ครูนอกระบบ
นาง ณัฐนิธิ อารีย์ อักษรวิทย์

ปรัชญาคืออะไร?


คืออะไร?



ปรัชญาคืออะไร

โดย...ปรีดี พนมยงค์

 

            ข้อ  ๑. คำว่า  ปรัชญา  เป็นคำสันกฤต  ซึ่งตรงกับคำบาลี  “ปัญญา” 

            ความหมายเดิมของคำนี้คือ  ความรู้แจ้ง,  ความรอบรู้,  ความสุขุม,  ความฉลาด

            ข้อ  ๒.  เมื่อประมาณ  ๘-๙ ปี  ก่อนเปลี่ยนการปกครอง  พ.ศ.  ๒๔๗๕  มีผู้นำเอาคำ  ปรัชญา  มาใช้เป็นศัพท์  เพื่อเทียบชื่อของวิชาที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า  Philosophy  (ออกสำเนียง  “ฟีลอสโซฟี”)  ครั้นแล้วปทานุกรมและพจนานุกรมของทางราชการได้บรรจุคำนี้ไว้ในหนังสือเหล่านั้น โดยให้ความหมายของคำนี้ตามความหมายของคำอังกฤษ  “ฟีลอสโซฟี”  ที่ปรากฏอยู่ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษบางเล่ม  ดังจะเห็นได้จากการที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานแสดงไว้  ดังนี้

            ปรัชญา  (ปรัดยา)  (น.)  วิชาว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริง (ส.) (อ. Philosophy)

            ดังนั้น คำ ปรัชญา  ที่ใช้ในประเทศไทยขณะนี้จึงมีความหมายตามคำ  “ฟีลอสโซฟี”  ในภาษาอังกฤษไปเสียแล้ว  มิใช่ความหมายเดิมที่ตรงกับคำว่า  “ปัญญา”  ในภาษาบาลีตามที่กล่าวในข้อ  ๑.

            ข้อ  ๓.  ปรัชญามีหลายสำนัก  สำนักหนึ่ง ๆ ก็นิยามคำ  “ฟีลอสโซฟี”  ไว้เฉพาะ  จึงมีคำนิยามผิดเพี้ยนระหว่างสำนักนั้น ๆ บุคคลหรือคณะบุคคลใดที่แต่งพจนานุกรมภาษาอังกฤษก็นิยามคำ  “ฟีลอสโซฟี”  ให้สอดคล้องกับสำนักที่ตนเลื่อมใส  ดังนั้นความหมายของปรัชญา  ในข้อ  ๒.  จึงเป็นไปตามคำนิยามของ  สำนักใดสำนักหนึ่ง

            ข้อ  ๔.  คำว่า  “หลักแห่งความรู้”  นั้น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอาจแปลมาจากคำอังกฤษ  “นอลิดจ์”  (Knowledge)  ซึ่งถ้าเทียบกับคำบาลีแล้วได้แก่  คำว่า  “วิชชา”  ส่วนคำว่า  “ความจริง”  พจนานุกรมฉบับนั้นอาจแปลมาจากคำอังกฤษ  “ทรูธ”  (Truth)  ซึ่งตามความหมายสามัญได้แก่  “ความจริง” หรือ  “สัจธรรม”  แต่ในทางปรัชญานั้นหลายสำนักใช้ไปในความหมายเช่นเดียวกับคำว่า “เรียลิที้”  (Reality)  คือ  สิ่งแท้ หรือ  สภาวะที่แท้  ซึ่งถ้าจะเทียบคำบาลีก็น่าจะได้แก่คำ  “สุทธิ”

            ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ต่อไปเบื้องหน้าว่าขอบเขตของวิชานี้มิใช่จำกัดอยู่เพียงที่กล่าวข้างบนเท่านั้น

            ควรสังเกตว่า  แม้ในขณะนี้เราจะยังพิจารณาไปไม่ถึงว่าประเด็นของวิชานั้นมีอะไรบ้าง  คือจะถือเอาคำนิยามของราชบัณฑิตยสถานว่า  “วิชาว่าด้วยหลักแห่งความรู้และความจริง”  เท่านั้นก็ตาม  เราก็จะเห็นได้ว่ามนุษยชาติที่พัฒนามาแล้วตั้งแต่โบราณกาลย่อมแสวงหาความรู้ที่กล่าวนี้  และคนไทยเราก็มิได้ยกเว้นจากการนั้น  ฉะนั้นเรื่องของวิชา  “ฟีลอสโซฟี”  จึงต้องมีอยู่แล้วในประเทศไทย  โดยมีชื่อเป็นภาษาไทยหรือภาษาสันสกฤตบาลีที่คนไทยได้รับเอามาเป็นภาษาไทย  การตั้งศัพท์ใหม่ว่า  “ปรัชญา”  อาจทำให้บางท่านเข้าใจผิดไปได้ว่าเป็นวิชาใหม่ที่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน

            อย่างไรก็ตาม  เมื่อพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถานได้รับรองบัญญัติคำ  “ปรัชญา”  ให้มีความหมายตรงกับคำ  “ฟีลอสโซฟี”  ในภาษาอังกฤษ  และโดยเฉพาะไม่ผิดความหมายถึงกับตรงกันข้าม  เราจึงอาจใช้คำ  “ปรัชญา”  เสมือนเป็นสัญญาณชนิดหนึ่งที่มีความหมายตรงกับคำว่า  “ฟีลอสโซฟี” 

            ส่วนการค้นคว้าหาความหมายของคำ  “ปรัชญา”  ปัจจุบันนี้จักต้องเป็นไปตามคำ  “ฟีลอสโซฟี”  แล้วเปรียบเทียบกับคำที่คนไทยเราเคยใช้มาก่อนในเรื่องนั้น

            ข้อ  ๕.  สำหรับท่านที่สนใจในการเทียบเคียงศัพท์ทางปรัชญายุโรปที่สืบมาจากภาษกรีกโบราณและลาตินฝ่ายหนึ่ง  กับศัพท์ไทยที่สืบมาจากสันสกฤตและบาลีอีกฝ่ายหนึ่ง  โปรดสังเกตด้วยว่า  ภาษากรีก,  ลาติน,  บาลี, เป็นภาษาที่อยู่ในตระกูลภาษา  “อินโดยุโรเปียน”  ด้วยกัน  หลายคำมีมูลมาจากที่เดียวกัน  แต่เนื่องจากเผ่าต่าง ๆ แห่งตระกูลนี้กระจัดกระจายแยกย้ายกันไป  จึงมีการพัฒนารูปภาษาและความหมายผิดเพี้ยนกันได้

            นอกจากนั้น  ภาษาทั้ง  ๔  นี้  มีสัญลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงคำโดยวิภัตติและมีการแผลงสระพยัญชนะและการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ  ซึ่งแม้แต่ในสาขาภาษาหนึ่ง ๆ นั้นเองก็ทำให้เห็นรูปของคำแตกต่างกัน  เช่นคำว่า  “พุทธ”  ในภาษาบาลีนั้น ถ้าใช้เป็นคำ ประธาน  ก็เป็น  “พุทโธ”  ถ้าใช้เป็นว่า  ไปกับพระพุทธเจ้า  ก็เปลี่ยนวิภัตติเป็น  “พุทเธน”  ถ้าพูดว่า  ถวายของแก่พระพุทธเจ้า  ก็เปลี่ยนวิภัตติเป็น  “พุทธสฺส”  ฯลฯ  ส่วนสระนั้นก็เปลี่ยนแปลงได้ เช่นคำไทยที่มาจากสันสกฤตเปลี่ยน  “โอสาน”  เป็น  “อวสาน”  เป็นต้น  ในระหว่างกรีกโบราณกับสันกฤตก็มีการแผลงศัพท์  เช่นคำว่า  “สว”  ในภาษาสันสกฤตที่แปลว่า  ตนของตน  นั้น  แผลงเป็น  “โส”  ซึ่งตรงกับคำกรีกโบราณ  “โซ”  (หรือ  “โส”)

            ดังนั้น  แม้ว่าภาษาทั้งสี่นี้จะอยู่ในตระกูลเดียวกัน  แต่รูปภายนอกอาจเพี้ยนกัน  ส่วนมูลศัพท์ของหลายคำยังคงคล้ายกันอยู่  น่าสังเกตว่าอักขระสันสกฤตที่เขียนเป็นอักษรโรมันว่า  DH  หรือเขียนเป็นพยัญชนะไทย  “ธ”  นั้น  กรีกโบราณออกสำเนียง  “ส”,  BH  (ภ)  และ  P  (ป)  กรีกโบราณออกสำเนียง  “ฟ”,  สระ  “โอ”  สันสกฤตนั้นบางทีกรีกโบราณออกสำเนียง  “โอ”  ยาว  บางทีออกสำเนียง  “โอะ”  บางทีออกสำเนียงเป็น  “อด”

            อนึ่ง  ในการศึกษาค้นคว้าความหมายของคำอังกฤษ  “ฟีลอสโซฟี”  เป็นการจำเป็นที่ต้องอ้างคำในภาษาต่างประเทศบ่อยครั้ง  ผู้เรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ได้พยายามเขียนทับศัพท์คำเหล่านั้นตามอักขรวิธีไทย  แต่ต้องขอทำความเข้าใจกับผู้อ่านไว้ก่อนว่าการใช้อักขระไทยทับศัพท์เช่นนั้นจะให้ออกสำเนียงตรงเผงทีเดียวไม่ได้  เพราะอักขรวิธีของไทยต่างกับของภาษาต่างประเทศเหล่านั้น  ทำนองกลับกันคือ  ถ้าคนอังกฤษใช้อักขระของเขาเขียนทับศัพท์ไทยก็ผิดเพี้ยนไปได้มาก แม้ภาษาต่างประเทศนั้น ๆ เอง  เช่นภาษาอังกฤษ  ก็ปรากฏว่าชนชาติที่พูดภาษาอังกฤษด้วยกันแต่ออกสำเนียงต่างกัน  เช่นออสเตรเลียนและอเมริกันออกสำเนียงอังกฤษต่างกับคนที่อยู่ในสหราชอาณาจักร  และคนอังกฤษที่อยู่ในสหราชอาณาจักรเองก็ออกสำเนียงผิดเพี้ยนกันตามท้องที่หรือเผ่าที่มีสัญลักษณ์เฉพาะได้  อนึ่งภาษากรีกโบราณและลาตินนั้นชาวยุโรปปัจจุบันออกสำเนียงผิดเพี้ยนกันอยู่หลายวิธี  อาทิ  วิธีอังกฤษ,  วิธีฝรั่งเศส,  วิธีอิตาเลียน,  วิธีกรีกปัจจุบัน,  วิธีอเมริกัน  เช่น  คำลาตินที่ลงท้ายด้วย  UM  นั้น  บางวิธีออกสำเนียง  “อัม”  บางวิธีออกเสียง  “ออม”  บางวิธี  “อุม”  ดังนั้น  การเขียนทับศัพท์กรีกลาตินในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นเพียงสำเนียงโดยประมาณเท่านั้น เช่น  UM  เราทับศัพท์เป็น  “อุม”  สระ  IA  ในภาษากรีกโบราณไม่ใช่สระควบ  เช่น  PHIA  เราออกเสียง  “เฟีย”  อนึ่ง เพื่อความสะดวกของผู้อ่านส่วนมากในประเทศไทย  เราจึงทับศัพท์กรีกด้วยอักษรโรมันไว้  แทนการเขียนด้วยอักษรกรีก

            ข้อ  ๖.  คำอังกฤษ  “ฟีลอสโซฟี”  แห่งยุคใหม่สืบมาจากคำอังกฤษยุคกลางที่ยืมเอาคำฝรั่งเศสโบราณ  Philosophie,  Filosofie  (ฟีโลโซฟี)  มาใช้คำฝรั่งเศสโบราณนี้มาจากคำลาติน  Philosophia  (ฟีโลโซฟียา)  ที่แผลงมาจากคำกรีก  ฟีลสโซเฟีย

            พจนานุกรมภาษาอังกฤษบางเล่มย่อมบอกไว้ว่า  คำกรีก  ฟีลสโซเฟีย  ประกอบด้วยศัพท์  ”ฟิลส”  กับ  “โซเฟีย”  “ฟิลส”  เทียบกับคำอังกฤษ  Loving of  คือ  ความรัก  หรือ ความพอใจ  สิ่งใดสิ่งหนึ่ง  “โซเฟีย”  เทียบกับคำอังกฤษ  “วิสดม”  (Wisdom)  และถ้าเปิดพจนานุกรมภาษาสันสกฤตเป็นอังกฤษก็จะพบคำว่า  “ปรัชญา”  มีความหมายหลายอย่าง  รวมทั้ง  “วิสดม”  ด้วย  ดังนั้น  บางท่านอาจคิดว่าคำอังกฤษ  “ฟิลอสโซฟี”  พบกับคำปรัชญาได้ที่คำ  “วิสดม”

            คำ  “วิสดม”  เป็นคำในตระกูลแองโกลแซกซอน  หมายความว่า  การวินิจฉัยอย่างถูกต้อง,  ปัญญา,  ความฉลาด

            เมื่อเอาคำว่า  “ปรัชญา”  เทียบกับคำ  “วิสดม” แล้ว  ก็ยังขาดคำเทียบอีกคำหนึ่ง  คือคำ  “ฟิลส”  ซึ่งแปลว่า  ความรัก หรือ  ความพอใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  คำนี้นำหน้าคำ  “โซเฟีย”  อันเป็นประเด็นสำคัญของการที่ชาวกรีกโบราณได้ประกอบศัพท์นั้นขึ้น  แทนที่จะใช้  “โซเฟีย” ลอย ๆ

            ข้อ  ๗.  วิชาที่ชาวอังกฤษเรียกว่า  “ฟิลอสโซฟี”  นั้นได้เริ่มจับความมาตั้งแต่ทรรศนะของ  ธาลีส  (Thales)  เมธีกรีกโบราณแห่งสำนัก  “ไอโอเนียน”  (Ionian)  ธาลีสมีชีวิตอยู่ประมาณระหว่าง  ๖๔๐  ปีถึง  ๕๔๕  ปีก่อนพระเยซูเกิด  สำนักนั้นได้ทำการค้นคว้าว่าธาตุหรือสารใดเป็นสมุฏฐานแห่งโลกและสิ่งทั้งหลาย

            ก.ในสมัยธาลีสและสมัยของเมธีกรีกคนต่อ ๆ มาอีกกว่า  ๑๐๐ ปีนี้มิได้มีศัพท์ที่ใช้เรียกเรื่องที่เมธีกรีกโบราณค้นคว้านั้นว่าเป็นเรื่องไร  ความเห็นของเมธีต่าง ๆ มีอยู่ในเรื่องที่เรียกว่า  บทสาธยาย  บ้าง หรือ  บทความ  อื่น ๆ บ้าง

            แต่สำหรับตัวท่านนักปราชญ์เหล่านั้นได้รับการยกย่องของชาวกรีกเรียกท่านว่า  “โซฟส”

คำสำคัญ (Tags): #อะไร
หมายเลขบันทึก: 205530เขียนเมื่อ 4 กันยายน 2008 09:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท