วันแสดงดนตรีโรงเรียนนกฮูกใหญ่


วันแสดงดนตรีโรงเรียนนกฮูกใหญ่

            ผมเฝ้ารอวันนี้มานานแล้ว วันที่พี่แป้งจะได้มีโอกาสแสดงการเล่นเปียโนให้ดูกับเขาบ้าง หลังจากที่พลาดไปเมื่อครั้งก่อน ตอนที่ผมต้องไปเป็นวิทยากรทำแท้งที่เชียงรายนู่น

            24 กันยายน 2551 วันนี้เป็นวันพุธ เป็นวันสำคัญของครอบครัวผมอีกวันหนึ่ง เพราะที่โรงเรียนของพี่แป้งจะมีกิจกรรมก่อนปิดเทอม นั่นก็คือการแสดงดนตรีของเด็กๆช่วงชั้นที่ 1 ซึ่งก็คือ ชั้น ป.1 ถึง ป. 3 ผมเองก็ไม่เคยได้มีโอกาสมางานของโรงเรียนสักเท่าไหร่ จริงหรือเปล่าหนอ ก็พอมีบ้างแหละ ก็งานกีฬาของโรงเรียนอย่างไรเล่า

            แป้งเริ่มมีโอกาสเรียนดนตรีตั้งแต่ชั้นอนุบาล 2 ตอนนั้นเธอเริ่มเรียนไวโอลินกับครูชิ๊ป ชาวโรมาเนียน แต่ไปได้ไม่ถึงไหน เพราะบ่นว่าเจ็บคางเจ็บนิ้วตลอด และดูไม่ค่อยมีความสุขนัก เรียนได้ราว 6 เดือนก็เลิก จนได้มาเจอกับคุณครูอากิโกะ ชาวญี่ปุ่น ที่มาสอนที่โรงเรียนนกฮูก เธอดูจะชอบอกชอบใจมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะบุคลิกของครูที่สนุก ใจดี และเปียโนที่ส่งเสียงชนะใจลูกสาวผม เธอจึงมาขอเรียนกับคุณครูด้วยตัวเธอเองตั้งแต่อนุบาล 2

            แต่ก็นั่นแหละ เรียนก็เรียนไป แต่ขี้เกียจซ้อมนี่สิ เป็นเรื่องใหญ่ ฮ่า ฮ่า เรียนมาตั้งแต่อนุบาล 2 จนป่านนี้ผ่านไปเกือบ 4 ปี เธอยังไปได้ไม่ถึงไหน แต่ก็มีพัฒนาการนะครับ จะบอกให้ เพราะเธอได้เลื่อนขั้นจากการเรียนที่โรงเรียนไปเรียนที่บ้านคุณครูแทน อีกทั้งเมื่อปลายเทอมที่แล้ว ที่เธอได้มีโอกาสเล่นโชว์ที่โรงเรียนนั้น จิ๋มส่งเสียงทางโทรศัพท์มาให้ฟังตอนที่ผมอยู่เชียงราย ก็ไม่เบาแฮะ

            คุณครูอากิโกะบอกว่า จะจัดคอนเสิร์ตที่โรงเรียนทุกปลายเทอม เด็กนักเรียนที่เรียนดนตรี ไม่ว่าจะเรียนมาจากที่ไหน ก็จะจัดให้มาแสดงกันสดๆ เพื่อฝึกให้เขาได้แสดงออกในที่ชุมชนบ้าง แป้งก็เลยได้มาร่วมในคอนเสิร์ตวันนี้ ด้วยประการฉะนี้ครับ

            15.00 น.เป็นเวลานัดหมาย ผมจึงกลับไปรับคุณจ้าจากที่บ้านด้วย จิ๋มกลับจากโรงพยาบาลมารออยู่แล้ว พ่อแม่ของเด็กๆหลายคนก็มารอดูลูกของตัวเองและลูกเพื่อนๆ หลายคนก็เตรียมเครื่องถ่ายวิดีโอมาด้วย ส่วนผมไม่มี เพราะไม่เคยซื้อ ฮา

            ห้องเปียโน ที่ปกติเย็นเฉียบ ตอนนี้อบเลยครับ เพราะทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่เข้ามาสุมกันอยู่ กลิ่นเนี๊ยะ..เปรี้ยวเชียว เหงื่อโซ่ก...

            เริ่มต้นด้วยคุณพรีม สตรีที่ตัวเล็กที่สุดในชั้น ป. 2 รับหน้าที่เป็นพิธีกร เชิญเพื่อนๆพี่ๆและน้องๆขึ้นมาแสดงตามลำดับ น่ารักมากครับ คุณพรีมเธอไม่ต้องใช้บทหรือสคริปอะไรเลย พูดได้เป็นฉาก อันดับต่อไป ขอเชิญคิวออกมาแสดงค่ะ

            สองคนแรกคือคิวและขลุ่ย สองหนุ่มชั้น ป. 1 ออกมาแสดง รายนี้มาแปลกแหวกแนว เพราะรู้กันว่าเขาทั้งคู่ไม่ชอบเล่นดนตรงดนตรีอะไรหรอก แต่ชอบเต้นมากกว่า งานนี้เลยสวมชุดสุดหล่อออกมา แล้วก็ร้องเพลงและเต้นกันสดๆ ฮ่า ฮ่า เรียกเสียงฮาและเสียงปรบมือกันดังลั่น น่าชื่นชมคุณครูนะครับ เด็กไม่ต้องเล่นดนตรีหรอก เต้นแบบนี้และได้แสดงออกก็สุดจะเพอร์เฟ๊กแล้ว

            ตามมาด้วยคุณแสตมป์ พี่พี๊ค ป. 3 แพง ปอนด์ (ป.2) แป้ง เพื่อนแป้งอีกคนซึ่งผมไม่ทราบชื่อ พี่ต้นข้าว หนอยแน่ เม่น (เล่น 4 hands กับคุณครู) และปิดท้ายด้วยหนุน เล่น 4 hands กับคุณครู สองท่านหลังนี่เป็นเซียนแล้วครับ เพราะเขาซ้อมกันทุกวันและขึ้นเวทีใหญ่มาแล้ว

           

       จบการแสดงด้วยคุณพรีมกล่าวสรุปได้อย่างน่ารักลงตัว

            เป็นการแสดงที่เล็กๆ อบอุ่น (ค่อนไปทางร้อนและเหม็นเหงื่อเด็กๆ) และเรียบง่ายดีนะครับ โดยประเด็นใหญ่ที่ผมชื่นชมก็คือ ใครก็ได้มาแสดง ไม่ต้องเรียนดนตรีกับครูเขาก็มาแสดง มาเต้น มีคนดำเนินรายการ ซึ่งก็เป็นเด็กๆ ไม่ต้องแต่งตัวสวยงาม ไม่ต้องหาชุดแพงๆมาเชียร์ลูกๆ ไม่ต้องขายบัตร อย่างนี้จะให้กี่คะแนนดีครับ

หมายเลขบันทึก: 211346เขียนเมื่อ 24 กันยายน 2008 22:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

เอาความสุขใจไปล้นเหลือเลยค่ะ คะแนนไม่ต้องสน ชอบจังเลยโรงเรียนนี้ ท่าทางน้องจ้าก็น่าจะอยากไปเรียนที่นี่แน่ๆเลย ใช่ไหมคะ คุณพ่อถ่ายรูปพี่แป้งมาไม่ชัดเท่าไหร่เลย แต่ป้าโอ๋ขอชมว่าลูกนั่งได้ตัวตรงดีมากเลยค่ะ

มาเป็นกำลังใจและชื่นชมน้องแป้งค่ะ..น่ารักมากๆค่ะ..ชื่นชมกิจกรรมนี้ด้วยค่ะที่ส่งเสริมเด็กๆได้มีเวทีแสดงความสามารถ..ด้วยความอดทนจากอากาศ..และโทรมเหงื่อ..ฮ่าๆๆ

เจ้าแป้ง เล่นเพลงอะไร..จ้าต้องมีส่วนร่วมกับเค้าทุกงานเลยนะเนี่ย***

ไปด้วยเหมือนกันแต่ไม่ทันได้ดู เพราะมัวแต่โม้อยู่ข้างนอกกับคุณพ่อน้องเม่นครับ เสียดายๆๆ วันนี้พี่นนท์ก็มีการแสดงด้วยเหมือนกัน แต่วันนี้ไปไม่ได้จริงๆ เพราะติดขายของวันทำบุญเดือนสิบ ที่จะถึงในอีกไม่กี่วันนี้แหละ

พูดถึงการซ้อมเปียโน ไม่รู้ว่าควรจะบังคับเค้าดีหรือเปล่า มีอยู่ช่วงหนึ่งน้องหนุนก็ขี้เกียจมาก แต่ถ้าต้องมีการโชว์เมื่อไรจะเหมือนกับมีอะไรมาผลักดันให้เค้าซ้อมหนักขึ้นอีก อย่างนี้ต้องให้คุณครูอากิโกะจัดบ่อยๆ

ทราบจากคุณครูอากิโกะมาว่า มีการโวทว่าจะใช้ห้องไหนแสดงด้วย ระหว่างห้องประชุมใหญ่แต่ใช้เปียโนไฟฟ้า กับห้องเรียนดนตรีแต่ใช่เปียโนอันที่เห็นในรูป เด็กก็ลงประชามติออกมาถึง 90กว่า% ขอแสดงในห้องเรียนดนตรี นี้ก็เป็นวิถีทางของการหัดให้เด็กแสดงออกถึงประชาธิปไตยทางหนึ่ง

พี่โอ๋ครับ

พ่อมันไม่ได้ถ่ายครับ คุณแม่ถ่ายต่างหาก โฮ่ โฮ่

ผมแอบถ่าบคลิปวิดีโอ กับกล้องโทรศัพท์ครับ ว่างๆจะเอาไปโพสต์ทาง internet

สวัสดีครับครูแอน

ทั้งร้อนทั้งเหม็นเลยครับท่าน ฮ่า ฮ่า

ครูแอนน่าจะเข้าใจบรรยากาศแบบนี้นะครับ คุณครูโรงเรียนเด็กเล็กๆ น่าจะเข้าใจคำว่ากลิ่นเปรี้ยว

แต่น่ารักมากๆครับ เด็กๆโรงเรียนสวัสดีเก่งครับ เพราะคุณครูทุกคนสวัสดีเก่ง สวัสดีพ่อแม่เด็กๆก่อนเสมอ

อันนี้เรียกว่า role model ครับ

ปิ่น

ไม่รู้เหมือนกันว่าเพลงชื่ออะไร แต่เพราะดี เดี๋ยวจะเอา clip ไปให้ดู

จะมากรุงเทพ 11 ตค แต่ไปนอนที่พัทยา แต่คืนวันที่ 12 จะกลับมานอนที่กรุงเทพ

ดีไม่ดี อาจพาแป้งมาด้วย แต่ปิ่นต้องมารับที่ดอนเมืองนะ เพราะเค้าจะไปพัทยาเลย

พี่หนึ่ง

ไม่รู้จะ share ยังไงเรื่องการบังคับซ้อมดนตรี

ใจหนึ่งก็ว่าดี ใจหนึ่งก็ว่าไม่ดี

แต่เรื่องแบบนี้ เป็นวินัยในบ้านครับ ซึ่งบ้านผมอ่อนไปหน่อย

ผมนั้นคิดเสมอว่า วินัยในบ้าน ต้องมีความสำคัญกว่าวินัยที่โรงเรียนครับพี่

มาแจมเรื่องวินัยค่ะ เพราะที่บ้านพี่โอ๋เห็นมาแล้วว่า ถ้าเราเริ่มตั้งแต่ลูกเล็กๆที่บ้านนี่แหละเป็นสิ่งที่ดีมากๆเลย โดยเฉพาะถ้าลูกเรามีธรรมชาติที่ค่อนข้างโอนอ่อนผ่อนตาม พี่วั้นคนโตของพี่โอ๋เขาจะอยู่ในระเบียบแบบแผนมาตั้งแต่เล็กๆ แล้วถึงตอนนี้เขาก็ติดเป็นนิสัย ที่เราเองเห็นแล้วก็ยังทึ่งเลยค่ะว่า เขาทำได้เป็นธรรมชาติมาก กฎระเบียบอะไรที่เขาเห็นดีด้วย เขาจะเคร่งครัดทำเองโดยที่เราไม่เคยต้องเตือนเลย ทุกวันนี้ เห็นเขาขี่มอเตอร์ไซค์แล้วก็ใส่หมวกกันน็อคตลอด แม้จะอยู่ในม.อ. (ความจริงก็ไม่ให้ขับออกนอกอยู่แล้ว) เพราะพ่อสั่งไว้ บางครั้งเราเองต้องบอกว่าไม่ต้องใส่ก็ได้ลูก ไปแค่นี้เอง

ในขณะที่พี่เหน่นคนกลาง เขาจะเป็นตัวของตัวเองมากกว่า กฎเกณฑ์ทั้งหลายเขาชอบท้าทาย แต่วินัยต่างๆที่เราเคยดูแลเขามาตั้งแต่เล็กๆก็ติดตัวเขามาตลอด รู้หน้าที่ ไม่มีอะไรที่พ่อแม่ต้องเตือน

