เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้รับชวนจากทีมงานให้ไปช่วยดูรถมือสองสักคันเพื่อใช้งาน จึงได้เดินทางไปตามที่ได้นัดหมายกับเจ้าของรถไว้ทางโทรศัพท์ปรากฏว่าที่พักอยู่ซอยแบริ่ง บางนา เมื่อดูรถที่จะขายได้ทราบข้อมูลว่า เป็นนิสสันแวน 5 ประตู ปี 95 เดิมได้ใช้เป็นรถแท๊กซี่ และได้ปลดป้ายเพราะอายุเกิน 10 ปี ทำสีใหม่เป็นสีเดิมของรถคือบรอนส์เทา (จดทะเบียนเขียวเหลือง) ทำสีใหม่ เมื่อดูจากภายนอกเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักเพราะเป็นแท๊กซี่ แต่เจ้าของได้ให้การดูแลรักษาเป็นอย่างดี จึงอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ในราคาที่เหมาะสม คือแสนต้นๆ ดูบริเวณโรงจอดรถแสดงว่าเจ้าของมีความรู้เรื่องช่างเป็นอย่างดี และเป็นช่างที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เครื่องมือสะอาด เก็บเป็นสัดส่วนหยิบใช้ง่าย ระหว่างนั้นมีโอกาส เลยได้คุยถึงรถคันใหม่ที่ได้ออกมาแทนคันดังกล่าว ได้ทราบว่าอายุประมาณ 3 ปี TOYOTA LIMO ราคาประมาณ 5 แสนเศษ ดาวน์ไปแสนกว่า สังกัดสหกรณ์เสียค่าสหกรณ์เดือนละ 600บาท จะเอายอดนี้ไปเพิ่ม เมื่อเปิดดูกระโปรงรถ ก็รู้ว่าดูแลรถสะอาดเรียบร้อย และก็เกิดความสงสัยเพราะว่าเห็นแกลลอนน้ำมันเครื่องตัดครึ่งว่างอยู่ในซอกห้องเครื่องที่ลงตัวพอดี ไม่สามารถขยับได้ ภายในมีขวดเครื่องดื่มชนิดเป็นแก้วสูงประมาณ 20 ซม.สองขวดหุ้มด้วยถุงมือเก่าแต่สะอาด ตอนแรกที่เห็นเข้าใจว่าน่าจะเป็นจำพวกน้ำมันเครื่อง,น้ำมันเบรคหรือน้ำมันเพาเวอร์/ไฮโดรริค เพราะสีขุ่นๆคล้ายกาแฟขวดหนึ่ง และใสมีผงเหมือนน้ำชาขวดหนึ่ง เจ้าของเห็นท่าทางเราสงสัยก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็เอื้อมมือไปหยิบขวดที่สีขุ่นๆแล้วก็เปิดฝาออกเทน้ำสีขุ่นเข้าในปากอย่างสดชื่น...แล้วบอกว่า กาแฟช่ายผมได้....เวลาขับรถนานๆหลายชั่วโมงผมก็มีกาแฟร้อนๆดื่ม....อีกขวดเป็นน้ำชาครับ....อาจารย์ลุง...
ผมเลยถึงบางอ้อ...! สมเป็นช่างจริง..รู้ว่าในห้องเครื่องมีความร้อน แทนที่จะปล่อยทิ้งให้เสียประโยชน์....เอามาอุ่นกาแฟ....( ตอนนี้อย่าว่าแต่ญี่ปุ่นเลย...จีนยังงง...! ) นี่แหละ KM....! ขอบคุณที่ให้เป็นวิทยาทาน
ลุง 29/3/2006