เทคนิควิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยออกกำลังสมอง มีดังนี้
1. พยายามเดินถอยหลังแทนการเดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
2. พยายามนับเลขถอยหลัง เช่น 100, 99, 98 .... แทนการนับแบบปกติ 1, 2, 3 ....
3. ถ้าเคยชินกับการเขียนด้วยมือขวา ก็ลองใช้มือซ้ายหัดเขียน ในทำนองเดียวกันถ้าถนัดซ้าย ก็หัดเขียนมือขวา แล้วจะพบว่าในที่สุดเราสามารถใช้ทั้งมือขวาหรือมือซ้ายเขียนได้
4. ถ้าเป็นพนักงานบัญชีและทำงานกับตัวเลขทั้งวัน ลองพยายามหัดทำงานในเชิงศิลปะ เช่น ทำสร้อยข้อมือหรือสร้อยคอจากหินสีต่างๆ ทำงานเพ็นต์สีลายกระจกหรือขวด หรือหัดทำเค้กรูปแบบและลายต่างๆ
5. ถ้าทำงานสำนักงานและต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์ในห้องเย็นๆ ทั้งวัน หลังเลิกงานควรหากิจกรรมที่จะกระตุ้นร่างกายให้เคลื่อนไหวทำ เช่น ลีลาศหรือเต้นรำในจังหวะต่างๆ ว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือ โยคะ เป็นต้น
6. ถ้าทำงานด้านศิลปะอยู่แล้ว ให้หัดเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ เรียนการใช้ลูกคิดแบบญี่ปุ่น หรือ หัดขับรถโกคาร์ท (Go Kart) เป็นต้น
7. ถ้าเป็นนักกีฬาอาชีพ และใช้กำลังทางร่างกายอยู่เสมอ อาจจะต้องพยายามใช้สมองเพื่อการคิด เช่น เล่นเกมส์ปริศนาอักษรไขว้ (Crossword) หรือเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มเติม
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเพื่อช่วยให้เกิดความคิดในการออกกำลังสมองทั้ง 2 ด้าน และทำให้มีการสร้างเครือข่ายประสาท (Nerve Plexus) เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายมากขึ้น เท่านี้ก็สามารถป้องกันสมองฝ่อได้โดยไม่ต้องใช้ยา
ความลับคือ ถ้าเราทำงานอาชีพด้านใด ให้พยายามทำสิ่งตรงข้ามกับงานอาชีพที่ทำเป็นประจำ เพื่อให้สมองได้รับการกระตุ้นและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้สมองไม่ทำงานด้านเดียวหนักเกินไปด้วยครับ พี่น้อง
“เริ่มเสียแต่วันนี้ อย่ารอจนคุณแก่เกินแก้ไข” นะจะบอกให้
โย่ววๆๆๆๆ จองพื้นที่ก่อนใคร 555+
ออนเอ็มอยู่หรือเปล่าค่ะ แอดไปหาแล้วเด้อจ้า
เจริญพร โยมคนพลัดถิ่น
อาตมาฝึกการมีสติอยู่่เสมอ
เป็นการออกกำลังสมองหรือเปล่าโยม
ขอบใจที่นำสาระดีๆมาบอก
เจริญพร
แล้วคนเขียนบล็อกบริหารสมองหรือยัง....555
ขอบคุณพระคุณเจ้าที่แวะเข้ามาฝึกสมองครับ การมีสติเป็นการฝึกสมองอยู่แล้วครับ
โห...แก่ไปแล้วน่ะ ทำไงดี...เริ่มวันนี้จะทันการณ์ไหมหนอ...ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ
จะลองทำตามคำแนะนำดู เพื่อออกกำลังสมอง
ขอบคุณครับ
ครับ ไม่มีคำว่าแก่สำหรับการคิดจะเริ่มหรอกครับ