ส่วนเจ้าตัวเล็กนั้น เขาห่างจากพี่ๆ 5-6 ปี เป็นช่วงที่พี่ๆเริ่มมีอิสระแล้ว เขาก็จะทำตามพี่ๆเสียมากกว่า เขาไม่ชอบเรียนว่ายน้ำ แต่พี่ๆ 2 คนไปเรียนประจำสม่ำเสมอ เขาก็ทนไปบ้าง แต่ถ้าเลี่ยงได้เขาก็เลี่ยง สังเกตได้ว่าคนนี้จะเป็นตัวของตัวเองมากหน่อย และเขามักจะสร้างวินัยแบบของเขาเอง แต่ที่แน่ๆคือเขารู้จักรับผิดชอบตัวเอง เพราะเราสอนเขามากอย่างนั้น คนนี้รบกันมากที่สุดค่ะ แต่สุดท้ายเขาก็รู้ว่า การร้องไห้ การทำฤทธิ์ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน พ่อกับแม่ไม่รับรู้รับฟัง ถ้าเขาต้องการอะไร ต้องสื่อสารด้วยการพูดและต้องมีเหตุผลที่ดีด้วย เป็นเรื่องเป็นราวกันอยู่ช่วงเดียวเท่านั้นค่ะ ตอนที่ลูกทดสอบเรา พอเขารู้ว่าเรามั่นคงในหลักการ แต่เรารับฟังเขาถ้าเขาไม่ทำฤทธิ์โดยไม่สมเหตุผล จากช่วงนั้นมา เขาก็ไม่เป็นเด็กไร้เหตุผลอีกเลย (มีคนว่าเราใจแข็งมากๆค่ะ แต่พี่โอ๋เห็นแล้วว่า วิธีนี้เหมาะกับลูกคนนี้)

แต่ยังไงๆลูกใครก็ลูกมันนั่นแหละค่ะ ไม่มีใครรู้จักลูกเราดีเท่ากับตัวเราแน่นอน วิธีไหนที่เรามั่นใจก็ใช้วิธีนั้นแหละ แต่ที่แน่ๆคือต้องเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องฝึกให้ลูกใช้ชีวิตที่ถูกต้องนะคะ

ขอบคุณครับพี่โอ๋

แต่บ้านผมหย่อนจังแฮะ โดยเฉพาะเรื่องกิน

น่าสังเกตนะครับ ว่าคนน้องมักจะชอบลองดีกว่าคนพี่นะ

ง่า ถามไรนิดนุง

ทำไมชื่อ โรงเรียนนกฮูก ง่าพี่แป๊ะ

นกฮูกเป็นชื่อโรงเรียนอนุบาลของเขาครับ

เป็นความบังเอิญที่เขาเอารูปนกฮูกมาปะติดที่หน้าโรงเรียน เพราะเขาคิดว่า นกฮูกเป็นสัญญลักษณ์ของผู้รู้น่ะครับคุณตัวเล็ก (เล้ง)

แล้วคราวนี้ก็ไม่มีใครเรียกชื่อโรงเรียนเต็มๆอีกเลย "โรงเรียนอนุบาลพัฒนาเยาวชน" ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็น "โรงเรียนพัฒนาเยาวชน" มันย๊าวยาว เรียกว่า โรงเรียนนกฮูกเหมาะและน่ารักกว่าเยอะจ๊ะน้องรัก

ตอนนี้มีโรงเรียนประถม ชื่อก็ย๊าวยาววววว "โรงเรียนธำรงค์วัฒนาพัฒนาเยาวชน" เฮ้อ

บัว เพื่อนสนิทเก่าพี่แปงจ้า

แหม น้าแป็ะก็

บัว เพื่อนสนิทเก่าพี่แป้งจ้า

ก็ พี่แป้งเล่นเพลงอะไรเหรอคะ

อยากถามคุณหมอค่ะว่าจะติดต่อกับอาจารย์อกิโกะได้ยังไงคะ อ่านข้อความที่คุณหมอเล่าแล้วรู้สึกว่าอยากให้ลูกๆของดิฉ้นเรียนเปียโนกับครูท่านนี้มากๆค่ะ

อยากถามคุณหมอค่ะว่าจะติดต่อกับอาจารย์อกิโกะได้ยังไงคะ อ่านข้อความที่คุณหมอเล่าแล้วรู้สึกว่าอยากให้ลูกๆของดิฉ้นเรียนเปียโนกับครูท่านนี้มากๆค่ะ

ม่ายอวี้อัว

คงต้องรบกวนไปถามที่โรงเรียนธำรงวัฒนาฯครับ ผมไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ และเด็กนร.ส่วนมากก็เรียนที่โรงเรียนครับ

ได้รับจดหมายมาเล่าเรื่อง เห็นว่าน่าสนใจดี จึงขออนุญาตนำมาลงครับ

สวัสดีค่ะ คุณหมอ ดิฉันมีลูกเรียนรร.ธำรง 2 คน โดยที่คนโตเพิ่งย้ายมาอยู่ป.5 ปีนี้เองค่ะ ใช้เวลาตัดสินใจนานค่ะกว่าจะย้ายมา ที่ย้ายเพราะเห็นแล้วว่า รร.แนวนี้เหมาะกับเจ้าคนโตของดิฉัน โดยดูจากที่เจ้าคนเล็กเรียนอนุบาลที่นกฮูก ดิฉันใช้เวลาถึง 2 ปี กว่าจะดูจนมั่นใจว่าไม่ผิดแน่นอน จึงย้ายคนโตมาเรียนที่ธำรงวัฒนา เวลาผ่านไปแล้วครึ่งเทอมก็เห็นความเปลี่ยนแปลง มีรอยยิ้มแห่งความสุขบนใบหน้าของเค้า ก่อนหน้านี้ที่รร.เก่าก็ไม่ได้รู้สึกว่าเค้าไม่มีความสุขนะคะ แต่เมื่อย้ายมา กลับได้รู้ว่า ตอนนี้ต่างหากล่ะที่เค้ามีความสุขตามวัยของเค้าจริง ๆ ได้ทำหลาย ๆ กิจกรรมที่เค้าไม่เคยสนใจเลย แต่ก่อนให้ไปเรียนไวโอลิน แต่ไม่เคยเห็นเค้าอยากจะฝึกซ้อม แต่มาวันนี้กลับกระตือรือร้นหาโน้ตเพลงใหม่ ๆ มาเล่น หยิบมาซ้อมมากขึ้น ส่วนเรื่องเรียน เค้ามาจากรร.ที่เวลาเรียนเต็มเวลา เค้าก็ไม่ได้เรียนเก่งอะไร และดูเหมือนยังไม่รู้ว่าเรียนทำไมด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ หลังจากย้ายมา และสอบตกตอนมิดเทอมที่ธำรงวัฒนา ไป 2 วิชา งานก็ดองไว้ ไม่ส่ง เพราะหลงระเริงอยู่กับกิจกรรม ไม่รู้จักการแบ่งเวลา เล่นไปหมด ไม่ทราบได้ว่า เพราะดิฉันเตือนสติเค้าไป หรือคิดได้เอง ดิฉันสังเกตเห็นว่า เค้าเริ่มมีการหัดการจัดสรรเวลามากขึ้น มีการปรับตัวเองมากขึ้น ทำให้ดิฉันรู้สึกว่า เรามาถูกทางแล้ว หลายคนถามค่ะว่า ย้ายลูกมาที่นี่แล้วคิดว่าอนาคตเค้าจะไปต่อทางไหนได้ แปลได้เองว่า แล้วลูกจะสู้คนอื่นที่มาจากรร.ดัง ๆ ได้มั้ย ก็ตอบเค้าไปว่า ดิฉันไม่คาดหวังอะไรว่าลูกโตขึ้นจะต้องจบมหาวิทยาลัยหรือไม่ หรือจะจบด้านไหน เรียนเก่งแค่ไหน หรือจะมีชื่อเสียงมั้ย ตอนนี้สนใจอย่างเดียวว่า เค้าได้ฝึกการอยู่ในสังคมด้วยตัวเองอย่างมีความสุขแล้วหรือยัง และเค้าได้มีเวลาคิดพิจารณาความชอบ ความสนใจของตัวเองแค่ไหน ดิฉันจึงต้องรีบย้ายเค้ามาที่นี่ เพราะเมื่อเลยวัยนี้ไปแล้ว มันคงยากที่จะไปเริ่มลองผิดลองถูกกัน ที่เขียนมาหาคุณหมอนี้ เพราะว่าได้ไปอ่านเจอที่คุณหมอเขียนไว้ในบล็อคของคุณหมอ แล้วถูกใจมาก เห็นด้วยกับคุณหมอหลายอย่าง ยินดีมากค่ะที่ได้รู้จักคุณหมอ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท