10 โรคยอดฮิตของบ้านตอนที่ 1

“10 โรคยอดฮิตของบ้าน” ซึ่งรวบรวมคำถาม-คำตอบที่พบบ่อยในบ้านและที่อยู่อาศัยจาก

ในงานสถาปนิก 49 ที่ผ่านมาซึ่งสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการในแวดวงออกแบบก่อสร้าง และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพสถาปนิกต่อสาธารณะทุกปีนั้น เราจะมีบริการแนะนำให้คำปรึกษาประชาชนที่ชมงานเกี่ยวกับปัญหาเรื่องออกแบบ และก่อสร้างบ้านและที่พักอาศัยต่างๆ

โดยไม่คิดมูลค่า หรือที่เราท่านรู้จักกันดีในนามกิจกรรม “หมอบ้าน” อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ในปีนี้ก็เช่นกันครับ ตลอดงาน 6 วันบูทหมอบ้านมีประชาชนสนใจมารับบริการและคำปรึกษาจากบรรดาสถาปนิกอาสาและวิศวกรใจดีกันคับคั่งทุกวัน จนหมอบ้านทั้งหลายแทบไม่ได้พักทานข้าวกันเลย แต่ทุกท่านก็เต็มใจที่จะนำความรู้มาช่วยเหลือพี่น้องทุกท่านกันอย่างเต็มที่และลืมความเหนื่อยกันเลยครับ

ในบูทหมอบ้านปีนี้มีเอกสารที่น่าสนใจแจกให้ประชาชนผู้เข้ารับบริการได้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบ้านและที่อยู่อาศัยชิ้นหนึ่งคือ “10 โรคยอดฮิตของบ้าน” ซึ่งรวบรวมคำถาม-คำตอบที่พบบ่อยในบ้านและที่อยู่อาศัยจาก

เวบบอร์ดของสมาคมสถาปนิกสยามฯ www.asa.or.th/02community/01webboard/index.aspxและเวบบอร์ด www.thaimisc.com/freewebboard/php/vboard.php? user=asasa มาสรุปไว้รวม 10 ปัญหา ผู้เขียนจึงขอนำเนื้อหาเหล่านั้นมาเผยแพร่ต่อสำหรับท่านที่อาจไม่ได้รับเอกสารหรือไม่ได้มีโอกาสเยี่ยมชมงานมาฝากกันครับ เริ่มกันเลยนะครับ

โรคที่ 1 หลังคาบ้านทำมุมอย่างไรถึงจะไม่รั่ว?

ความลาดของหลังคา ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำหลังคา และความยาวของผืนหลังคา (ถ้าจะถามกันเรื่อง ความลาดต่ำสุดที่ทำให้นะครับ ไม่ใช้ตามความสวยงามอาคาร) ตัวอย่างเช่น

- กระเบื้องลอนคู่, ลูกฟูก, ลอนใหญ่ เค้าบอกว่าอยู่ที่ 10 องศา สำหรับบ้านทั่วๆไป แต่แนะนำให้ใช้ 12 องศา หรือ 15 องศา ขึ้นไปครับ

- โมเนีย (กระเบื้องซีเมนต์) เค้าบอกว่าใช้ที่ 25 องศา สำหรับบ้าน แนะนำว่าใช้ที่ 35 องศาขึ้นไปปลอดภัยกว่าครับ

- หลังคาลอน-เหล็ก เค้าบอกว่า 5 องศา แนะนำที่ 10 องศา ขึ้นไปครับ

- หลังคา ค.ส.ล. เค้าบอกว่า ไม่ต้องมี slope แนะนำว่า ทำที่ 1:50 จะปลอดภัยกว่าครับ

อันนี้เป็นในแง่เทคนิคเท่านั้นครับ ลาดมากก็ยิ่งดีครับ น้ำไหลสะดวก แต่ต่อให้ลาดได้ตามคำแนะนำ ก็ไม่สามารถการันตีได้ 100% ว่าน้ำไม่รั่ว เพียงแต่โอกาสน้ำรั่วน้อยลง และการปูแผ่นฟอร์ยอลูมิเนียม รองใช้แผ่นวัสดุมุงหลังคา ด้วยวิธีการที่ถูกต้องก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดโอกาสการรั่วของน้ำฝน อีกทางหนึ่งครับ

โรคที่ 2 น้ำรั่วรอยต่อบริเวณวงกบกับผนังแก้ปัญหาอย่างไรดีครับ?

เอาซิลิโคน หรือ อะคลิลิค ยิงอุดตรงรอยต่อของวงกบด้านนอก จะง่ายที่สุดครับ อยู่ได้ประมาณ 2-4 ปีครับ (แม้เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ แต่ก็สะดวกดีครับ)

หรือ วิธีแก้ปัญหานี้อีกทางหนึ่ง คือ ให้เสริมปีกนก หรือ กันสาด บริเวณเหนือหน้าต่างนี้ครับ เพื่อลดปริมาณน้ำฝนที่สาดเข้ามาที่ผนังด้านนี้ หรือถ้าทำไม่ได้ เช่น มีปัญหาเรื่องเขตที่ดิน วิธีที่น่าจะพอแก้ได้ คือ ทำบัวกันน้ำ เหนือขอบหน้าต่างด้านบน โดยอาจใช้แผ่นสังกะสีพับ ยื่นไม่น้อยกว่า 15 ซม. ติดเหนือหน้าต่าง และงอปลายสังกะสีพับเป็นมุมดิ่งลงมา (เอาเป็นว่า ทำเป็นบัวกันน้ำหยดใส่บานหน้าต่าง ก็แล้วกัน)

ผมคิดว่า วิธีนี้จะได้ผลบ้าง แม้ว่าอาจแก้ไม่ให้มาไหลเข้าได้ 100% แต่ก็น่าจะ ลดปริมาณน้ำรั่วไปมากทีเดียวครับ และการเพิ่ม รางน้ำโดยรอบหลังคา ก็เป็นการลดปริมาณน้ำฝนที่สดไปที่ผนังทำให้ลดโอกาสน้ำรั่วที่ขอบวงกบอีกทางหนึ่งด้วยครับ

โรคที่ 3 ผนังทาสีเกิดการหลุดร่อนจากความชื้นใต้ดิน แก้ไขอย่างไรครับ?

หากสาเหตุมาจากความชื้น ที่ขึ้นมาจากใต้พื้นดิน (คือ ไม่ใช้ดินด้านนอกบ้าน ถมสูงกว่าผนัง) มีวิธีการหนึ่งที่สามารถใช้ได้ผล ก็คือ สกัดผิวปูนฉาบช่วงฐานผนังออก..ให้ถึงเนื้ออิฐ ทั้งนี้เพื่อให้โอกาศอิฐที่มีน้ำชุมนี้ หายใจระบายเอาความร้อนออกได้ ส่วนการประดับตกแต่งฐานผนังที่สกัดปูนฉาบออกแล้วนี้ ก็ คือ การทำบัวที่มีรูระบายอากาศเยอะๆ บังเข้าไป เช่น ตีไม้เป็นซีกๆ เป็นต้น ลักษณะที่อธิบายนี้ เป็นวิธีการเดียวกันกับ ที่เข้าใช้อนุรักษ์โบราณสถานครับ

แต่หากความชื้นสูงมาก คือ ตัวอิฐชุ่มน้ำเลย วิธีการแก้ไข (หากไม่คิดจะถมบ้านสูง) ก็คงต้องรื้อผนังส่วนที่ชุ่มน้ำออก แล้วก่ออิฐใหม่เข้าไป โดยให้ใส่แผ่นทองแดง หรือแผ่นยาง ตลอดแนบฐานผนังก่อนจะก่อส่วนใหม่ครับ เพื่อกันไม่ให้ความชื้นขึ้นมาส่วนบนของผนังได้ แต่หากความชื้นมาจากดิน ที่ถมสูงข้างผนังด้านนอก ก็ต้องหาทางตัดความชื้นจากดิน โดยขุดร่องดินให้กว้างสัก 30-50 ซม. แล้วเอาท่อที่เจาะรูพรุน (ทำเหมือนร่องระบายน้ำ) วางไว้ แล้วเอากรวดมาถมก็ช่วยลดความชื้นได้บ้างครับ

โรคที่ 4 ปัญหาเรื่องการต่อเติมบ้าน

ประการที่สำคัญที่สุดสำหรับอาคารต่อเติม ก็คือ อาคารใหม่จะต้องไม่มีส่วนใดที่สัมผัสกับอาคารเดิม จะต้องแยกออกจากกันโดยเด็ดขาด แม่แต่ท่อน้ำ หากจะเชื่อมต่อกัน ก็ต้องใช้ข้อต่อชนิดยืดหยุ่นที่เรียกว่า Flexible Joint เชื่อมต่อกัน

เหตุผลก็คือ ระหว่างอาคารเดิมและอาคารใหม่ จะมีอัตราการทรุดตัวไม่เท่ากัน แม้ว่าอาคารแต่ละหลังจะใช้เสาเข็มยาวเท่ากันก็ตาม ทั้งนี้เนื่องจาก ผลการทรุดตัวของเสาเข็มซึ่งมีอัตราการทรุดตัวไม่เท่ากันตามระยะเวลาในการก่อสร้างอาคาร (มีความหมายว่า โครงสร้างทั้งสองส่วน ต้องแยกกันอย่างเด็ดขาด คิดง่ายๆ ก็คือ อาคารทั้งสองหลังสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยแม้จะไม่มีอีกหลังหนึ่งแล้วก็ตาม ซึ่งรวมถึงส่วนวัสดุสถาปัตยกรรม เช่น วัสดุปูพื้น ฝ้าเพดาน และผนังอาคารก็ตามแยกส่วนอย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกัน)

โรคที่ 5 ปัญหารอบร้าวเฉียงๆ ที่ผนังมุมซ้ายล่างไปมุมขวาบนอันตรายไหมครับ?

ปัญหารอยร้าวเฉียงๆ นี้ จะเห็นเป็นรอยเกิดขึ้นที่ผนังของอาคารบางทีก็เป็นเพียงเส้นเล็กๆ หลายๆ เส้น ต่อกันเป็นแนว แต่สังเกตได้ว่า รอยเหล่านี้จะต่อกันเป็นเส้นทะแยงมุม การเกิดรอยร้าวแบบนี้ แสดงว่า โครงสร้างของอาคารเกิดการ “บิดตัว” เพราะเสาของอาคาร อาจจะมีการทรุดตัวไม่เท่ากัน หากพบเห็นอาการแบบนี้ ถ้าใหญ่มาก ก็วิ่งไปหาวิศวกร หากยังเป็นรอยเล็กอยู่ ก็ต้องตรวจสอบพฤติกรรมการทรุดบิดตัวต่อเนื่องโดยการขีดเส้นบริเวณปลายของรอยร้าว และบันทึกวันที่เอาไว้ ควรตรวจสอบบ่อยๆ หากมีการขยายตัว (ทั้งกว้าง หรือยาว) และเป็นอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าอาคารมีอาการทรุดตัวไม่หยุด ก็ต้องวิ่งไปปรึกษาวิศวกร (อีกแล้ว) ละครับ

เนื้อที่หมดพอดีครับ คราวหน้าเรามาต่อกันที่ 5 โรคยอดฮิตสุดท้ายที่มักเกิดกับบ้านของท่านกันนะครับ

เขียนใน GotoKnow โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รัชด ชมภูนิช
ใน ratchot chompunich

คำสำคัญ (Tags): #โรคสามัญประจำบ้าน

หมายเลขบันทึก: 215182เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2008 13:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 มิถุนายน 2012 13:23 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน

ความเห็น (4)

สิบเอก ภาคิน watayoot ลุนลี

เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2008 13:12 น. ()

ขอคุณคับที่มีเรื่องดีๆมาเล่าให้ฟัง

อย่าลืมแวะมาเม้นให้ด้วยนะคับเม้นแล้วก็เม้นอกได้นะคับขอบคุณคับ คลิกเลยคับ

มะปรางเปรี้ยว

เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2008 13:45 น. ()

สวัสดีค่ะ อาจารย์รัชด

ได้เข้ามาอ่านบันทึกของอาจารย์ และพบว่าตัวอักษรที่แสดงในบันทึกตัวเล็กกว่าขนาดมาตรฐานที่ระบบกำหนดไว้ ก็เลยไม่แน่ใจว่า อาจารย์ได้พิมพ์ข้อความในโปรแกรมอื่นก่อนหรือไม่ เช่น โปรแกรม microsoft word ค่ะ

ดิฉันจังอยากแนะนำให้อาจารย์ลอง copy ข้อความลงในโปรแกรม notepad ก่อน จากนั้นจึงค่อย copy มาใส่ลงในหน้าเพิ่มบันทึกค่ะ และต้องจัดหน้าใหม่อีกครั้ง

หรืออาจจะลองใช้แถวเครื่องมือสำหรับการตกแต่ง โดยหาก copy มาจาก Microsoft word ก็ให้เลือก icon ที่แสดงตัว W ในแถบเครื่องมือ เพื่อวางข้อความที่ copy มาค่ะ จะทำให้รูปแบบตัวอักษรไม่เพี้ยนค่ะ

รบกวนลองทำตามคำแนะนำก่อนนะคะ หากมีปัญหาเพิ่มเติม สามารถสอบถามมาทางอีเมล์ผ่านระบบได้ที่ http://gotoknow.org/email/webmaster ค่ะ