____________________________________
สติน้อมนำให้เกิด ก็คือ สติที่ไปกำหนด ว่าจะไปรู้อยู่ที่ตรงไหนตรงใดที่ใดที่หนึ่ง หรือการที่เราไปพยายามจะรู้สึกตัว
อย่างแรกเป็นการทำสมถะ ทำสมาธิชนิดที่เรียกกันว่า "สมาธินอกพระพุทธศาสนา" เป็นการทำสมาธิตามอย่างพวกฤๅษีชีไพร การฝึกสมาธิแบบนี้ จะทำให้เกิดปัญหาเมื่อต้องกลับมาหัดเจริญวิปัสสนา เพราะสวนทางกัน
อย่างหลัง เป็นการกระทำของคนที่พอเริ่มจะรู้สึกตัวได้บ้างแล้ว แต่จิตยังคงคุ้นเคยอยู่กับสักกายทิฎฐิ (ซึ่งเป็นปกติธรรมดาของปุถุชนคนทั่วไปอย่างเราๆ) เมื่อยังมีความเห็นอย่างแน่นแฟ้นว่ากายเป็นเราจิตใจเป็นเรา ก็เลยไปพยามยามรักษาให้จิตดี ให้จิตมีความรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นคอยไปประคองจิต
สติตัวจริง เกิดขึ้นเพราะมีเหตุ เหตุที่ทำให้สติตัวจริงเกิดก็คือ ถิรสัญญา ถิรสัญญาแปลว่าจำได้อย่างแม่นยำ ในที่นี้หมายถึง จิตจดจำสภาวะบางอย่างของกายของใจได้แม่นยำ เมื่อสภาวะนั้นเกิดขึ้น แล้วจิตไปรู้เข้า จะเกิดสติขึ้นมาโดยไม่ต้องจงใจ ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องกำหนด ไม่ต้องน้อมนำให้เกิด และเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็รักษาไม่ได้
สิ่งที่เราฝึกฝนในขั้นต้น ก็ต้องฝึกตามรู้ตามดูกายใจบ่อยๆ เนืองๆ ก็เพื่อให้จิตจดจำสภาวะใดสภาวะหนึ่งของกายของใจใ้ห้ได้ก่อน
ความยากอยู่ตรงนี้ล่ะครับ เพราะหากว่าจะฝึกให้ได้ผลเร็ว จะต้องฝึกตามรู้ตามดูกายใจที่เข้ากับจริตของแต่ละคน เพราะเมื่อฝึกตามจริตแล้ว จิตจะจดจำสภาวะนั้นได้เร็ว การเจริญสติก็จะเป็นไปด้วยความรวดเร็ว
แต่ถึงแม้ว่าจะต้องค้นหา ว่าจริตของตนเองนั้นเหมาะกับการฝึกอะไรก็ตาม โดยสถิติของคนในยุคปัจจุบันที่ชอบเล่นอินเตอร์เน็ต มักหนีไม่พ้น 3 อย่าง ก็คือ
1. ฝึกตามรู้ตามดูความเผลอ เผลอไปคิด
2. ฝึกตามรู้ตามดูความโกรธ
3. ฝึกตามรู้ตามดูการเคลื่อนไหวของกาย เมื่อทำกิจกรรมต่างๆ
ในชีวิตนี้ เคยพบกับคนที่ไ่ม่สามารถฝึกทั้ง 3 อย่างนี้ มีแค่ คนเดียว ที่ต้องฝึกด้วยการ รู้ ว่าตารู้รูป
การฝึกตามรู้ตามดูความเผลอ
คอยสังเกตตนเองเป็นระยะ ว่ากำลังคิด เมื่อใดที่สังเกตเห็นทันตนเองที่กำลังรู้ความคิด หรือสังเกตเห็นว่าตนเองกำลังรู้เรื่องที่คิด นั่นก็คือ ได้ทันเห็นจิตที่กำลังคิด หากเห็นบ่อยเข้า ก็จะเห็นว่า ในขณะที่คิด จิตไม่ได้รู้เรื่องอื่น รู้แต่เรื่องที่กำลังคิด กายใจเป็นอย่างไรตอนนั้นก็ไม่รู้ อาจารย์สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา ชอบยกตัวอย่างตอนคุยโทรศัพท์ ในขณะที่คุยโทรศัพท์เราก็จะคิดๆ ในขณะนั้นเรายังไม่รู้เลยว่า เราถือโทรศัพท์ในมือไหน เรายืนหรือเรานั่ง เราก้มหน้าหรือเงยหน้า เราหันหน้าไปทางไหน เราไม่รู้เลย เพราะตอนนั้นเราจดจ่ออยู่กับการโทรศัพท์ เราจึงลืมกายลืมใจ
ความเผลอ ก็คือ การลืมกายลืมใจ การไม่รู้ถึงการมีอยู่ของกาย การไม่รู้ถึงการมีอยู่ของใจ ในขณะนั้นๆ เรียกว่าในขณะนั้น ลืมกายลืมใจ ส่วนใหญ่เราอาศัยการสังเกตเห็นว่า ในขณะนั้นกำัลังรู้เรื่องที่คิด มาเป็นเครื่องมือสังเกตโดยอ้อม ว่าลืมกายลืมใจ หรือเผลอ สังเกตบ่อยๆ จะสังเกตเห็นความเผลอได้โดยอัตโนมัติ เมื่อมาถึงตอนนั้ สติตัวจริงก็เกิดขึ้นครับ
ฝึกตามรู้ตามดูความโกรธ
อันนี้ไม่มีอะไรนะครับ ก็แค่สังเกตเห็นว่า มีความโกรธเกิดขึ้น ก็รู้ว่าโกรธ โกรธก็รู้ว่าโกรธ หรือไม่มีความโกรธก็รู้ว่าไม่มีความโกรธ ฝึกตามรู้ตามดูบ่อยๆจะสังเกตเห็นได้เองว่า ในขณะที่โกรธ จิตกำลังไปรู้ที่ความโกรธ ในขณะที่รู้ความโกรธ ในขณะนั้นลืมกายลืมใจ มีแต่ความโกรธล้วนๆ ในขณะที่โกรธจิตไม่ได้รู้ถึงความมีอยู่ของกาย ไม่รู้ถึงความมีอยู่ของใจ รู้แต่ความโกรธอย่างเดียว (อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าตรรกะดีๆ ก็จะสังเกตได้ว่า ที่แท้ เวลาที่โกรธ ก็เผลอไปโกรธนั้นเอง เพราะความเผลอเป็นกิเลสพื้นฐานที่ก่อให้เกิดกิเลสตัวอื่นๆนั่นเอง)
ฝึกตามรู้ตามดูการเคลื่อนไหวของกาย เมื่อทำกิจกรรมต่างๆ
ตรงนี้ก็ง่ายๆ ในระหว่างที่ทำกิจกรรมอะไรก็ตาม ก็คอยสังเกตกายที่เคลื่อนไหว แต่ไม่ต้องไปกำหนดว่าจะสังเกตตรงไหน แต่ใจของเราไปรู้ที่ตรงไหน ตรงส่วนไหนของกาย ก็รู้ตรงนั้น หรือจะรู้ว่าจิตไปรู้ที่ร่างกายตรงนั้นก็ได้ คอยฝึกไปเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นเองว่า ในขณะที่จิตไปรู้ที่ตรงไหน จิตจะไปอยู่ที่ตรงนั้น หรือไปแปะอยู่ที่ตรงนั้นเลย โดยการสังเกตเห็นว่า ในขณะที่จิตไปรู้ที่ตรงนั้น จิตจะไม่ได้รับรู้อะไรที่อื่นเลย มีแต่ที่ตรงนั้นเพียงอย่างเดียว อย่างนี้ก็ใ้ช้ได้นะครับ
ไม่ทราบว่าจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆหรือเปล่า แต่ก็อยากจะแนะนำว่า หากไม่รีบร้อน ก็ขอแนะนำให้ฟังพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี นะครับ ไม่ต้องกลัวว่าศึกษาจากครูบาอาจารย์หลายองค์แล้วจะสับสน เพราะหลวงพ่อปราโมทย์ ในสมัยที่เป็นฆราวาส ท่านก็เคยอ่านงานของหลวงพ่อพุทธทาสมาเหมือนกัน และได้เคยสนทนากับหลวงพ่อพุทธทาสด้วย อีกทั้งคำสอนของท่านก็ไม่ได้ขัดกับคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาสด้วย ลองฟังดูนะครับ ไปที่
http://www.wimutti.net/pramote/
ให้เลือกฟังที่ท่านแสดงที่ศาลาลุงชิน (ศาลากาญจนาภิเษก) เรียงลำดับมาตั้งแต่ครั้งที่ 1 มาตามลำดับนะครับ
หากชอบอ่านหนังสือ ลองอ่านหนังสือที่มีการถอดพระธรรมเทศนาของท่าน เรื่อง กุญแจสู่ความรู้แจ้ง
หรือจะอ่านหนังสือที่ท่านเขียนขึ้นก็ได้ ลองอ่านหนังสือ "แด่เธอผู้มาใหม่", วิถีแห่งความรู้แจ้ง, ประทีปส่องธรรม, ทางเอก ซึ่งมีไฟล์ pdf อยู่ อ่านแล้วสนใจ อยากที่จะได้ไว้อ่านอีกเป็นหนังสือ ก็ลองส่งเมล์มาที่ [email protected] จะลองถามๆกับหมู่เพื่อน ว่ามีท่านใดมีหนังสือที่คุณตะเกียงแก้วสนใจ หากมีจะจัดส่งไปให้ หรืออาจติดต่อที่ห้องสมุดธรรมะบ้านอารีย์ ที่ http://www.baanaree.net/ ก็ได้นะครับ
ขอให้เจริญในธรรมครับ
____________________________________
รู้กาย
รู้ใจ
รู้ซื่อๆ...
รู้สบายๆ...
เพียรรู้ไปเรื่อยๆ...
http://www.wimutti.net/
ดูจิต... ด้วยความรู้สึกตัว
รายการวิทยุ ธรรมะ บ้านอารีย์
AM 1251 KHz
วันเสาร์ 08:00 - 10:00 น.
http://vacharaphol.hi5.com
http://vacharaphol.exteen.com/
สวัสดียามเช้าที่สดใสของวันทำงานอีกวันครับ
เมื่อพระอาทิตย์ฉายแสง เป็นสัญญาณให้มนุษย์ทำงานส่วนใหญ่ ทยอยออกจากรังนอน ไปทำภารกิจหน้าที่ ซึ่งผมเองก็เฉกเช่นนั้นครับ
จะเห็นว่า เราเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆเลย วิถีปฏิบัติก็เหมือน คล้ายคลึงกับคนส่วนใหญ่...เราต่างเหมือนกัน
ผมพยายามจะโยงไปถึง เราล้วนแต่เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ผมเคยสนทนาแลกเปลี่ยนกับกัลยาณมิตร(ธรรม) ท่านหนึ่ง ว่าผมศึกษาตำรา ว่าด้วยปริยัติธรรม และผมคิดว่าการเรียนรู้เต็มที่นั้น ทำให้เราฉลาด มีปัญญา พัฒนาจิตพัฒนาตนเองได้....นั่นคือ ความเชื่อเบื้องแรก
เวลาต่อมาผมได้มาถอดบทเรียนกับตัวเองว่า ตรงนั้นไม่ใช่แก่นของการเรียนรู้ธรรมเลย การเรียนรู้เพื่อพัฒนาจิต พัฒนาชีวิต ไม่น่าจะใช่ การอ่านเรียนรู้แบบเดียว ที่เขียนศัพท์ในบันทึกนี้ ว่า "ธรรมสัญญา"
จริงๆ ทุกอย่างมีคำตอบอยู่ที่ "การปฏิบัติ" การปฏิบัติพากเพียรต่างหากที่ทำให้เราได้เรียนรู้ และเราถอดบทเรียนชีวิตผ่านเรื่องราวที่เราเข้าไปเรียนรู้
ปฏิบัติช่วยให้แจ้ง...
ไม่กี่วันก่อน เดินทางไปพร้อมกับอาจารย์อาวุโสท่านหนึ่ง ท่านกล่าวขึ้นมาลอยๆว่า "คนที่สูงได้ ก็เป็นคนที่ผ่านการปฏิบัติ" ท่านกล่าวสั้นๆ โดยไม่มีที่มาที่ไปของบริบทคำพูดนี้ แต่ผมก็เข้าใจในทันที
ผมโชคดีครับที่ได้รู้จักกัลยาณมิตร (ธรรม) ทุกท่าน และอาจารย์เด็กข้างบ้าน (ธรรมดา) ด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเอก
สวัสดีอีกรอบครับ
อาจารย์ เด็กข้างบ้าน (ธรรมดา) ส่งที่อยู่มาทาง e mail อีเมลติดต่อ ผมด้วยครับ