หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

สะท้อนความในใจ(4)


เวลาที่เชือกมีปมขมวดเอาไว้ คนที่ผูกจะรู้ว่าปมนั้นมันถูกผูกขมวดขึ้นได้อย่างไร การคลายปมเชือกจึงจะง่ายหากผู้เป็นคนผูกเป็นผู้คลายปม

เวลาที่เชือกมีปมขมวดเอาไว้ คนที่ผูกจะรู้ว่าปมนั้นมันถูกผูกขมวดขึ้นได้อย่างไร  การคลายปมเชือกจึงจะง่ายหากผู้เป็นคนผูกเป็นผู้คลายปม  ข้อคิดนี้ฉันนำมันมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตนเสมอเวลาที่ฉันพบว่า ตัวฉันมีปัญหาในใจ  ไม่ว่าปัญหานั้นๆจะเกี่ยวกับงานหรือเกี่ยวกับ"คน" 

 

ฉันใช้ข้อคิดข้างต้นมาวิพากษ์ตัวเองเพื่อเรียนรู้ว่า ทำไมฉันจึงมีปัญหากับเรื่องนั้นๆ  เพื่อให้เข้าใจชัดว่า  ความในใจที่ทำให้เกิดปัญหานั้นมันคืออะไร  มันมีความต้องการอะไร  ฉันจึงต้องลงมือทำมันให้มันมาเบียดเบียนตัวเองให้มีความทุกข์เกิดขึ้น การวิพากษ์ทำให้ฉันรู้ว่าที่แท้ปัญหานั้นอยู่ที่เราไม่ได้ทำให้ตัวเรา OK! ในขณะที่มองคนอื่นว่า OK!  และมีทั้งการที่ตัวเราไม่ทำให้ตัวเรา OK! ในขณะที่มองคนอื่นว่าไม่ OK! 

 

เมื่อมองพบปัญหาทั้ง 2 แบบนั้นแล้ว ฉันกลับพบว่าการเปลี่ยนตัวเองให้ OK! นั้นง่ายยิ่งกว่าการไปเปลี่ยนใครๆเขาให้ OK!   การเปลี่ยนตัวเองลดทุกข์ได้มากกว่าการไปพยายามเปลี่ยนใครๆหลายเท่านัก  ฉันจึงนำความรู้นี้มาใช้กับตัวเองเวลามีทุกข์อะไรเสมอ  แล้วฉันก็ได้พบว่าปัญหาที่ฉันมีอยู่กลับมลายหายไปได้อย่างง่ายดาย   

 

การเปลี่ยนตัวเองที่ฉันทำลงไปมิใช่ทำไปเพื่อคนอื่นรู้สึก OK! กับฉัน แต่ฉันเปลี่ยนตัวฉันเพื่อให้ฉันเอง OK! กับตัวฉันเท่านั้น  โดยฉันได้นำเอาสิ่งที่คนอื่นต้องการมาวิพากษ์ร่วมกับการวิพากษ์ความต้องการของตัวฉันเองแล้วได้ความต้องการใหม่ที่เป็นคำตอบของการกระทำใหม่มิใช่กระทำแบบเดิมที่ฉัน OK! กับมันในทุกแง่มุม  ความหมายของการเปลี่ยนหมายถึงการไม่ทำแบบเดิมๆอย่างที่ฉันเคยทำ แต่พลิกไปทำในมุมอื่นๆ ที่ไม่เบียดเบียนตัวเอง แล้วก็ให้ผลทุกเรื่องที่ตัวฉันเอง OK! ความทุกข์ที่เคยเกิดมันจึงเบาบางลงไป

 

ท่านอาจารย์ชยสาโรได้กล่าวสอนไว้ที่โรงเรียนวิถีพุทธ ฟังแล้วมันตรงกับสิ่งที่ฉันได้ทำลงไปเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง  ด้วยรู้สึกดีกับมันฉันเลยถือโอกาสเก็บเกี่ยวมันมาบันทึกไว้ใช้ต่อไป

ในเรื่องของศีลภาวนาในหมวดธรรม อาตมาได้สรุปคำเดียวคือคำว่า ไม่เบียดเบียน

เพราะเป็นคำที่กว้างพอสมควร แล้วก็สามารถจะพูดถึงเรื่องศีลในแง่ที่ไม่ได้จำกัดแค่ศีลห้า ศีล

แปด แต่ว่าหัวใจของศีลก็คือ ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เป็นหลัก การกระทำ การพูดอัน

ใด ถ้าพูดด้วยเจตนาจะเบียดเบียนคนอื่น จะเบียดเบียนทางกาย หรือเบียดเบียนทางใจ ถือว่าผิด..

 

ในการที่เราเอาความจริงในปัจจุบันสามารถคิด สามารถมองในทางที่ทุกข์ไม่เกิดขึ้น

กิเลสไม่กำเริบ นี่ก็เรียกว่า โยนิโสมนสิการ อาตมาข้ามไปดูข้อสุดท้ายในเรื่องของปัญญา แต่ว่า

มันจะเข้ามามีส่วนในทุกข้อ อาตมาก็เคยปรารภด้วยว่าศัพท์บางศัพท์ชื่อยาว สำหรับคนไม่ชิน มัน

น่ากลัว ศัพท์คำว่า โยนิโสมนสิการ อาตมาก็อยากให้เราบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้น สั้นๆ ย่อลงมา ใช้

คำว่า โยเป็นแบบศัพท์ใหม่ ศัพท์วัยรุ่น อยากรู้ถูกไหม ก็ลองไป โยดู โยอย่างไรจะไม่เป็น

ทุกข์ มันก็ฟังสนุกขึ้นมาทันที แต่พอพูดว่า เอ้า ! ลองโยนิโสมนสิการดูซิ โอย ! นึกไม่ออก ฟัง

ไม่รู้เรื่อง เห็นไหม เรื่องเดียวกัน แต่ว่าเราฉลาดในเรื่องการใช้ภาษา อันนี้ก็เป็นความฉลาดอย่าง

หนึ่งใช่ไหม ที่เรียกว่า ปฎิสัมภิทา ฉลาดในการใช้ภาษาให้เกิดประโยชน์........

 

ขันติ ความอดทน ธรรมะแต่ละข้อมิใช่ธรรมะโดดเดี่ยว คือมิใช่ว่าจะต้องเก็บทีละ

ข้อๆ แต่มันจะเกิดพร้อมกัน เราต้องโยดูก่อนว่า ขันติเกิดจากอะไร ทำไมบางครั้งเราอดทนมาก

อดทนได้ แต่ทำไมบางครั้ง ตัวเราคนเดียวทนไม่ไหวเลย มันเป็นเพราะอะไร ลองโยดู นี่อาตมา

ก็โยอย่างนี้ว่า เราจะอดทนในสิ่งที่เราเชื่อว่ามีคุณค่า และมีความหมาย ถ้าเรื่องไหนรู้สึกทนแล้ว

ทนทำไม ไม่มีความหมาย ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าเรื่องไหนเราคิดว่าไม่มีประโยชน์ มันไม่ทน

ขี้เกียจจะทน แต่ถ้าเรื่องไหนเรารู้ว่าสำคัญ เราทนได้ยิ่งกว่าที่เคยคาดคิดว่าจะเป็นได้..

 

สติ ก็เป็นตัวพัฒนาจิตใจโดยตรง และก็ต้องการมีสติ สติในเรื่องอะไร ในเรื่องกาย

ในเรื่องเวทนา สติในจิต สติในธรรม สติในความจริงในปัจจุบัน และสติในคำสอนของ

พระพุทธเจ้า สติคือการระลึกอยู่ในคุณธรรมข้อต่างๆ ระลึกอยู่ในหน้าที่ต่างๆ สติก็มีหน้าที่

หนึ่ง เกี่ยวกับสิ่งที่เป็นอดีต การที่เราระลึกได้ เราจำได้ ทันเหตุการณ์ เราเคยได้รับคำสั่งสอน

การอบรม เรามีอุดมการณ์ เรารู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่เรียนรู้เรื่องถูกเรื่องผิดก็อย่างหนึ่ง การที่

เราระลึกได้ ทันเหตุการณ์ในเวลาวิกฤต ที่มีเวลาน้อย อันนี้ก็เป็นเรื่องของสติ

หมายเลขบันทึก: 208405เขียนเมื่อ 13 กันยายน 2008 14:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ อ.หมอเจ๊

  • ป้าแดงเพิ่งไปเขียนบ่นเรื่อง OK มามาดๆๆค่ะ อิอิอิ
  • pa_daeng [มณีแดง คนสวย แซ่เฮ] ค่ะ
  • แวะไปอ่านมาแล้วค่ะ
  • OK! นี่คงมีหลายความหมาย ความหมายมันคงอยู่ที่นิยามที่คนให้ด้วย 
  • ในภาษาพยาบาลแบบป้าแดงนั้นก็มีความหมายหนึ่ง คือ ส่งข้อมูลให้กันแล้วนา
  • ในภาษาที่หมอเจ๊ใช้ในบันทึกก็มีความหมายอีกแบบหนึ่ง ในที่นี้มีความหมายว่า "ยอมรับได้ค่ะ"

พี่หมอเจ๊คะ

ครูอาจารย์เคยสอนคนไม่มีรากว่า..เมื่อเผชิญกับปัญหาใด ๆ ต้องใช้ โยนิโสมนสิการ .. กราบถามท่านว่าทำอย่างไร ท่านตอบว่า...ต้องคิดเป็น รู้จักเลือกคิด รู้วิธีคิด ซึ่งมี 10 วิธี ต้องเลือกใช้ให้เหมาะให้แยบคายกับเรื่องที่เรากำลังขบคิดอยู่ค่ะ

และก็คงจะทิ้ง...สติ ไม่ได้แน่นอน

  • น้อง คนไม่มีราก ค่ะ
  • พี่ว่านอกจากใช้ "โย" ยังต้องใช้กาลามสูตรไปพร้อมกันด้วยค่ะ
  • ไม่อย่างนั้นความคิดจะเบี่ยงเบน ไปตามที่ใจมันอยากมันชวนค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท