มีอาจารย์ท่านหนึ่งถามขึ้นมาในเวทีเสวนา “การจัดการความรู้สู่คนไทยสุขภาพดี” ว่าจำเป็นไหมกับการ Share Vision และ Share ประสบการณ์ ทำหรือไม่ทำอย่างไหนจะเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ กว่ากัน ผมเองรอคำตอบตลอดงานในเช้าวันนั้น มีคนมาเล่าอะไรเยอะแยะไปหมด จนผมเกือบจะลืมคำถามอาจารย์ท่านนั้นไป ผมออกไปเข้าห้องน้ำพักนึงแล้วเข้ามา ปรากฏว่า เวทีเสนากำลังสรุปพอดีผมคงพลาดอะไรไปซะแล้ว ในวันนั้นผมเตรียมที่จะช่วย Share คำตอบอยู่เหมือนกัน แต่ก็มองหน้า CKO และท่านผู้อำนวยการอยู่เกรงว่าจะเสียมารยาท ดีไม่ดีจะทำให้ทุกคนขายหน้าได้
แต่มาคิดดูในมุมคนทำงานเล็กๆ อย่างผมก็ไม่มีอะไรจะเสียซักหน่อย นี่มันเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้นี่นา อย่างน้อยผมจะได้ทราบเสียทีว่าสิ่งที่เราเข้าใจนั้นชาวโลกเขาจะว่าอย่างไรบ้าง? ผมมีประสบการณ์ตรงเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่คงไม่ใช่มุมที่ยิ่งใหญ่อะไรนักแต่เป็นสิ่งที่ผมนึกถึงเมื่อไหร่ก็มีความสุขทุกทีเลยครับ ผมเองแม้จะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่โสตทัศนศึกษาในศูนย์อนามัยที่ 5 ซึ่งเป็นงานเล็กๆ ที่ผมรัก แต่ผมก็มีโอกาศได้ทำงานที่ถนัดอีกอย่างนึงด้วย ซึ่งแตกต่างกันเลยนั่นคือการเป็นวิทยากร “การนวดแผนไทย” ร่วมกับวิทยากร ของสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค 5 นครราชสีมา มาแล้วหลายรุ่น ผมนำ KM มาใช้ในการอบรม ท่านลองนึกดูนะครับในการจัดอบรมแต่ละครั้ง มีเวลาจำกัด มีคนที่มาอบรมที่มีความแตกต่างกันมากในด้านต่างๆ ในความแตกต่างนั้นครั้งหนึ่ง เคยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้จัดการร้าน คนงานในไลน์ผลิต แม่บ้าน คนว่างงาน ผู้สูงอายุ เด็กและเยาวชน (ซึ่งตามระเบียบแล้วไม่สามารถสมัครเข้ามาได้แต่ในทีมเห็นว่าเรื่องการเรียนรู้สำคัญกว่าใบประกาศค่อยว่ากันทีหลัง) ความแตกต่างเหล่านี้มีความเหมือนเพียงอย่างเดียวนั้นคือเป้าหมายของทุกคนคือ “ต้องการเรียนรู้เรื่องนวดแผนไทย” สำหรับใครจะมี Vision อย่างไร หรือมีประสบการณ์อย่างไรแล้ว ไม่ใช่ปัญหาแต่จะเป็นประโยชน์เสียอีกที่จะทำให้ทีมผู้จัดอบรมทราบข้อมูลพื้นฐานและเตรียมจัดการกับมันได้อย่างลงตัว ผมทำกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหลายๆ เรื่อง เช่นกลุ่มคนที่อยากเปิดร้าน กลุ่มคนที่อยากทำงาน กลุ่มที่เอาไว้คอยดูแลคนในครอบครัว กลุ่มคนมือใหม่ การอบรมเป็นได้อย่างคล่องตัว ทุกคนรักและช่วยเหลือกัน คนที่เก่งเรื่องภาษาหรือวิชาการก็มีส่วนช่วยวิทยากรได้มาก ผมเห็นพี่หลายคนมีการเตรียมความพร้อมให้เพื่อนที่มีความรู้น้อยกว่าทำความเข้าในบทเรียนช่วยเราได้มาก คนที่มีประสบการณ์การเรียนเรื่องนี้มาบ้างแล้วจะแนะนำคนอื่นๆ เพื่อให้การเรียนไม่ล่าช้าเป็นไปตามเวลาที่กำหนด เพราะทุกคนมีเป้าหมายหลักอันดับแรกในสิ่งเดียวกัน สุดท้ายทุกคนสอบผ่าน หลายคนได้ทำงานใหม่ บางคนเปิดร้านเอง บางคนไปถ่ายทอดต่อให้ชุมชนของตนเอง พี่ๆ บางคนเชิญผมไปทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหน่วยงาน ถึงตอนนี้บางทีบางคำถามมันก็มีคำตอบต่อเมื่อลงมือทำ เพราะแค่ฟังหรือพูด จะให้สวยหรูแค่ไหนก็ย่อมทำได้ แต่ถ้าเราทำเองกับมืออย่างเต็มความรู้ความสามารถอย่าไปจำกัดมันแค่ที่คนอื่นขีดกั้น เพราะความสุขที่แท้จริงนั้นอาจจะมาจากงานที่รักหรืองานที่ถนัดก็ได้ใครจะรู้....
คุณหล่ะ ค้นพบสิ่งที่คุณรักและมีความสุขกับมันแล้วหรือยัง