คติที่ ๘ รักษ์ร่างพอสร่างร้าย รอดตน
ยอดเยี่ยม “ธรรมกาย” ผล ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ก่องหล้า เรืองสกล
บทประพันธ์ของหลวงพ่อบทนี้ มีถ้อยคำบางคำที่เราต้องทำความเข้าใจ เช่น “รักษ์” ก็คือรักษา “สร่าง” แปลว่า ทุเลา สร่างไข้ แปลว่าทุเลาจากไข้ สร่างโศก แปลว่า คลายจากโศก “ก่อง” แปลว่า งาม แปลว่าสว่าง “หล้า” แปลว่า โลก , แผ่นดิน “สกล” แปลว่า ทั่วโลก เป็นต้น เวลาแปลเราแปลเอาความคือเอาความหมาย ว่าบทประพันธ์นี้หลวงพ่อสอนอะไร ต้องการเพียงแค่นั้น หากถอดคำประพันธ์ออกมาแล้ว จะได้ความดังนี้
การจะเอาตัวรอดได้นั้น จะต้องเป็นธรรมกาย ธรรมกายให้ผลประเสริฐแก่ผู้ปฏิบัติ เป็นยอดกุศล, ไม่มีบุญกุศลใดเทียมเทียบได้เลย เชิญท่านทั้งปวงเอาธรรมกายนี้เป็นประทีปส่องโลกให้สว่างเถิด
เคยได้ยินหลวงพ่อเทศน์ ท่านบอกว่า การบำเพ็ญภาวนาจนถึงขั้นเห็นดวงธรรมในท้องเรา เพียงชั่วไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ไม่มีกุศลใดในโลกสู้ได้เลย แม้จะสร้างวัดร้อยหลังพันหลังก็สู้ไม่ได้ ไม่มีกุศลใดสู้ได้ทั้งนั้น ท่านอธิบายว่า กุศลที่เกิดจากการบำเพ็ญภาวนานี้ออกนอกภพได้ แต่กุศลก่อสร้างทางวัตถุออกนอกภพไม่ได้ ขอให้เราทำความเพียรให้ใจใสใจสว่าง ตามคำสอนขององค์พระศาสดาที่ว่า “สจิตฺตปริโยทปนํ” ซึ่งแปลว่า ทำใจให้ใส ในที่สุดก็เห็นดวงธรรมและเห็นธรรมกายในที่สุด นี่คือความหมายของคำสอนที่ว่าทำใจให้ใส ก็คือดังกล่าวนี้
และเมื่อเราเป็นธรรมกายแล้ว ไม่ว่าอะไรจะดีขึ้นทั้งหมด ชีวิตจิตใจเราดีขึ้นกว่าเดิม
หากมีโรคประจำตัว โรคนั้นจะพลันหาย เคยมีโมโหโทโส อารมณ์ร้ายนั้นจะหมดไป เคยผลุนผลันทันด่วนตัดสินใจจนกิจการร้านค้าเสียหาย จะกลายเป็นคนรอบคอบใคร่ครวญ กิจการค้าจะดีขึ้น เคยนอนฝันร้าย จะกลายเป็นมีมงคล นี่คืออานิสงค์เบื้องต้น หากมีความประสงค์จะแจ้งนิพพาน ก็เรียนวิชาธรรมกายชั้นสูงต่อไป
**********************
ข้อมูลจาก หนังสือคติธรรม คตินิยม การดำเนินชีวิต ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
ไม่มีความเห็น