หนังสือส่งเสริมการอ่านสำหรับเยาวชน


กุ้ง

 

                โดยปกติพ่อจะตื่นแต่เช้าเพื่อหุงข้าว  ทำธุระส่วนตัว  แล้วกลับเข้าห้องไปสวดมนต์  เหมือนพระทำวัตรเช้า  สวดเสร็จแล้วพ่อจึงปลุกแม่ให้ไปทำกับข้าว  การที่แม่ตื่นทีหลังพ่อ  แม่ก็มีข้อแก้ตัวว่า

                จะให้แม่ทำตัวเป็นศรีภรรยา ตื่นก่อน นอนทีหลัง  คอย   ปรนนิบัติ พัดวี ให้สามีสุขสบายไปเสียทุกอย่าง เหมือนหญิงไทยสมัยโบราณน่ะ  แม่ทำไม่ได้ไหรอก

                แม่จะตื่นแต่เช้าได้อย่างไร  ก็แม่ชอบทำงาน  อ่านหนังสือจนดึกดื่น ถึงแม้พ่อจะบอกหลายครั้งหลายหนว่า 

                ก็ให้นอนแต่หัวค่ำ  จะได้ตื่นมาทำงานเช้าๆ

                แม่ก็ไม่เคยเชื่อพ่อ  แถมนุตก็เคยได้ยินแม่พูดเสียงอุบอิบๆ  พอให้พ่อได้ยินแบบสัญญาณไม่ชัดว่า

                เช้าๆ อากาศบ้านเราสดชื่น เย็นสบาย เหมาะแก่การพักผ่อนนอนหลับจะตาย

                ถึงแม้ว่าแม่จะ หัวดื้อ คำนี้นุตแอบได้ยินพ่อใช้บ่นแม่  และด้วยความที่พ่อรักแม่มาก  อยากให้แม่ได้พักผ่อนบ้าง พ่อจึงยอมแพ้แม่ได้ในกรณีแม่ชอบนอนตื่นสาย ยกเว้น บางวัน เช่น วันนี้

                กริ๊ง   กริ๊ง  กริ๊ง  กริ๊ง  กริ๊ง .................  ทั้งแม่ ทั้งลูก ต่างลุกพรวดพราดจากเตียง  ลุยน้ำเพื่อแย่งกันรับโทรศัพท์ที่เป็นของเล่นใหม่ของบ้านเราในเวลานั้น  แม่ไปถึงก่อน

                หวัดดีค่า  โหล  โหล  หวัดดีค่า  เอ๊ะ!  ไม่เห็นมีเสียงใคร

                แม่... แม่... แม่โดนพ่อแกล้ง 

                เสียงพี่นิธที่ลุกงัวเงียจากเตียงและพอดีหันมาเห็นพ่อนั่งยิ้มอยู่บนเตียง มีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือร้องบอกแม่ แล้วพี่นิธจึงเปลี่ยนเป้าหมายจากโทรศัพท์พุ่งตรงไปที่เตียงพ่อ   กลิ้งสามตลบไปทับอยู่บนตัวพ่อพอดี

                วันนี้ วันพระ  ไปทำบุญที่วัด ลุกเร็วๆ ไปอาบน้ำแต่งตัว  กว่าจะพายเรือไปถึง  เดี๋ยวได้ใส่บาตรหน้าพระให้อายคนอื่นเขามั่ง หรอก

                วันนี้แม่จึงได้ตื่นเช้ากว่าปกติ  เข้าไปในครัวที่หล่อด้วยน้ำ  เพื่อทำกับข้าว

                นันท์ เอากุ้งในตู้เย็นมาสิลูก  แม่เก็บไว้ในช่องฟรีซ  แม่จะชุบแป้งทอด

                แม่ซื้อกุ้งมาจากน้าแจ๊ดเมื่อเย็นวาน  ตอนที่น้าแจ๊ดเอากุ้งมาให้  พวกเรายังเห็นมีบางตัวโดดกันหย็องแหย็ง  พี่นันท์แม่ครัวหัวป่า คนทำอาหารฝีมือดีของพวกเราบอกว่า

                นี่ไงๆ กุ้งเต้น  ลองเอามะนาวมาบีบใส่ดูซิ  ตัวมันจะกลายเป็นสีแดงๆ  สุกๆ   กินได้เลย

                พี่นิธรีบไปที่ตู้เย็น  ค้นๆ  ดู ได้มะนาวมาลูกนึง  จัดแจงผ่ามาครึ่งซีก  พี่ณัฐจับกุ้งที่ดีดตัวดึ๋ง ๆ  มาใส่กะละมัง  ส่วนนุตคอยลุ้นดูการเปลี่ยนสีของกุ้งด้วยใจระทึก

                ทำอะไรกันน่ะ  แม่ส่งเสียงถามมาจากในบ้าน

                ทุกคนหยุดนิ่ง  นุตผู้สังเกตการณ์รายงานจ๋อยๆ ให้แม่ฟัง โดยไม่ได้สังเกตสายตาของพี่นันท์ที่ถลึง เขม้นมองหมายจะเอาเรื่อง

                ตายจริง  ยัยนันท์  ยัยหัวโจก   แม่วางไว้จะให้พวกหนูช่วยกันเลือกกุ้งที่ยังไม่ตาย  จะได้ปล่อยมันไป

                งานนี้พี่นันท์เลยไม่ได้แสดงฝีมือการทำกุ้งเต้น แถมเกือบจะโดนไม้เรียวจากพ่อ ถ้าแม่ไม่ห้ามไว้  นุตก็ไม่ได้เห็นการเปลี่ยนสีของกุ้ง  แถมโดนพี่ๆ โกรธเอาอีกด้วย

                กุ้งฝอยนี้น้าแจ๊ดใช้ตะแกรงช้อนมาจากใต้ผักปอด  ได้ไม่มากนัก เนื่องจากไม่ใช่ฤดูกาล  พ่อบอกว่า

                กุ้งฝอยจะมีเยอะก็ตอนที่น้ำลด ไหลออกจากทุ่งไปอยู่ในคู คลองหมดแล้ว    ต้องใช้ชนางลุนไปตาม คูคลอง จะได้กุ้งฝอยครั้งละมากๆ    สมัยพ่อเด็กๆ ชาวบ้านจะนำมาขายให้ยายเป็นถังๆ  เพราะไม่ค่อยมีเครื่องชั่ง หรือที่เรียกว่า กิโล อย่างปัจจุบันมาชั่ง  ยายก็จะต้มพอสุก แล้วก็เคล้าเกลือเค็มมาก อัดไว้ในไห ทำเป็นกะปิ ไว้กิน  

                รองลงมาก็ช่วงหัวน้ำลด  คือช่วงที่น้ำกำลังไหลออกจากทุ่งลงสู่คู คลอง แล้วต่อลงไปยังแม่น้ำ  ช่วงนี้ กุ้ง หอย ปู ปลา ก็จะอุดมสมบูรณ์มาก   เพราะตอนช่วงน้ำหลากจากแม่น้ำ ลงสู่ทุ่ง และหนองน้ำนั้น ปลาและสัตว์น้ำส่วนมากก็จะเริ่มแพร่พันธุ์  และใช้เวลาเติบโตอยู่ สอง ถึงสามเดือน พอน้ำลดก็โตได้ขนาดพอดี    ช่วงหัวน้ำลดนี้  ชาวบ้านก็จะวางอุปกรณ์ดักปลาตามทางน้ำที่ไหลออกจากทุ่ง ซึ่งภาษาบ้านเราเรียก สำโหลก  จะได้ปลาเยอะมาก  กุ้งก็พอมี บ้าง   แต่ช่วงน้ำเยอะๆ นั้น กุ้งฝอยจะหายากหน่อย ต้องใช้ตะแกรงช้อนเอาตามรากผักปอด หรือสาหร่าย ซึ่งก็จะได้ไม่มากนัก

                แม้จะมีไม่มาก แต่ก็เป็นวัตถุดิบประกอบอาหารที่แปลกกว่าทุกมื้อที่มีแต่ปลา ปลา และก็ปลา

                กุ้งชุบแป้งทอด  จึงเป็นกับข้าวที่เราใส่บาตร  และได้กินกันอย่างเอร็ดอร่อยในวันพระนี้

                ตอนกินข้าวเช้า  แม่ยังเล่าให้ฟังว่า 

                เมื่อตอนที่แม่เด็กๆ  กุ้งฝอยเนี่ยไม่มีใครเขากินกันหรอก  ช้อนมาได้ก็เอามาทำกะปิหมด  บ้านแม่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย  เป็นบ้านใต้ถุนสูง  และน้ำจะท่วมทุกปี เป็นไปตามฤดูกาล  ชาวบ้านไม่เดือดร้อน เพราะรู้เวลาว่าช่วงไหนน้ำจะมา  ช่วงไหนน้ำจะลด  เมื่อน้ำลดพอที่จะเดินลุยน้ำไปตามใต้ถุนได้ก็จะมีกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ มาเกาะอยู่ตามเสาบ้าน  แม่ยังเคยเอามือไปลูบๆ  ตามเสา ใต้น้ำ ได้กุ้งตัวโตๆ  มาให้ยายเผากิน

                พี่นิธน้ำลายสอ กลืนน้ำลายลงคอเสียงดังเอื๊อกๆ  แม่เล่าต่อว่า

                ถ้าให้ดี  เขาจะเอาลอบไปวางไว้ตามเขื่อนที่กันน้ำเซาะริมตลิ่งหน้าบ้าน  เอาหอยโข่ง ซึ่งตอนนี้ไม่เหลือให้เห็นตามท้องนาแล้ว  เอามาทุบให้แตกๆ แล้วเอาใส่ไว้ในลอบเป็นเหยื่อล่อ  กุ้งจะเข้ามากินแล้วก็ออกไปไม่ได้  เราก็จะได้กุ้งตัวใหญ่ๆ มากินกัน  บางทียังได้แบ่งให้บ้านข้างๆ ด้วย

                พ่อตัดบทก่อนที่น้ำลายพี่นิธจะหยดลงในชามข้าว

                 เดี๋ยวนี้ พ่อกับแม่ไม่มีปัญญาจะหา  หรือแม้แต่จะซื้อกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ ให้ลูกกินหรอกนะ  กิโลนึงก็ปาเข้าไปห้า หก ร้อย  หรือมากกว่านั้น เพราะ ฉะนั้นก็จงกินกุ้งฝอยชุบแป้งทอดแผ่นโตๆ ที่แม่ทอดให้ไปก่อนก็แล้วกัน

หมายเลขบันทึก: 216129เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2008 21:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 13:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เฮ้ออ

งั้นลุกๆก้อดกินกุ้งตัวดตๆกันหมดเลย

น่าสงสารเนอะ

ปล.คำว่าชนางบางท่านอาจจะไม่รู้ความหมาย

เลยไปหาเว็บที่เกี่ยวกับชนางมาให้

เชิญเข้าไปดูได้ค่ะ

http://www.watsamrong.com/animal.htm

ขอบคุณนะคะ ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม นอกจากได้เห็นรูปชนางแล้ว ยังได้รู้จักอุปกรณ์อื่นๆ อีก ดีจังค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท