือกเราเป็นคนคุ้มกันเขา ต่างคนก็ต่างจะวิ่งไปอยู่ข้างหลังกัน บางคนที่เราเลือกเป็นคนที่จะมาฆ่าเราเขาก็เลือกเราเป็นคนคุ้มกันเขา วิ่งหนีกันให้วุ่น ก็หัวเราะกันขำกลิ้ง จากนั้นเกมส์สุดท้ายก็เป็นเกมส์ Wa ซึ่งคนที่อยู่ตรงกลางเป็นคนใช้มือทั้งสองมือชี้ไปที่ใครในวงแล้วส่งเสียง wa ออกมาดังๆ คนถูกชี้ก็ต้องยกมือขึ้นทั้งสองมือปลายนิ้วมือทั้งสองข้างชนกัน คนข้างๆ ก็ใช้มือสองข้างทำท่าเหมือนฟันตัวคนที่ถูกชี้ จากนั้นคนที่ถูกชี้ก็ส่ง wa ต่อไปให้คนอื่นในวง

เล่นกันเหนื่อยก็มาทำบาบีคิวกินมื้อเย็นกัน กินกันรอบกองไฟ แล้วก็เล่นเกมส์ทายว่าเรื่องของตนเองสามเรื่องมีหนึ่งเรื่องที่ไม่จริง ให้เพื่อนๆ ทายว่าเรื่องไหน ก็เป็นอุบายในการทำความรู้จักกันอีกทางหนึ่ง เล่นได้สักพักฝนก็ตก เลยได้เวลานอน ปรากฎว่าเต้นท์ที่พักน้ำรั่ว เลยต้องออกไปช่วยกันจัดการ เรื่องข้าวของ กว่าจะได้นอนก็เปียกปอน และคืนนั้นก็หนาวด้วย เมื่อยตัวไปหมด เมื่อยจากเกร็งแขนมากตอนเบรครถจักรยาน และเกร็งจากความหนาว ถุงนอนที่ซื้อไปเอาไม่อยู่ ทรมานจริงๆ


หมายเลขบันทึก: 218784เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2008 00:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ชอบจังเที่ยวแบบนี้อ่ะครับ

  • สวัสดีค่ะ คุณสุขสม
  • ขอบคุณที่แวะมาเยีียม
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท