คติที่ ๓ ดอกไม้หอม ไม่ต้องเอาน้ำหอมมาพรม ฯ
ดอกไม้หอม ไม่ต้องเอาน้ำหอมมาพรม ก็หอมเอง ใครห้ามไม่ได้ ซากศพ ไม่ต้องเอาของเหม็นมาละเลงใส่ ก็แสดงกลิ่นศพให้ปรากฏ ปิดกันไม่ได้
นี่คือ คติของหลวงพ่ออีกบทหนึ่ง ความหมายก็ชัดอยู่แล้ว ไม่ต้องอธิบายเลย โบราณท่านว่าไว้ ความดี ความชั่ว ความมี ความจน ๔ อย่างนี้ปิดกันไม่ได้
นั่นคือ ความดีมันก็ดีอยู่ในตัว ถึงใครจะว่าไม่ดี ก็จะว่าได้ไม่นาน กรรมชั่วมันก็ชั่วของมันในตัว ถึงใครจะว่าดี มันก็ดีไม่นาน เพราะมันชั่ว ทองอยู่ที่ไหนก็เป็นทอง จะเป็นตะกั่วไปไม่ได้ หนามแหลมไม่ต้องเสี้ยม ชาดมันแดงของมันอยู่ในตัว ไม่ต้องเอาสีแดงไปแต้ม
เกิดการวิจารณ์กันกว้างไกล ต่อคำว่า "ธรรมกาย" ในตอนแรกๆ แบบต่างคนต่างว่า เสียงวิจารณ์ทราบไปถึงหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ว่า "ดอกไม้หอม ไม่ต้องเอาน้ำหอมมาพรม ก็หอมเอง ใครห้ามไม่ได้ ซากศพ ไม่ต้องเอาของเหม็นมาละเลงใส่ ก็แสดงกลิ่นศพให้ปรากฏ ปิดกันไม่ได้"
ครั้นมาพบคำว่า "ธรรมกาย" ในสุตตันตปิฎก ตถาคตสฺส วาเสฏฺฐ เหตุ อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปิ (สามเณรวาเสฏฐ์ ธรรมกายคือตถาคต) คำวิจารณ์ก็หายไป
เป็นข้อเตือนใจในการทำงานว่า หากการงานใด เป็นความดี เป็นความบริสุทธิ์ เป็นความถูกต้อง อย่าไปกลัวคำวิจารณ์
ชีวิตคู่กับงาน ทุกคนเกิดมาต้องทำงาน หากงานที่เราทำเป็นความดี เป็นความถูกต้อง เป็นความบริสุทธิ์ จงทำเถิด หากหวั่นต่อคำวิจารณ์ เราก็ไม่ต้องทำอะไร เพราะกลัวไปหมด คำวิจารณ์เราก็ต้องพิจารณาด้วย เพราะความดีไม่มีในหมู่โจร คนไม่มีความรู้วิจารณ์ผู้รู้ คนความรู้ด้อยวิจารณ์ผู้มีความรู้สูง ทุศีลวิจารณ์ผู้ทรงศีล อาบอบนวดไปวิจารณ์ฤาษี เอาลุงดีกลางทุ่งไปวิจารณ์วิทยานิพนธ์ หากเข้าตำราที่ว่านี้ ท่านว่าอย่าฟัง
********************************************************
จากหนังสือ คติธรรม คตินิยม การดำเนินชีวิต ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
ไม่มีความเห็น