เลี้ยงลูกอย่างไรให้มีวัคซีนทางใจ โดย ดร.นิติภูมิ นวรัตน์+นพ. สุกมล วิภาวีพลกุล+ท่านจันทร์ (สมณะเพาะพุทธ จนฺทเสฏโฐ) - ทีทีวี2 วันที่ 16 ม.ค. 2549



เพลงจดหมายถึงพ่อ โดยอี๊ด ฟุตปาธ บทเพลงไพเราะ คนร้องเสียงซื่อๆ ฟังแล้ว คันที่ใจ (country) ดี บทเพลงแฝงสัจจธรรมแห่งชีวิตเอาไว้ว่า เงิน-ชื่อเสียง ฯลฯ อาจจะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดของชีวิต ครอบครัวที่อบอุ่น ต่างหาก คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิต



รายการทุกข์ปัญหาชีวิตคืนนี้เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยเทปการอภิปราย หัวข้อเลี้ยงลูกอย่างไรให้มีวัคซีนทางใจ โดยวิทยากรสามท่านคือ ท่านจันทร์ นายแพทย์สุขกมล และดร.นิติภูมิ ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา จ.ชลบุรี วันเสาร์ที่ 24 ธันวาคม 2548 เวลา 9.30 น. - 12.00 น. ณ ห้องประชุมหลุยส์ ชาแนล ตึกวัชรสมโภช

เริ่มด้วย นพ. สุกมล วิภาวีพลกุล เป็นคนบรรยายเรื่องการเลี้ยงลูกในยุคปัจจุบัน ยกตัวอย่างในช่วงแค่ห้าปีที่ผ่านมามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ในสมัยก่อนไม่มี แต่ปัจจุบันมี เช่น ค่านิยมมือถือ วีซีดีโป๊ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เด็กวัยรุ่นมีค่าใช้จ่ายมากกว่าคนยุคก่อน แล้วคุณหมอก็ยกตัวอย่างลูกสาวของท่านเอง และบอกว่าพอเด็กเริ่มมีอายุเป็นเลขสองตัว จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทางร่างกาย ลูกสาวท่านมีประจำเดือนตอนอายุ 10 ขวบเท่านั้น แล้วก็พูดถึงเรื่องสมองส่วนคิดและสมองส่วนอยาก สื่อทีวีสมัยนี้ส่วนใหญ่มีแต่เรื่องกระตุ้นสมองส่วนอยากมากกว่าสมองส่วนคิด อยากเรื่อง ผม ผิว ผอม ที่นำมาสร้างโฆษณาชวนเชื่อ เด็กสาววัยรุ่นดูก็เกิดความเชื่อถือได้ง่าย เพราะไม่ค่อยได้ฝึกใช้ความคิด แล้วคุณหมอก็โชว์ภาพๆหนึ่งให้ดู ถามว่ามีใครมองเห็นเป็นรูปปลาโลมาบ้าง ถ้าเห็นเห็นกี่ตัว โดยนำมาเปรียบให้เห็นว่า คนส่วนมากมักมองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ไปเห็นค่าของสิ่งที่อยู่ไกลตัว เช่นมองว่าภรรยาคนอื่นดีกว่าภรรยาเรา ลูกคนอื่นดีกว่าลูกตนเอง



วิทยากรท่านที่สองที่พูดต่อจากคุณหมอ คือ ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ เล่าถึงหลักการเลี้ยงลูกของตัวเอง ที่มีอยู่ทั้งหมด 7 คน โดยสังเกตเห็นว่า ลูกเรียนเก่ง แต่ด้านจิตใจแล้วยังอ่อนแอ ดังนั้นพอถึงคราวลูกคนที่สามคือ คุณนิติ ต้องให้ช่วยแม้ใส่เสื้อ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาจะเอาตัวไม่รอด และคนเป็นพ่อก็พลอยแย่ตามไปด้วยเพราะลูกตั้ง7 คน จึงเอาลูกออกจากระบบโรงเรียนสามัญไปอยู่โรงเรียนวัดแทน อยู่เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เพื่อฝึกลูกที่ปกติเป็นพวกสมาธิสั้น ให้เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น พอวันหนึ่งไปแอบดูลูก เห็นเขาวิ่งเล่น เต๊ะฟุตบอลกับเพื่อน ด่าเด็กวัดเป็น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยพูดหยาบ รู้สึกดีใจมาก ลูกกินกะปิเป็น รู้จักวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ พอนักข่าวรู้มาขอถ่ายภาพโดยใช้วิธีแอบถ่าย เห็นแล้วนักข่าวคนนั้นร้องไห้เลย เขาบอกว่าไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มานานแล้ว (ภาพเด็กคลานเข่าไปส่งการบ้านครู)

แล้วคุณนิติภูมิก็พูดถึงโรงเรียนควรอยู่กับวัด โรงเรียนคริสต์ก็ติดกับโบสถ์ โรงเรียนอิสลามก็ติดกับมัสยิด คือต้องให้เขามีความแน่นแฟ้นด้านจิตใจ ช่วงประถมอย่าไปให้เขาเรียนมาก ค่อยมาเน้นช่วงมัธยมก็ทัน อย่างคุณนิติลูกคนที่สามนี่เขานั่งเครื่องบินไปหาพี่ชายเองตั้งแต่อายุไม่กี่ขวบ อย่าไปเลี้ยงแบบตามใจมาก มีสักกี่คนที่ก่อนนอนลูกๆ ของพวกคุณที่นั่งฟังอยู่ จะเข้าห้องพระสวดมนต์ แต่ลูกผมทำ เพราะผมใส่วัคซีนให้ลูกตั้งแต่เล็ก

สังคมไทยไม่ค่อยแสดงความรักกับลูก แต่ผมไม่ ผมกอดลูกแทบทุกครั้ง เป็นการแสดงความรักระหว่างพ่อลูก ถ้าพ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก เขาจะเอาตามอย่างที่ดีนั้น พ่อแม่ควรเป็นภูเขาหินให้ลูกเอาหลังพิงได้ แล้วยกตัวอย่างครั้งหนึ่ง คุณนิติอยู่ ม.2 มีอาการเศร้า ผมรู้ทันทีว่าเรื่องผู้หญิงแน่ๆ ก็เลยถามว่าเป็นไรไปลูก คุณนิติบอกเนี่ยผู้หญิงที่ชอบผิดนัด ผมเลยโทรไปถามเด็กหญิงเองจึงได้รู้ว่าเขาไม่ตั้งใจ ก็เลยมาเล่าให้ลูกฟัง ซึ่งเขาก็ดีใจมาก สมัยนี้จะไปห้ามอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย


วิทยากรท่านที่สามคือท่านจันทร์ (สมณะเพาะพุทธ  จนฺทเสฏโฐ) ท่านเล่าถึงเรื่องที่คุณนิติภูมิตั้งใจจะให้ลูกสาวทำบุญวันเกิด โดยถวายหนังสือที่เตรียมมาให้กับท่านจันทร์ และเรื่องลูกสาวอยากอ่านหนังสือบนรถ แต่คุณนิติภูมิบอกกับลูกว่าอ่านบนรถจะทำให้สายตาเสีย แล้วยังพูดถึงเรื่องที่ขอพาลูกแวะทานข้าวระหว่างเดินทางมาบรรยาย เพราะลูกยังไม่ได้กินข้าวเช้ามา เป็นเรื่องที่ท่านจันทร์รู้สึกชื่นชมอยู่ในใจ

ช่วงท้ายท่านพูดถึงคนเราที่บอกว่าไม่มีเวลาจะทำอะไร ก็เพราะเราไม่ให้เวลากับสิ่งนั้น อย่างทุกวันนี้ท่านเขียนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน พ่แม่จะต้องให้เวลาเรื่องจิตวิญญาณกับลูกให้มากในช่วงสิบปีแรก เพราะหลังจากนั้นลูกจะเริ่มไม่ต้องการพ่อแม่แล้ว แต่พ่อแม่ส่วนมากมักทำงานหาเงินในช่วงที่ลูกต้องการความรัก พอจะคิดอยากมาสนิทสนมให้ความรักกับลูกอีกครั้งก็สายไป โดยท่านยกตัวอย่างกรณีหมอเสม พริ้งพวงแก้ว ที่ภรรยาซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไป เป็นคนที่ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน เป็นแม่บ้านเต็มตัว สอนขับรถให้กับหมอเสมและลูกๆ ...สรุปความและเรียบเรียงโดยฟังเสียงฝน

ที่มา
(1) รูปจาก http://www.acs.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=164&Itemid=174
(2) เนื้อหาจาก  http://72.14.235.104/search?q=cache:QSsMZdKTxfwJ:www.prajan.com/webboard/view.php%3Fid%3D4532+%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%88+%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4&hl=th&ct=clnk&cd=3&gl=th

หมายเลขบันทึก: 209442เขียนเมื่อ 17 กันยายน 2008 15:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

ของครูใหม่ หอมลูก กอดลูก จูบลูก กอด กอด กอด เตะก้นลูกมั่งเล่น ๆ

สวัสดีค่ะคุณกวิน

บันทึกนี้ดีจัง เพลงนี้ชอบมาก ๆ เลยค่ะ ฟังจนเทปยืดไปแล้ว...

เคยอ่านประวัดิเพลงนี้ว่า..คนแต่งได้แรงบันดาลใจจากจดหมายที่ตกค้าง เนื่องจากพ่อเป็นคนงานก่อสร้างและต้องย้าย site งานไปเรื่อย ๆ ลูก ๆ ก็เขียนจดหมายมาเรื่อย ๆ แต่คนเป็นพ่อไม่อยู่แล้ว....คนมาอ่านจดหมายก็สะเทือนใจ...ไม่รู้จะช่วยอย่างไร

...นี่คือผลของ...สังคมทุนนิยมที่เรา...เป็นทาส...ปฏิเสธไม่ได้ไงคะ

ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันเรื่องดี ๆ ...^_^...

เนื่องจากถูกใจบันทึกนี้...ส่งดอกแก้วหอม ๆ มากำนัล ....

ติดสินบนกับโค้ดเพลงด้วยค่ะ....^_^....

ขอบคุณครับ คนไม่มีราก  อ่านประวัดิเพลงนี้ว่า..คนแต่งได้แรงบันดาลใจจากจดหมายที่ตกค้าง เนื่องจากพ่อเป็นคนงานก่อสร้างและต้องย้าย site งานไปเรื่อย ๆ ลูก ๆ ก็เขียนจดหมายมาเรื่อย ๆ แต่คนเป็นพ่อไม่อยู่แล้ว....คนมาอ่านจดหมายก็สะเทือนใจ...ไม่รู้จะช่วยอย่างไร

ขอบคุณสำหรับประวัติขอเพลงนะครับ  อ่านแล้วอึ้งไปเลยจริงๆ คุณอี๊ด ฟุทปาธ นี่ถือเป็นกวี คนหนึ่งเลยนะครับ :) นำโค้ดเพลงนี้ไฟโพสไว้ให้แล้วนะครับ 

ฟังและอ่านแล้วคิดถึงพ่อจัง...ตอนเล็กๆพ่อเคยจากไปงานไกลๆๆๆๆๆ (พ่อเป็นทหาร) พ่อพี่ดีที่สุดในโลกของพี่เชียวล่ะ...ขอบคุณค่ะ...

สวัสดีครับพี่นุส  nussa-udon ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม ครับ

สวัสดีครับคุณกวิน

ตามคุณคนไม่มีรากมาอ่านบ้าง  เพลงนี้เคยฟังนานมากแล้ว ...

แปลกที่ผมก็คิดคล้าย ๆ หลายคนที่เข้ามาอ่าน ความสำคัญของการดูแลกันในครอบครัวกำลังน้อยลงจนเกือบไม่เหลือแล้ว

ได้อ่านประวัติเพลงจากคนไม่มีรากก็เลย....เศร้าไปด้วย สงสารเด็กๆ ซึ่งคงไม่อยากได้สิ่งอื่นนอกจากความรัก อบอุ่นจากพ่อแม่ แต่สังคมทุนนิยมกลับเน้นให้คนหาเงิน ๆ ๆ ๆ และเงินเท่านั้น

ชอบบทความนี้ครับ 

ขอบคุณครับพี่คนตัดไม้

-เห็นด้วยกับข้อความของ ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ที่ว่าสมัยนี้จะไปห้ามอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย  

- ขอเป็นกำลังใจให้คุณกวิน   ที่มีสิ่งดีๆ ให้ติดตาม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท