ข้อมูลศูนย์ศึกษาและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนละแม
ศูนย์เรียนรู้บ้านสระขาว หมู่ที่ ๑๖ ตำบลละแม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร
๑.ประวัติความเป็นมา ศูนย์เรียนรู้บ้านสระขาว ( แปลงรวบรวมพันธุ์พืชท้องถิ่น ) ตั้งอยู่ บ้านสระขาว หมู่ที่ ๑๖ ตำบลละแม อำเภอละแม จังหวัดชุมพร เกิดขึ้นหลังจากที่บ้านสระขาวได้ประชาพิจารณ์แผนแม่บทชุมชน เมื่อ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๔ ก็ได้มีการแปลงแผนฯ สู่การปฏิบัติ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ดำเนินการโครงการสวนพฤษศาสตร์ชุมชน ในพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้านตั้งอยู่ในสำนักสงฆ์แหลมเศียร เนื้อที่ ๔๕ ไร่ โดยเป็นกิจกรรมหนึ่งของกลุ่มเกษตรกรรมบ้านสระขาว ( จดทะเบียนกับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เมื่อ ๒๗ เม.ย. ๔๓ ) และได้ดำเนินงานมาต่อเนื่องจนพัฒนามาเป็นกลุ่มอนุรักษ์พันธุ์พืชบ้านสระขาว ซึ่งมุ่งเน้นการปลูกพืชท้องถิ่นแซมในแปลงเกษตรและสร้างแปลงรวบรวมพันธุ์พืชท้องถิ่นไว้ในพื้นที่สาธารณะเพื่อไว้ขยายพันธุ์และสำหรับศึกษาเรียนรู้ จนในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับการสนับสนุนผ่านทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ( สปก.) จากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ( FAO) เพื่อดำเนินการโครงการปลูกพันธุ์พืชท้องถิ่นเพื่อเป็นอาหารและผลิตยาพื้นบ้าน จึงสามารถขยายปริมาณการดำเนินงานได้เพิ่มมากขึ้น จวบจนในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๔๙ ได้ร่วมกับโรงเรียนบ้านทับใหม่ ม. ๕ ต. ทุ่งคาวัด ,โรงเรียน ตชด.สิริราษฎร์ ม. ๑๖ ต.ละแม จัดการเรียนรู้เรื่องสมุนไพรกับวิถีชีวิตชุมชน ในทุกวันพฤหับสบดี โดยใช้แปลงรวบรวมพันธ์เป็นแหล่งเรียนรู้ควบคู่กับกระบวนการแผนแม่บทชุมชน เช่น ประวัติและพัฒนาการ ทรัพยากร ผู้นำผู้รู้ของชุมชนท้องถิ่น มีวิทยากรท้องถิ่นเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้ ( การจัดกลุ่มย่อยจัดเก็บบันทึกข้อมูล ศึกษาวิเคราะห์ อภิปราย ปฏิบัติการ แฟ้มสะสมงาน นิทรรศการแก่ชุมชน ) และได้รับการสนับสนุนจากโครงการพัฒนาชุมชนเป็นสุขที่ภาคใต้ในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้แก่เยาวชนและบุคคลทั่วไป พร้อมกับการประสานกับ สำนักงานเกษตรอำเภอละแม / สปก. ชุมพร ในการจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตำบลละแม และประสานกับศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนอำเภอละแม เปิดจุดเรียนรู้ของ กศน. ขึ้นที่ศูนย์ฯ ในทุกวันอังคาร ในส่วนการบริหารงานกลุ่มฯ นั้นในรูปแบบคณะกรรมการ มีประธานคนแรก นายสุรพงษ์ แก้วเพชร ( พ.ศ. ๔๕-๔๖) คนที่สอง นายสมเกียรติ วรรณขาว ( พ.ศ. ๔๗-๔๙) และคนที่สาม นายจรินทร์ ชูกลิ่น ( ๒๕๕๐- ปัจจุบัน)
ปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้ขับเคลื่อนโครงการขยายผลองค์ความรู้ปราช์ญเกษตร ฯ สปก. โดยเชื่อมประสานกับกลุ่มในหมู่บ้านต่าง ๆ ในอำเภอละแม อาทิ เช่น กลุ่มปุ๋ยชีวภาพ , กลุ่มเกษตรกรเลี้ยงสัตว์ตำบลละแม , กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร , กลุ่มบ้านน้ำตก ,กลุ่มจัดบ้านจัดเมือง ฯลฯ ก่อตั้งเป็นเครือข่ายจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำละแม ( ตามผังโครงสร้าง ) จัดตั้งกองทุนส่งเสริมการจัดการทรัพยากร โดยสนับสนุนให้เกิดจุดเรียนรู้ย่อยรายบุคคลที่ทำเศรษฐกิจพอเพียง (ครัวเรือนตัวอย่าง) จำนวน ๑๙ ราย อาทิ เช่น ทำปุ๋ยชีวภาพ , เกษตรยั่งยืน , เพาะกล้าไม้ , เลี้ยงผึ้ง , เลี้ยงหมู เป็นต้น
การทำกิจกรรมของสมาชิกในกลุ่มและเครือข่ายฯ มีหลากหลาย ได้แก่ การปลูกพันธุ์พืชท้องถิ่นและสมุนไพร , ยาพื้นบ้าน , การทำเกษตรยั่งยืน , การเพาะขยายพันธุ์ไม้ , การทำจักรสาน , การเลี้ยงหมู , การเลี้ยงผึ้ง , การทำปุ๋ยชีวภาพ , ออมทรัพย์และสวัสดิการชุมชน , การจัดการเรียนรู้ท้องถิ่น และ การปลูกไม้ใช้สอย (ธนาคารต้นไม้) ขึ้นอยู่กับความถนัดความสามารถของแต่ละบุคคล และมุ่งเน้นให้เกิดการรวมกลุ่ม ทั้งในรูปแบบการถือหุ้นบริหารโดยคณะกรรมการ และกลุ่มเพื่อการศึกษาเรียนรู้แล้วนำไปพัฒนากิจกรรมของตนหรือของกลุ่ม กระจายใน ๗ หมู่บ้านหลัก ในตำบลละแมและตำบลทุ่งคาวัด และเชื่อมประสานกับหมู่บ้านอื่น ๆ ในอำเภอละแม
ปัจจุบันนั้นในการจัดการเรียนรู้แก่เด็กนั้นได้ดำเนินการในรุ่นที่สองกับระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ของโรงเรียนบ้านทับใหม่ ในส่วนโรงเรียน ตชด. ได้จัดการเรียนรู้ในระดับประถมศึกษาตอนปลาย เป็นสถานที่จุดศึกษาเรียนรู้ให้แก่ นักศึกษา กศน. ในท้องถิ่น และสถานที่การพบปะ ประชุม แก่สมาชิกกลุ่มต่าง ๆ และประชาชนในท้องถิ่นลุ่มน้ำละแม และเป็นกลุ่มแกนในการประสานเพื่อก่อตั้ง สภาองค์กรชุมชนตำบลละแม ( พรบ. สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑) พร้อมกับการให้เยาวชนและคนหนุ่มสาวจัดเก็บรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ท้องถิ่น ได้แก่ พันธุ์พืชท้องถิ่นและสมุนไพร , ยาพื้นบ้าน , การทำเกษตรยั่งยืน , การเพาะขยายพันธุ์ไม้ , การทำจักรสาน , การเลี้ยงหมู , การเลี้ยงผึ้ง , การทำปุ๋ยชีวภาพ , ออมทรัพย์และสวัสดิการชุมชน , การจัดการเรียนรู้ท้องถิ่น เพื่อใช้ในการเผยแพร่และถ่ายทอดความรู้ให้แก่เยาวชน สมาชิกในเครือข่ายและประชาชนทั่วไปที่มาศึกษาเรียนรู้จากศูนย์เรียนรู้และชุมชนบ้านสระขาว/กลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ในเครือข่าย
๒. หลักคิด/วิธีคิดในการพัฒนา
วิสัยทัศน์ : ศูนย์การเรียนรู้บ้านสระขาว เป็นแหล่งพบปะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของประชาชนในท้องถิ่นลุ่มน้ำละแม เพื่อนำความรู้ไปจัดการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต และความเข้มแข็งของกลุ่มเครือข่ายฯ
เป้าหมาย : ให้เกิดความมั่นคงในชีวิต ด้วยการมีหลักประกันในชีวิต มีปัจจัยสี่อย่างพอเพียง มีอาชีพ มีทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมที่ดี มีสังคมที่เกื้อกูล มีความปลอดภัยในชีวิต และมีวิถีการเรียนรู้ ของคนในท้องถิ่น
แผนงาน : ประกอบด้วย
หนึ่งการเสริมสร้างการเรียนรู้และการจัดการความรู้ของคนในท้องถิ่น
สองการเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเครือข่ายองค์กรชุมชน
สามการสร้างความมั่นคงทางอาหารของท้องถิ่น
สี่การฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ห้าเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการทรัพยากรด้วยการแปรรูปผลผลิตและการตลาด
โดยมุ่งเน้นให้เกิดการแปลงแผนแม่บทชุมชนสู่การปฏิบัติ และสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาแผนอย่างต่อเนื่อง และให้เกิดแผนพัฒนารายครัวเรือน ( นำร่องกับสมาชิกครัวเรือนตัวอย่าง ปี ๕๑ จำนวน ๕๐ ราย )
๓. แนวทางการบริหารจัดการและกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
๓.๑ บริหารในรูปแบบคณะทำงาน ประกอบด้วยคณะกรรมการกลุ่มอนุรักษ์พันธุ์พืชบ้านสระขาว/วิทยากรท้องถิ่น/จุดเรียนรู้/คณะกรรมการเครือข่ายจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำละแม / ครูอาจารย์ / บุคลากรภายนอกเป็นพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา
๓.๒ แบ่งบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ ในแต่ละภารกิจ ดังนี้
- ผู้ประสานงานภายนอก ได้แก่ นายทวีวัตร เครือสาย 206 ม. 16 ต.ละแม อ.ละแม โทร. 081 - 2700216
- ผู้ประสานงานภายใน ได้แก่ นายจรินทร์ ชูกลิ่น 318 ม. 16 ต.ละแม อ.ละแม โทร. 086 - 2692328
- งานข้อมูล/เอกสาร ได้แก่ นส.อรอุมา ศรีตังนันท์ 178 ม. 16 ต.ละแม อ.ละแม โทร. 086 - 2779222
- งานข้อมูล/เอกสาร ได้แก่ อาจารย์สำเริง พิทักษ์ปรัชญากุล 47 ม. 7 ต.ทุ่งคาวัด โทร. 086 - 2697330
- ทีมวิทยากรท้องถิ่น ได้แก่ นายบัว ชัยเชิดชู ( เรื่องเกษตรยั่งยืน) ,นายประโยชน์ นิลรัตน์ ( เรื่องปุ๋ยชีวภาพ ) , นายนภดล ( การจัดการทรัพยากร) , นายทนง เดี่ยววาณิชย์ ( เรื่องยาสมุนไพร ) , นายไพสิทธ์ ศรีตังนันท์ ( สมุนไพร) , นายวีศักดิ์ เกื้อสม ( เรื่องการเลี้ยงหมู ) , นายสมปอง แก้วคงจันทร์ ( เรื่องจักรสาน) นายสำเริง ( เรื่องการเลี้ยงผึ้ง / การจัดการเรียนรู้แก่เยาวชน ) , นายทวีวัตร ( กระบวนการแผนชุมชน ) ฯลฯ
- ผู้รับผิดชอบประจำจุดเรียนรู้ ทั้งในรูปแบบกลุ่ม ฯ และ บุคคล
- ทีมพี่เลี้ยง ได้แก่ จนท.สำนักงานการเกษตร อ.ละแม จ.ชุมพร / สปก. ชุมพร / กศน. ละแม / อบต.ละแม
๓.๓ การจัดการเรียนรู้ ใช้รูปแบบ/วิธีการที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
กลุ่มเป้าหมาย |
กระบวนการ/วิธีการ |
เนื้อหาสาระสำคัญ |
เครื่องมือ/อุปกรณ์ |
เด็กและเยาวชน |
-การบรรยาย /อภิปรายกลุ่ม -การฝึกปฏิบัติ / สรุปผลการเรียนรู้ทุกครั้งหลังทำกิจกรรม -จัดกลุ่มย่อย/วิเคราะห์ /นำเสนอ - บันทึก / แฟ้มสะสมงาน |
หลักสูตรท้องถิ่น สมุนไพรกับวิถีชีวิตชุมชน ชีวิตกับการเปลี่ยนแปลง คุณธรรมจริยธรรม/ แผนที่คนดี |
สื่อวีดิทัศน์/หลักสูตร แปลงรวบรวมพันธุ์พืช จุดเรียนรู้ในท้องถิ่น ครัวเรือนเด็กเยาวชน
|
สมาชิกในเครือข่าย |
- อบรม/สัมมนาเชิงปฏิบัติการ -การฝึกปฏิบัติ/สรุปผลการเรียนรู้ทุกครั้งหลังทำกิจกรรม -จัดกลุ่มย่อย/วิเคราะห์ /นำเสนอ -ศึกษาเรียนรู้ภายนอกท้องถิ่น |
- การอนุรักษ์ทรัพยากร - เทคนิคทำการเกษตรยั่งยืน - การแปรรูป |
- สื่อวีดิทัศน์ / เอกสาร -แปลงรวมพันธุ์พืช -จุดเรียนรู้แปลงเกษตรของสมาชิกในท้องถิ่น
|
บุคคลภายนอก/ทั่วไป |
- บรรยายสรุป / แลกเปลี่ยน -ศึกษาเรียนรู้จากจุดเรียนรู้ -การฝึกปฏิบัติ/สรุปผลการเรียนรู้ทุกครั้งหลังทำกิจกรรม
|
องค์ความรู้ทั้ง 10 เรื่อง เกษตรยั่งยืน / การจัดการเรียนรู้ /ปุ๋ยชีวภาพ/สมุนไพรและยาพื้นบ้าน / เพาะกล้าไม้ / เลี้ยงผึ้ง / เลี้ยงหมู / ออมทรัพย์และสวัสดิการ ฯลฯ |
- สื่อวีดิทัศน์ / เอกสาร -แปลงรวมพันธุ์พืช -จุดเรียนรู้แปลงเกษตรของสมาชิกในท้องถิ่น
|
๓.๔ การพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ / สื่อวิดีทัศน์ และ จุดเรียนรู้ต่าง ๆ ให้เอื้อต่อการเรียนรู้
๔. การพัฒนากิจกรรม / กิจกรรมที่ดำเนินการ ประกอบด้วย แผนงานดังนี้
- หนึ่งการเสริมสร้างการเรียนรู้และการจัดการความรู้ของคนในท้องถิ่น ต้องพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศและสื่อวิดีทัศน์ไว้สำหรับการถ่ายทอดและเผยแพร่ และเสริมทักษะการถ่ายทอดแก่วิทยากรท้องถิ่น รวมทั้งการจัดทำหลักสูตรที่ใช้สำหรับบุคคลภายนอก และการเพิ่มศักยภาพผู้นำชุมชนเป็นนักวิสาหกิจชุมชน / พัฒนาศักยภาพนักประกอบการวิสาหกิจชุมชน
-สองการเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มเครือข่ายองค์กรชุมชน ต้องสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องโดยจัดสัมมนาเสริมทักษะในประเด็นที่สมาชิกสนใจ พร้อมทั้งการไปเรียนรู้นอกพื้นที่
- สามการสร้างความมั่นคงทางอาหารของท้องถิ่น ต้องขยายผลกิจกรรมที่ดำเนินการอยู่ให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การปลูกพืชท้องถิ่นเป็นอาหารและยา , การทำเกษตรยั่งยืน ( มีแปลงเกษตรที่เป็นจุดเรียนรู้ 13 แปลง ) , การเลี้ยงหมูพื้นบ้าน ( มีสมาชิกเลี้ยงอยู่ 17 ราย) , การปลูกไม้ใช้สอย / ธนาคารต้นไม้ ( สมาชิก 75 ราย) , การเลี้ยงปลา ( มีบ่อเลี้ยงปลา 35 บ่อ) , กำลังดำเนินการสร้างโรงสีข้าวชุมชน ฯลฯ
- สี่การฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องขยายผลการสร้างฝายชะลอน้ำ , การปลูกต้นไม้ริมคลอง , การฟื้นฟูและรักษาลำน้ำคลองละแม , การใช้ปุ๋ยชีวภาพ , การรักษาป่าต้นน้ำ ฯลฯ
- ห้าเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการทรัพยากรด้วยการแปรรูปผลผลิตและการตลาด ต้องสนับสนุนเครื่องมือ/อุปกรณ์ในการแปรรูปยาสมุนไพรท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพ , การจัดการผลิตภัณฑ์พืชผักพื้นบ้าน ( แบบสูญกาศ) , การรวบรวมผลผลิตแบบสหกรณ์ เป็นต้น(รายละเอียดตามแผนงานที่แนบมา และ แผนแม่บทชุมชน )
๕. แนวทางในการบริหารและสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนให้เข้าถึงแหล่งเรียนรู้
๕.๑ .ใช้กลไกการบริการงานแหล่งเรียนรู้ในรูปของคณะทำงานแบบพหุภาคี
๕.๒ จัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเครือข่ายฯ ด้วยเวทีชุมชน , การสาธิต/ทดลอง , ฝึกปฏิบัติการ , มีเวทีสรุปบทเรียนหรือประเมินเป็นระยะ
๕.๓ ส่งเสริมการดำเนินงานตามแผนแม่บทชุมชนและแผนงานของเครือข่ายฯ
๕.๓ เพิ่มศักยภาพกองทุนส่งเสริมการจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำละแม
๕.๔ หนุนเสริมให้เกิดกระบวนการใช้ทุนทางสังคมที่มีอยู่ในกลุ่ม /ชุมชน
๕.๕ ประสานความร่วมมือกับ หน่วยงาน เช่น ธกส. ออมสิน ฯลฯ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ทุน
๖. แนวทางระดมทุน การเชื่อมโยงกับแหล่งทุน และแหล่งสนับสนุนอื่น ๆ
๖.๑ ใช้ทุนในการดำเนินการจากสมาชิกผู้ที่สนใจมาเรียนรู้โดยเฉลี่ยจ่ายมาจากค่าอาหาร แต่ก็ทำให้เกิดความยุ่งยากในการจัดการแก่ทีมทำงาน เพราะกระทบต่อผู้ที่เข้ามาศึกษาดูงาน
๖.๒ การตั้งตู้บริจาคสำหรับผู้มีจิตศรัทธา
๖.๓ การจัดตั้งกองทุน โดยการทอดผ้าป่าสามัคคี หรือ รับจากผู้สนับสนุน หรือ จัดหาสินค้าที่ระลึกมาจำหน่ายเป็นรายได้ หรือ การสมทบจากดอกผลจากกองทุนต่าง ๆ ในหมู่บ้าน
๖.๔ การประสานความร่วมมือกับ องค์กรพัฒนาเอกชน / องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น / หน่วยราชการ
๗. กระบวนการคิดในการแก้ไขปัญหา
จากประสบการณ์ที่ผ่าน ใช้วิธีการแก้ไขปัญหาโดยการพูดคุยหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือ ใช้เวทีการประชุมสมาชิกในเครือข่ายเพื่อหารือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และ การประชุมคณะกรรมการกลุ่ม / เครือข่าย เพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ปัญหาและสภาพปัญหาหรือสาเหตุ ระดับความรุนแรง ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระดับบุคคล กลุ่มบุคคล กลุ่มองค์กร เครือข่าย ชุมชนท้องถิ่น ทั้งนี้แกนนำหลักจะหารือ วิเคราะห์ พิจารณาปัญหาค้นหาหนทางแก้ไขแล้วจึงดำเนินการไปที่ละขั้นตอน
องค์ความรู้ที่สามารถถ่ายทอดและเผยแพร่ ได้แก่ กระบวนการเรียนรู้แผนแม่ชุมชนและการแปลงแผนสู่การปฏิบัติ ทั้งระดับบุคคล ระดับกลุ่มองค์กรหรือวิสาหกิจชุมชน ระดับเครือข่าย ตัวอย่าง เช่น พันธุ์พืชท้องถิ่นและสมุนไพร , ยาพื้นบ้าน , การทำเกษตรยั่งยืน , การเพาะขยายพันธุ์ไม้ , การทำจักรสาน , การเลี้ยงหมู , การเลี้ยงผึ้ง , การทำปุ๋ยชีวภาพ , ออมทรัพย์และสวัสดิการชุมชน , การจัดการเรียนรู้ท้องถิ่น
บทเรียนที่สำคัญต่อกระบวนการพัฒนาที่ผ่านมา มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการที่จะทำให้กระบวนการพัฒนาก้าวหน้าหรือถอยหลัง ชาวบ้านสระขาวจึงสรุปได้ ดังนี้
หนึ่งเรื่องของภาวะผู้นำ ( ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ) ต้องเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์และแสวงหาความรู้ มีคุณธรรม เป็นนักประสานความร่วมมือ เพราะผู้นำจะเป็นกำลังหลักในการผลักดันและประสานความร่วมมือเพื่อให้เกิดการพัฒนา ภายใต้ทิศทางที่ถูกต้องและสอดคล้องกับสถานการณ์
สองเรื่องระบบการจัดการชุมชน ต้องมีการกำหนดกลไกและระบบการจัดการ ที่เหมาะสมกับศักยภาพของชุมชนและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาวการณ์ ( ไม่ก๊อบบี้เป็นแบบเดียวทั้งประเทศ )
สามเรื่องการเพิ่มทักษะความรู้แก่บุคลากร ทั้งการฝึกอบรม สัมมนาหรือศึกษาดูงานจะต้องมีดำเนินการอย่างต่อเนื่องและต้องสอดคล้องกับความต้องการของคนและปัญหาหรือสถานการณ์ในพื้นที่ ยังมีความจำเป็นที่ภายนอกยังต้องช่วยให้ชาวบ้าน เกิดการคิดวิเคราะห์สถานการณ์ภายในกับ ภายนอกชุมชน ให้สัมพันธ์และเชื่อมโยงกัน วางแผน หรือ แก้ไขปัญหาอย่างถูกทิศถูกทาง และปรับกระบวนการคิดของชาวบ้านในการพึ่งตนเองมากกว่าหวังพึ่งพิงผู้อื่น
สี่เรื่องความสอดคล้องงานกับปัญหาและศักยภาพของชุมชน สังเกตจากโครงการหรือกิจกรรมที่มีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตเดิมหรือเหมาะสมกับศักยภาพของชุมชน จะดำเนินการได้สำเร็จและเกิดประโยชน์กับชาวบ้าน เป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในชุมชน
ห้าเรื่องการนำทรัพยากรภายนอกเข้ามาในชุมชน ทรัพยากรที่เป็นทั้งเงิน คน ปัจจัยการผลิต ที่นำเข้า หรือ ได้รับการสนับสนุนจากภายนอกนั้น หากไม่กระบวนการคิดวิเคราะห์ถึงความจำเป็นหรือประโยชน์ที่จะได้รับ และการวางแผนจัดการร่วมกันแล้ว จะเป็นเหตุให้เกิดความร้าวฉาน แตกความสามัคคี และจะเป็นตัวเสริมการพึ่งพาภายนอกจนเกิดเป็นพฤติกรรมพึ่งพาไม่ช่วยเหลือตนเอง
หกเรื่องการสนับสนุนหรือส่งเสริมจากภายนอก ทั้งที่เป็นราชการหรือองค์กรเอกชนยังจำเป็นต้องเป็นผู้กระตุ้นหรือเป็นผู้ช่วยเหลือเอื้ออำนวย (ข้อมูลและความรู้และจัดกระบวนการเรียนรู้ ) ให้แก่ชุมชนอย่างสม่ำเสมอจนกว่าชุมชนจะยืนด้วยตนเอง
ชอบโครงการนี้มาก
โครงการนี้ทำให้เรามีชีวิตที่ดีได้
มาเยี่ยมให้กำลังใจครับ ความสำเร็จอยู่ที่ความร่วมมือ ร่วมใจ ของสมาชิกชุมชน การแบ่งงาน ช่วยเหลือ สนับสนุนกัน..