ชีวิตอิสระ


            ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตภายใต้อำนาจครอบงำของหลายสิ่งหลายอย่างโดยเฉพาะวัตถุนิยม จึงเป็นชีวิตที่อมทุกข์ แบกภาระ ขาดความสุขความอิสระ   การที่เราจะมีชีวิตอิสระได้นี้  เราจะต้องมีความคิดที่เป็นอิสระเสียก่อน และจะคิดอิสระได้นั้น จิตต้องไม่ถูกอำนาจครอบงำใดๆด้วย 

ในทางธรรมทุกชีวิตจะถูกครอบงำโดยหลักธรรมหมวดหนึ่ง เรียกว่า โลกธรรม 8 หมายถึง สภาวธรรมที่ครอบงำสัตว์โลกและทำให้สัตว์โลกเป็นไปต่าง ๆ ถ้าต้องการให้ชีวิตมีอิสระ  เราจะต้องรู้จักมันซะก่อน  จากนั้นก็รู้เท่าทันมัน  แล้วก็เอาชนะมันอย่าได้อยู่ภายใต้อำนาจของมัน เหมือนกับต้องการเป็นคนดีก็ต้องรู้จักแยกแยะดีชั่วให้แจ่มชัดได้ก่อนนั่นแหละ จึงมีพระเถระบางรูปถามอาตมาว่ารู้จักความชั่วไหม ท่านบอกว่าถ้าไม่รู้จักความชั่วแล้วจะรู้จักความดีได้อย่างไร พระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน มีผู้มาทูลถามพระองค์ว่า แสดงแต่ธรรมที่ดี ๆ ทั้งนั้น แสดงธรรมที่เป็นเรื่องชั่วได้ไหม พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระองค์แสดงได้ทั้งทางดีทางชั่ว และทางที่พ้นทุกข์ คือพระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสแต่เรื่องสุขทุกข์  ตรัสเรื่องสุขทุกข์และความพ้นทุกข์ด้วย

โลกธรรม 8 เป็นธรรมะที่ครอบงำสัตว์โลกอยู่  ทุกคนไม่อาจพ้นจากการประสบกับสภาวธรรมอันนี้ไปได้ อยู่ที่ว่าเราจะวางท่าทีอย่างไรกับมัน บางคนเจอโลกธรรมนี้แล้วเป็นทุกข์ บางคนก็ไม่ทุกข์ เพราะอะไร?   เพราะการวางท่าที ! คือการปฏิบัติต่อมันนั่นเอง  คำว่า โลกธรรม 8  อาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าบอกว่า ลาภ  ยศ  สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์  อันนี้ได้ยินกันมาทุกผู้ทุกนามแล้ว คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่เคยเจอสิ่งเหล่านี้ ชีวิตที่ดำเนินกันอยู่นี้ ที่ทำการงาน  ที่ไขว่คว้า ที่แสวงหา ก็เพื่อโลกธรรมที่ปรารถนา 4 อย่าง และหลีกเลี่ยงโลกธรรมที่ไม่น่าปรารถนา 4 อย่าง โลกธรรมนี้จะแบ่งเป็นคู่ ๆ ก็ได้ คือ ได้ลาภ- เสื่อมลาภ  ได้ยศ เสื่อมยศ  สรรเสริญ- นินทา  และสุข-ทุกข์  แต่ถ้าแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ จะแบ่งได้ 2 ส่วนคือฝ่ายที่น่าปรารถนา (ความสุข) เรียกว่า อิฏฐารมณ์ กับฝ่ายที่ไม่น่าปรารถนา(ความทุกข์) เรียกว่า อนิฏฐารมณ์  มาดูกันทีละคู่ตามลำดับ

คู่ที่ 1 ได้ลาภ เสื่อมลาภ มีได้ก็ต้องมีเสีย ถ้าเข้าใจอย่างนี้ซะ ก็จะไม่รู้สึกทุกข์ร้อนเท่าไร บางคนไม่เข้าใจ  ถูกโลกธรรมข้อนี้ครอบงำ  ดูได้จากอาการที่เวลาได้อะไรแล้วดีใจมาก ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ แสดงออกนอกหน้า อย่างนี้เป็นต้น ถ้าเวลาได้มาแล้วหัวเราะดัง เวลาเสียไปก็จะร้องไห้ดังเช่นกัน เพราะฉะนั้น ถ้าได้มาก็ให้ระลึกไว้เลยว่า  ที่สุดแล้วไม่มันจากเราก็เราจากมัน ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า  เล่ากันว่า มีครั้งหนึ่ง มีคนเอาแก้วไปถวายหลวงพ่อชาวัดหนองป่าพง เป็นแก้วจากต่างประเทศอย่างดีเลย ซื้อมาถวายหลวงพ่อชาโดยเฉพาะ ผู้ถวายมีความปลื้มปีติเป็นอย่างมากที่ได้ถวายแก้วแก่หลวงพ่อชา หลวงพ่อชาเห็นอาการแล้วก็ปรารถนาจะแสดงธรรมแก่เขา จึงบอกว่า  โยมเอาแก้วแตกมาถวายทำไม ?  โยมก็งง !  มองดูแล้วบอกว่าไม่แตกนี่ครับท่าน หลวงพ่อบอกอีกว่า แก้วแตก โยมก็หยิบมาพลิกซ้ายพลิกขวา อย่าว่าแต่แตกเลยรอยร้าวยังไม่มี หลวงพ่อก็บอกว่าแก้วแตกท่านก็ยืนยัน สุดท้ายก็ได้เข้าใจว่า ถ้าเราไปคิดว่าของนี้เป็นของสวยของงาม ของแพง ของหายาก เป็นแก้วใบโปรดชอบมากเลย  แต่สุดท้ายจริง ๆ ไม่มันจากเราก็เราจากมัน ไม่มันสูญหายแตกทำลายไป  ก็เรานั่นแหละต้องแตกตายจากมัน เอามันไปด้วยไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นเราจะเสียใจ  แต่ถ้าเราระลึกรู้ว่า  สักวันหนึ่งมันต้องแตกมันต้องจากกันไป  พอมันแตก โอ๊ะ! คิดไว้แล้ว จะไม่รู้สึกทุกข์อะไรมากมาย ก็ไม่ได้ไปทำให้มันแตกหรอก แต่ว่ามันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่รักษาของเพียงแต่ว่ากำหนดรู้ไว้ รู้เท่าทันมันซะจะได้ไม่ถูกหลอกไม่ถูกครอบงำ 

เมื่อมีได้ก็ต้องมีเสีย มันเป็นกฎธรรมดา ไม่มีใครเลยในโลกนี้ที่จะมีแต่ได้อย่างเดียว และก็ไม่มีใครเลยที่จะมีแต่เสียอย่างเดียว  ได้กับเสียเป็นของคู่กันมา  ที่ว่าเกิดกับตายเป็นของคู่กันนั่นละ เกิดขึ้นมาปุ๊บก็มีความตายคู่มาด้วยเลย เพราะไม่มีใครที่เกิดแล้วไม่ตาย ถ้าไม่อยากตายก็ไม่ต้องเกิด มันเป็นของคู่กัน มีได้มีเสีย  อย่างการจำการลืมมันก็ต้องคู่กัน มีแต่จำไม่มีลืม ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน จำอย่างเดียว จำมันหมดทุกเรื่อง สมองไม่มีที่ว่างที่จะจดจำที่จะรองรับของใหม่ มันต้องลืมเสียบ้าง อดีตบางอย่างที่เจ็บปวดเราก็ปรารถนาที่จะลืม บางอย่างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือมีประโยชน์น้อยก็ลืมมันไปซะบ้าง เอาเฉพาะหลัก ๆ ถ้าไม่มีการลืมนี่เครียดตาย บ้าตายแน่  เพราะฉะนั้น มันต้องเป็นของคู่กัน  ถ้าเราเข้าใจอย่างนี้จะไม่ถูกมันครอบงำ เรียกว่ามันเป็นธรรมดาของโลก ที่ว่า

 

บางคนเจอแล้วเป็นทุกข์ แต่บางคนประสบแล้วไม่ทุกข์ก็เพราะรู้เท่าทันนี่เอง

จึงบอกว่าเป็นชีวิตอิสระ

 

คู่ที่ 2 ได้ยศ เสื่อมยศ  มันเป็นการสวมหัวโขน ทุกคนเมื่อเกิดมาแล้ว ต้องเป็นลูก เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นญาติ เป็นเพื่อน เป็นพ่อ เป็นแม่ ครูบาอาจารย์ เป็นข้าราชการ เป็นพ่อค้า เป็นโน่น เป็นนี่ จะต้องมียศ มีตำแหน่ง มีป้ายมาแขวนไว้ แต่ละคนมีหลายยศ เยอะแยะ เราอย่าไปติดมัน อย่าไปถูกมันครอบงำ ก็ลักษณะเดียวกัน เมื่อได้มามันก็ต้องมีเสียไป ข้าราชการถึงเวลาก็ต้องเกษียณ นักธุรกิจก็ต้องปล่อยวาง ปล่อยให้คนอื่นเขาบ้าง ให้เด็กรุ่นหลังบ้าง

 

ทุกอย่างมันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง  เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

 

ถ้าเราคิดว่าจะดำรงคงอยู่ในสิ่งนั้นตลอดกาล  ก็คิดผิดละ  ต้องทุกข์แน่ ๆ เพราะมันเป็นไปไม่ได้  มันเป็นเรื่องสัจธรรม คือความเป็นจริงของโลกของชีวิต ถ้าเราไปคิดอย่างนั้นก็ถือว่าไม่รู้จักโลก เหมือนกับน้ำ มันจะไหลจากที่สูงลงไปสู่ที่ต่ำ แม่น้ำเจ้าพระยามันจะต้องไหลจากทิศเหนือไปทิศใต้  เราจะไปคิดอยากให้ไหลจากทิศใต้ไปทิศเหนือมันก็ไม่ได้ จะให้ไหลจากทะเลขึ้นสู่แม่น้ำลำคลองมันก็ไม่ได้ มันจะต้องเป็นของมันอย่างนั้น

เคยมีคนเล่าให้ฟัง บอกว่ามีข้าราชการตำแหน่งใหญ่เลยทีเดียว ถึงวันเกษียณอายุ วันสุดท้ายเหลืออีก 1 วัน มาทำงาน ท่านมานั่งในห้องทอดอาลัย แล้วก็นั่งกอดเก้าอี้เป็นภาพที่น่าสลดใจมาก คือไม่ได้เตรียมตัวไว้ ทางจิตวิทยาเขาก็สอนไว้ว่า  เราจะต้องเตรียมตัวเกษียณอายุ  เราจะต้องเตรียมลู่ทางไว้  เราจะใช้เงินจากไหน ไปอยู่ที่ไหนอย่างไร  มีบ้านมีช่องไหม  มีงานอดิเรกทำไหม หรือจะไปทำกิจกรรมอะไร จะเข้ากลุ่มไหน  เราต้องเตรียมและวันนั้นต้องมาถึง ถ้าเรายังมีอายุยืนนานถึงวันนั้น มันต้องถึงสักวันหนึ่ง ไม่มีใครที่จะทำงานจนถึงวินาทีสุดท้ายหรืออยู่ในยศตำแหน่งจนถึงวินาทีสุดท้าย   

แม้แต่คนเป็นพ่อแม่เป็นใหญ่ในครอบครัว  ก็ต้องหมดอำนาจ (เสื่อมยศ)  วันหนึ่ง ลูกหลานก็ต้องเติบใหญ่ทดแทนกันไป  คนเก่า ๆ จะหมดอำนาจ  เตรียมไว้เสีย  จะไม่ได้ไม่ทุกข์  เมื่อรู้อย่างนี้  ต้องไม่เพียงไม่หวงอำนาจ  แต่ต้องเตรียมสอนเขาขึ้นสู่อำนาจอย่างมีศักยภาพด้วย  บ้านเมืองจะเจริญ  หน่วยงานจะก้าวหน้า  ตระกูลจะมั่นคง

 

ตีพิมพ์ในนิตยาสาร  การศึกษาอัพเกรด  ฉบับที่  037  ประจำวันพฤหัสบดี ที่  5 - 12  กรกฎาคม  2550

 

หมายเลขบันทึก: 217696เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2008 10:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 เมษายน 2012 17:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

      นมัสการครับ   ขออนุญาตเสริมตามประสาโลกๆครับ

    

      ชีวิตอิสระ   คือ   ทำงานเพื่องาน   ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่

      ความอยากในโลกธรรมยังมี    ต้องรีบทำใจ

      ทำใจได้ก็ดี     

       ทำใจไม่ได้ .... ขุ่นข้องหมองศรี  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท