พันธนาการแห่งชีวิต


พันธนาการแห่งชีวิต ใครจองจำเรา เราจองจำใคร โซ่ตรวนชีวิตนี้ใครผูกโยงไว้

 

พ่อเล่าว่า

ด้วยความจนยาก (ตามค่าของคนที่สังคมตีตรา)

พ่อจึงบากบั่นทำงานทุกอย่างที่พึงจะทำได้

เว้นแต่งานมิจฉาชีพ

 

พ่อบอกว่าตอนแต่งงานกับแม่

พ่อมาอยู่กับแม่พร้อมขวานเพียงเล่มเดียว

บุกบั่นทำงานหาเลี้ยงชีพ

จนสร้างตัวเองขึ้นมาเป็นครอบครัว

มีลูกสามคนต้องดิ้นรนเลี้ยงหา

แต่พ่อไม่เคยท้อ ไม่เคยบ่น

ส่งเสียให้ลูกได้ร่ำเรียนกันทุกคน

 

ความหวังของพ่อมีสองอย่าง

หนึ่งให้ลูกชายสามคนได้บวชเรียน

แล้วพ่อก็สมปรารถนา เมื่อลูกสามคนได้บวชสมใจพ่อ

สองคือเห็นลูกมีครอบครัวอย่างเป็นสุข

แล้วพ่อก็สมปรารถนา แม้ว่าลูกๆ จะสุขบ้าง ทุกข์บ้าง

แต่นั่นเป็นธรรมดาของชีวิต

 

จวบจนวันเวลาผ่านเลย

พ่อเริ่มชราลงมาก

แต่พ่อยังไม่เคยหยุดพัก

พ่อยังทำงาน ทำนา ทำสวน

ลูกๆ บอกให้พ่อหยุดพักได้แล้ว

พ่อบอกพ่อยังมีแรงทำไหว

พ่อเคยทำมา จะให้อยู่เฉยๆ ได้อย่างไร

พ่อไม่เป็นไร เป็นความสุขที่ได้ทำ

 

ใจ ของพ่อนั้นใหญ่ยิ่ง

แต่สังขารฟ้องว่าไม่ไหวแล้ว

พ่อเริ่มป่วยออดๆแอดๆ

ชีวิตพ่อเริ่มเปลี่ยนไป

ใช้ชีวิตอยู่บ้าน อยู่ไร่นา และอยู่โรงพยาบาล

แม้จะเจ็บจะป่วยไข้

แต่พ่อบอกไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงพ่อ

เจ็บนิดๆ ไอหน่อยๆ เหนื่อยบางครา

เป็นเพราะว่าอายุที่ร่วงโรย และโรคที่รุมเร้า

 

แต่พ่อไม่เคยบ่น ไม่เคยท้อ

ถามพ่อทีไร เหนื่อยไหม หอบไหม เจ็บไหม

พ่อบอกไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงพ่อ

ลูกทำงานไปเถอะ ดูแลลูกเมียให้ดี

อย่าให้เสียงาน เสียครอบครัว เพราะเพียงพ่อ

หลายครั้งพ่อเข้าโรงพยาบาล

ผ่านไปวันสองวัน ไม่เคยบอกกล่าว

จนรู้ข่าวจากเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง

พ่อบอกว่า ที่ไม่บอกให้ลูกรู้ เพราะไม่อยากให้ลูกเป็นห่วง

พ่ออยู่กับหมอ กับพยาบาลได้

 

ในวันที่พ่อต้องพักรักษาตัวเองในโรงพยาบาล

คนที่ยืนอยู่เคียงข้างและดูแลพ่อตลอดเวลา คือ แม่

แม่ที่เป็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของพ่อ

แม่บอกแม้จะเหนื่อยยาก แต่ทำไงได้

เราเกิดมาคู่กัน ต้องดูแลกันไปจนกว่าใครคนหนึ่งจากพรากจากไป

ลูกๆ ต่างมีภาระ มีหน้าที่

แม่จึงเป็นทั้งแม่ ทั้งภรรยา ทั้งหมอ ทั้งพยาบาล ที่ต้องดูแลความป่วยไข้

 

มานั่งนึกๆ พ่อแม่เลี้ยงดูลูกๆ มาจนเติบใหญ่

มีการ มีงานทำ มีครอบครัว

แต่โลกนี้ก็ช่างโหดร้ายเหลือเกิน

ภาระหน้าที่การงาน ภาระครอบครัว ภาระทางสังคม

ฉุดยื้อลากเอาเวลาของลูกๆ ไปเกือบหมด

เวลาสำหรับพ่อแม่จึงเหลือน้อยนัก

อยากให้เวลาที่มีอยู่กับพ่อและแม่มากที่สุด

แต่พันธนาการแห่งชีวิตที่เราสร้างขึ้น

ก่ออิฐสร้างกำแพงมากีดกั้น

อิสรภาพแห่งชีวิตหายไป

กลายเป็นหมากรุกในกระดานที่รอให้เขาหยิบเดิน

 

พันธนาการแห่งชีวิต

ใครจองจำเรา

เราจองจำใคร

โซ่ตรวนชีวิตนี้ใครผูกโยงไว้

กลับมาถามตนเอง

ใครจะปลดโซ่ตรวนนี้

หากมิใช่

ใจ ของเราที่สร้างดักแด้ห่อหุ้มตัวเอง

หมายเลขบันทึก: 211674เขียนเมื่อ 26 กันยายน 2008 11:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

กระแสหลักทางสังคมตีตราว่าอย่างนั้น

กระแสหลักทางสังคมเปรียบดังสายน้ำที่เชี่ยวกราก

ท่านมีทางเลือกมากมาย หนึ่งนั้นออกมาจากสายน้ำนั้นเสีย แล้วมายืนดูที่ริมตลิ่ง

สองอยู่เหนือน้ำนั้น สามอยู่ในน้ำ สี่หลบอยู่พื้นน้ำ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท