**** ความแตกต่างระหว่าง สมถะ และ วิปัสสนา ****
เทฺว เม ภิกฺขเว วิชฺชาภาคิยา
** ดูก่อนภิกษุทั้งหลายวิชชามี ๒ อย่าง
กตเม เทฺว
** ๒ อย่าง อะไรบ้าง
สมโถ จ ๑ วิปัสฺสนา จ ๑
** สมถะ ความสงบระงับ ๑ วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง ๑
สมโถ ภาวิโต กิมตฺถมนุโภติ
** สมถะเป็นขึ้นแล้วต้องการอะไร
จิตฺตํ ภาวิยติ
** ต้องการทำจิตให้เป็นขึ้น
จิตฺตํ ภาวิตํ กิมตฺถมนุโภติ
** จิตเป็นขึ้นแล้วต้องการอะไร
โย ราโค โส ปหียติ
** ความกำหนัดยินดีที่อยู่แก่ใจ หมดไป
วิปัสฺสนา ภาวิตา กิมตฺถมนุโภติ
** วิปัสสนาแปลว่าความเห็นแจ้ง เป็นขึ้นแล้วต้องการอะไร
ปญฺญา ภาวิยติ
** ต้องการทำปัญญาให้เป็นขึ้น
ปัญฺญา ภาวิตา กิมตฺถมนุโภติ
** ปัญญาเป็นขึ้นแล้วต้องการอะไร
ยา อวิชฺชา สา ปหียติ
** ความไม่รู้จริงมีอยู่แก่ใจ ความไม่รู้จริงอันนั้นหมดไป
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
**** ความแตกต่างระหว่าง สมถะ และ วิปัสสนา ****
๑. โดยสภาวธรรม
สมถะ : มีสมาธิเกิดขึ้น คือ จิตตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดียว
วิปัสสนา : ทำให้เกิดปัญญา รู้รูปนามว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
๒. โดยอารมณ์
สมถะ : มีนิมิตบัญญัติเป็น อารมณ์กรรมฐาน เช่น ปฐวีกสิณ เป็นต้น
วิปัสสนา : มีรูปนามเป็นอารมณ์ เพราะรูปนามมีความเกิดดับซึ่งเป็นความจริงตามธรรมชาติ
๓. โดยหน้าที่
สมถะ : มีหน้าที่ในการกำจัดนิวรณ์ ๕ ทำให้จิตมีความสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน เป็นต้น
วิปัสสนา : มีหน้าที่ในการกำจัด อวิชชา ทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งสภาวธรรมตามความเป็นจริง
๔. โดยอาการที่ละกิเลส
สมถะ : ละกิเลสโดยอาการที่ข่มไว้ เป็น วิขัมภนปหาน
วิปัสสนา : ละกิเลสโดยอาการขัดเกลาเป็นขณะๆ เป็น ตทังคปหาน
๕. ชนิดของกิเลสที่ถูกละ
สมถะ : ละกิเลสชนิดกลาง คือ ปริยุฏฐานกิเลส
วิปัสสนา : ละกิเลสอย่างละเอียด คือ อนุสัยกิเลส
๖. โดยอานิสงค์
สมถะ : ทำให้อยู่สุขด้วยการข่มกิเลสไว้ และให้ไปเกิดในพรหมโลก
วิปัสสนา : ทำให้เข้าถึงความพ้นทุกข์ คือ พระนิพาน และเข้าถึงความไม่เกิดเป็นที่สุด
ก็เป็นพุทธพจน์เหมือนกันนี่ครับ จะไปเขียนเองได้ไงล่ะ