เมื่อ วันที่ 1 ตุลาคม 2550 ได้จัดงานทำบุญและจัดงานเลี้ยงวัน เกิดครบ 72 ปีให้กับ คุณพ่อ และ วันที่ 12 กันยายน 2551 ก็ได้จัดให้กับคุณแม่เช่นเดียวกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำที่มีความสุขอย่างมาก ถึงแม้จะเหนื่อยสักเพียงไหน เพราะได้เห็นท่านทั้งสองมีความสุข มีญาติพี่น้องจากจังหวัดต่าง ๆ มาร่วมอวยพรกันมากมาย ได้เห็นท่านทั้งสองได้พบและร่วมสนุกกับพี่ ๆ น้อง ๆที่อยู่ห่างไกลกันสนุกสนาน รอยยิ้มและความสุขของผู้ที่รักและเคารพที่สุด ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา ดังนั้น เราควรที่จะดูแลเป็นอย่างดีและถูกวิธี จึงใคร่ขอเสนอวิธีดูแลผู้สูงอายุ ดังนี้
วิธีดูแลผู้สูงอายุให้ปลอดภัย
เรื่องความปลอดภัยของผู้สูงอายุ
1. ระวังหกล้ม สำคัญมาก ถ้าหกล้ม โอกาสกระดูกหัก (เพราะผู้สูงอายุมักกระดูกบางอยู่แล้ว) หรือเกิดปัญหาของเส้นเลือดในสมอง มีได้สูงมาก นึกเสมอว่าต้องปลอดภัยไว้ก่อน สิ่งที่ต้องระวังดูแล คือ
* รองเท้า ส่วนมากจะนึกว่าคนแก่เฒ่าอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนรองเท้าแตะเก่าๆ ก็ใช้ได้นั้นถือว่าคิดผิด เนื่องจากท่านไม่ค่อยจะแข็งแรงอยู่แล้ว การทรงตัวก็ไม่ค่อยดี จึงควรต้องหารองเท้าที่สภาพดีๆ พื้นไม่ลื่นให้ท่านใส่
* สภาพแวดล้อม อย่าวางของเกะกะ การหลบหลีกรวมทั้งการตัดสินใจของผู้สูงอายุไม่ค่อยดี พื้นที่ลื่นๆ นี่ก็ตัวร้าย โดยเฉพาะในห้องน้ำที่เป็นขั้นสูงๆ ต่ำๆ ยิ่งพื้นที่มันสะท้อนแสงยิ่งแย่ สายตาท่านกะระยะไม่แม่นแล้ว จึงควรดูและจัดให้เหมาะสม
* การประคองลุกนั่งยืนหรือเดิน บ่อยครั้งที่เราต้องช่วยพยุงท่านไปห้องน้ำหรือพาท่านไปเดินออกกำลังกาย
ยิ่งท่านตัวโตและอ่อนแรงมากเท่าไร คนช่วยพยุงจำเป็นต้องแข็งแรงมากขึ้นเท่านั้น ถ้าท่านยังพอมีแรงอยู่ก็หาเครื่องช่วยพยุง เช่นไม้เท้าให้ท่านใช้ด้วยจะช่วยเพิ่มความมั่นคง และผ่อนหนักให้เป็นเบาได้มาก และควรหาเข็มขัดเส้นใหญ่ๆ คาดเอวท่านไว้เราจะได้จับยึดประคอง ด้านหลังได้ถนัด ๆ
2. ระวังจะเป็นลมหรือเหนื่อยเกินไป
ผู้สูงอายุต้องค่อย ๆ เปลี่ยนจากท่านอนไปนั่งและลุกยืน ต้องให้เวลาปรับตัวในแต่ละช่วง มิเช่นนั้นเลือดจะไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมล้มได้ อีกอย่างที่สำคัญ คือ อย่าให้เหนื่อยเกินไปจะเป็นอันตรายต่อระบบหัวใจได้ โดยทั่วๆ ไปแล้วหัวใจไม่ควรเต้นเกิน 120 ครั้ง / นาทีในการออกกำลังกาย ใช้จับวัดชีพจรเอาก็ได้ ถ้ามากกว่านี้แสดงว่าทำมากเกินไป ควรให้ออกกำลังกายเบาๆ ต่อเนื่องประมาณ 15-20 นาที จะได้ประโยชน์มากกว่า การออกกำลังนี้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ต้องดูเรื่องสภาพร่างกาย และโรคประจำตัวด้วย
เรื่องที่ตัวผู้ช่วยเองต้องพึงระวัง
1. ประมาณกำลังของตนเองให้ดี ต้องแน่ใจว่าช่วยไหว การช่วยยกหรือพยุงผู้สูงอายุก็เหมือนกับการยกของหนัก
ซึ่งถ้ามากเกินกำลังก็มักทำให้เกิดบาดเจ็บได้หลาย ๆ ที่ เช่น ปวดหลัง เอว ข้อมือ หรือหัวไหล่ เป็นต้น
2. ขณะที่ออกแรงยก (เช่นพยุงจากนั่งให้ลุกยืน) พยายามยืนให้ใกล้ ๆ และรักษาแนวกระดูกสันหลังของตัวเราให้ตรง (อย่าก้มมาก ใช้งอเข่าต่ำลงแทน) เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องเอาไว้ด้วย ทำแบบนี้จะช่วยลดและป้องกันปัญหาปวดหลังได้
3. อย่าอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ เช่น ขณะที่ช่วยประคองเดินออกกำลังกาย ให้เราพยายามเปลี่ยนมือ ขยับเปลี่ยนข้างยืนบ้าง เป็นต้น
วิธีดูแลผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย
เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ไม่ได้มีการเตรียมตัวมาก่อน ทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายและเป็นภาระที่ลูกหลานหรือผู้ดูแลจะ ต้องให้การช่วย เหลือดูแลผู้สูงอายุ โดยต้องคำนึงถึง ดังนี้ 1. ให้การดูแลผู้สูงอายุขั้นพื้นฐานในเรื่องความรักความอบอุ่น ให้ได้รับอาหารที่เหมาะ สมมีประโยชน์ต่อร่างกาย เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม การดูแลสุขภาพอนามัยส่วนบุคคลที่ถูกต้อง เช่น การออกกำลัง กาย การป้องกันอุบัติเหตุ 2. ให้ผู้สูงอายุได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วย ไม่บังคับ หรือเข้มงวดจนเกินไป อดทนและเอาใจใส่ดูแลอย่างสม่ำเสมอ 3. เสนอคำแนะนำถ้าคิดว่าจำเป็นให้ผู้สูงอายุได้ทราบ ถ้าปฏิบัติตามแผนการรักษาของ แพทย์จะเกิดผลดี ในทางตรงข้าม ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะเกิดผลเสียทำให้โรคหายช้า หรือกำเริบได้ 4. ดูแลให้ผู้สูงอายุปฏิบัติตามแผนการรักษาของแพทย์ เช่นการรับประทานอาหาร การทำ กายภาพบำบัด การพักผ่อน นอนหลับการรับประทานยา รวมทั้งการพาผู้สูงอายุไปตรวจตามแพทย์นัด 5. ให้ผู้สูงอายุได้พักผ่อนคลายความวิตกกังวลที่อาจจะมาจากสาเหตุการเจ็บป่วยช่วยเหลือ ตัวเองไม่ได้ โดยการให้พูดถึงความไม่สบายใจ หาสาเหตุว่ามาจากอะไรให้เข้าใจ และร่วมกันแก้ไขปัญหา ให้กำลังใจผู้สูงอายุ แนะนำให้ผ่อนคลาย ทำสมาธิ พาไปเที่ยวหรือพักผ่อนเป็นครั้งคราว ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่เจ็บป่วย บางครั้งจะเกิดความเครียด เบื่อหน่าย และหงุดหงิดควรหาวิธี ระบายความเครียด โดยการพูดคุยระบายความรู้สึกให้คนใกล้ชิดฟัง หรือขอความช่วยเหลือจากญาติพี่น้องให้ ช่วยแบ่งเบาภาระเป็นครั้งคราวเมื่อปรับตัวปรับใจได้ก็กลับมาให้การดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุต่อไป
สวัสดีค่ะ
คิดถึงตี่นะ
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆค่ะ