ทริปนี้เป็นทริปที่ค้างคืนนอกสถานที่ทริปสุดท้ายของคอร์ส เพื่อนบางคนไม่ได้ไปเพราะเริ่มได้งานและต้องไปฝึกการปีนต้นไม้ก่อนฝึกประสบการณ์การทำงาน เพราะจริงๆ งานที่เขาสมัครเป็นของกรมอนุรักษ์ Department of Conservation ซึ่งต้องมี Climbing Certificate แต่เธอยังไม่มีเขาเลย Train ให้ งานก็จะเป็นการเช็คจำนวนนกที่ค่อนข้างหายาก จึงต้องปีนต้นไม้ไปดูรังนกทำแผนที่รังนกและนับจำนวนนก การปีนก็ต้องเรียนผูกเงื่อนหลายเงื่อนเห็นนั่งหัดในห้องไปเป็นสิบเงื่อน (นอกเรื่องไปหน่อย แต่สนใจเพราะเพิ่งรู้เหมือนกันว่าเขามีประกาศนียบัตรการปีนต้นไม้ด้วย)
วันนี้ตอนเช้าก็แบ่งกลุ่มกันเตรียมตัวเรื่องทริป เรื่องอาหาร เราได้อยู่ทีมนี้และต้องซื้อของให้เสร็จในวันนี้ งบประมาณ 300 เหรียญ สำหรับ 3 คืน 4 วัน อีกกลุ่มก็ตรวจสอบจักรยานให้ครบจำนวนคนที่จะไป อีกกลุ่มตรวจสอบเรื่องเต้นท์ อุปกรณ์สนามต่างๆ รวมถึงเครื่องครัว เราแอบไปบอกอาจารย์ล่วงหน้าว่าขอให้เอาจักรยานมาซ้อมสักหน่อย ไม่แน่ใจว่ายังขี่จักรยานเป็นหรือปล่าว ลองดูแล้วก็น่าจะ OK
เรื่องอาหารก็มี Chef เก่าอยู่ในทีม 2 คน สบายมากคิดกันแป๊บเดียวเรามีหน้าที่พิมพ์อย่างเดียว แล้วก็ไปซื้อกันเลย ซื้อกันเก่งมาก 299.80 เหรียญ แล้วก็กลับมาแพ็ค ของสดก็เตรียมกระติกน้ำแข็งไปด้วย
มานั่งทบทวนแผนการเดินทางอีกครั้ง เดินทางวันอังคาร 11.00 น. ถึงทางเข้าทะเลสาบแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับแบ่งอาหารมื้อเย็น มื้อเช้าวันถัดไปเข้าไปด้วย ค้างคืนริมทะเลสาบแล้วรุ่งเช้าเดินออกมาทางเดิม เดินทางต่อไปยังจุดที่จะปั่นจักรยาน ปั่นจักรยานจนถึงที่พัก ค้างคืน นอนเต้้นท์ รุ่งเช้าปั่นจักรยานต่อ เส้นทางประมาณ 35 กม. เราจะรอดไหมเนี่ย แต่อาจารย์บอกว่าใครไม่ไหวก็ค่อยเอารถมารับ วันศุกร์เดินทางกลับ
เนื่องจากเราจัดการเรื่องอาหารเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเช้าเลยมีเวลาช่วงบ่าย เพื่อนอีกทีมที่อาจารย์ให้ไปช่วยเป็นไกด์นำเด็กนักเรียนประมาณ 20 คนเดินป่าที่ Arnold river ใกล้กับเขื่อน ก็เลยชวนไปด้วย เพื่อนคนนี้เก่งเพราะเป็นไกด์อยู่แล้ว ลาออกจากสัตว์แพทย์ที่ทำมาเป็นเวลายี่สิบกว่าปี มาเป็นไกด์แล้วก็มาเรียนคอร์สนี้เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ก็นำเด็กเล่นเกมส์ แนะนำเรื่องการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เราได้รับงานให้บอกเด็กเรื่อง Environmental Care code เช่นไม่ทิ้งขยะ รักษาความสะอาด ไม่ล้างหรืออาบน้ำโดยใช้สบู่หรือยาสระผมในน้ำ เกรงใจคนอื่นเช่นถ้าเห็นมีคนขี่จักรยานสวนมาในทางเดินก็หลีกทางให้ ไม่เดินออกนอกเส้นทางเพราะอาจเหยียบต้นไม้ตายได้ ก่อนเดินป่าก็เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย หากเลี่ยงไม่ได้ก็อย่าปล่อยในแม่น้ำ หาอุปกรณ์ขุดหลุมฝังห่างจากแหล่งน้ำ 50 เมตร (กรณีของแข็ง)
ระหว่างทางก็พูดคุยเรื่องความพิเศษของต้นไม้ของนิวซีแลนด์ว่าไม่เจอที่อื่นในโลกนอกจากที่นี่ เช่น Kahikatea, Rimu, Matai, Miro ซึ่งอยู่ในกลุ่มพืชที่ไม่มีดอก gymnosperm มาถึงเขื่อนอาจารย์ก็เล่าให้ฟังเรื่องเขื่อนและการใช้ไฟฟ้าและสอนให้เด็กๆ ประหยัดพลังงาน
มีช่วงที่ให้เด็กเุงียบประมาณ 5 นาที เพื่อจะได้ยินเสียงนกในป่า และเด็กก็ได้เจอนกพิราบ(wood pigeon) Weka หรือ wood-hen มีลูกเล็กๆ เดินตามด้วย เป็นนกที่บินไม่ได้ รูปร่างคล้ายไก่แต่เป็นสัตว์สงวน
ก็คิดว่าเด็กๆ น่าจะได้รับความรู้และความเพลิดเพลินในการเดินป่าครั้งนี้ เพราะพยายามนำเอาหลักการของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์มาทำให้ครบทั้ง 5 หลักการ ไม่ว่าจะเป็นการให้เด็กได้สัมผัสธรรมชาติ ให้ความรู้ สอนชื่อต้นไม้ทั้งภาษาอังกฤษและเมารี และทำให้เด็กๆ รักธรรมชาติและให้คุณค่าแก่ต้นไม้ สัตว์ที่อยู่ในป่าและอยากรักษาไว้
ซึ่งความดีความชอบทั้งหมดมอบให้เพื่อนที่ชื่อ Chris อีกอย่างคือเขาเพิ่งไปเมืองไทยมาช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาด้วย เขาบอกว่าเรามีประเทศที่สวยงาม อาหารอร่อย และอยากให้คนไทยลดการใช้ถุงพลาสติก
ใช่แล้วค่ะคุณ Pompier ยังอยู่ฝรั่งเศสอีกนานไหม อยากหัดภาษาฝรั่งเศสจัง