รื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์กันอย่างไรดี
สายพิน แก้วงามประเสริฐ
จากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถเกี่ยวกับการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย ทำให้กระทรวงศึกษาธิการสนองพระราชเสาวนีย์ด้วยแนวคิดที่จะรื้อฟื้น ปรับปรุงวิชาประวัติศาสตร์ให้มีความเข้มข้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เดิมก่อนปฏิรูปการศึกษาเปลี่ยนแปลงหลักสูตรการศึกษานั้น วิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่ถูกบรรจุให้เด็กทุกคนต้องเรียน เป็นวิชาหนึ่งต่างหากจากวิชาสังคมศึกษา แต่ปฏิรูปแล้ว วิชาประวัติศาสตร์ถูกบรรจุไว้เป็น 1 ใน 5 สาระ รวมเป็นวิชาสังคมศึกษาที่ครูสังคมทุกคนต้องสอน ไม่ว่าจะเชี่ยวชาญการสอนประวัติศาสตร์หรือไม่ก็ตาม หรือครูที่เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์แทนที่จะได้ใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองให้เป็นประโยชน์ กลับต้องสอนทั้งพระพุทธศาสนา หน้าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ขณะที่ครูที่ไม่เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ก็ต้องสอนประวัติศาสตร์
การปฏิรูปการศึกษาจึงเป็นเหมือนการใช้คนไม่เหมาะกับงาน อีกทั้งการนำวิชาประวัติศาสตร์ไปเป็นส่วนหนึ่งของวิชาสังคมศึกษา ทำให้มีเวลาเรียนในเรื่องเหล่านี้น้อย หากโรงเรียนใดจะเปิดสอนวิชาประวัติศาสตร์ต่างหากอีก 1 วิชา ต้องเป็นโรงเรียนที่มีครูกลุ่มสาระฯสังคมศึกษาฯอย่างเพียงพอ เนื่องจากเฉพาะวิชาบังคับที่เรียนถึง 5 สาระ ต้องสอนกันไม่ต่ำกว่าสัปดาห์ละ 3 – 4 ชั่วโมงอยู่แล้ว แม้แต่โรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีครูวิชานี้ 10 กว่าคน ยังมีครูไม่เพียงพอที่จะเปิดสอนวิชาเพิ่มเติมประวัติศาสตร์เท่าใดนัก
หากกระทรวงศึกษาธิการเห็นว่าวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่สำคัญ จำเป็นต้องเรียนอย่างเข้มข้นด้วยความเอาใจใส่แล้ว คงต้องแยกเนื้อหาประวัติศาสตร์ที่เด็กควรจะเรียนทั้งหมดออกจากการเป็นสาระหนึ่งของวิชาสังคมศึกษา เพราะหากเรียนประวัติศาสตร์ทั้งในวิชาเพิ่มเติม และวิชาพื้นฐาน อาจทำให้เนื้อหาซ้ำซ้อนกัน
อีกทั้งแทนที่จะได้ครูที่เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์มาสอนโดยตรง ครูส่วนนี้คงต้องไปสอนในสิ่งที่ตนไม่เชี่ยวชาญในสาระอื่น ๆ ย่อมไม่เป็นประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาเท่าใดนัก
เมื่อกำหนดให้เด็กทุกคนต้องเรียนวิชาประวัติศาสตร์ และดึงวิชาประวัติศาสตร์ออกมาสอนโดยเฉพาะแล้ว แต่ละโรงเรียนคงมีครูประวัติศาสตร์ไม่เพียงพอ สิ่งที่จำเป็นคือ การจัดอบรมครูประวัติศาสตร์ ซึ่งควรนำผู้มีความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ อบรมครูเพื่อให้เข้าใจวิธีการทางประวัติศาสตร์ และสามารถนำวิธีการเหล่านี้มาใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดสภาพการเรียนการสอนประวัติศาสตร์แบบท่องจำ หรือสอนในเรื่องราวที่ไม่ทันสมัย ไม่ทันความเปลี่ยนไปในปัจจุบัน เนื่องจากหลายเรื่องราวในประวัติศาสตร์ มีความน่าเชื่อถือ ยอมรับเปลี่ยนแปลงไปตามข้อมูลหลักฐานที่ค้นพบมากขึ้น หากครูไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวในแวดวงประวัติศาสตร์ ย่อมไม่อาจเข้าถึงการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการจัดการเรียนการสอนได้
อีกทั้งการเรียนประวัติศาสตร์ด้วยการท่องจำย่อมทำให้นักเรียนเบื่อ และมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อวิชานี้ ทำให้พลอยไม่อยากเรียน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ววิชาประวัติศาสตร์ไม่ใช่วิชาที่น่าเบื่อ แต่เป็นวิชาที่สามารถเรียนให้สนุกสนาน ฝึกการคิดวิเคราะห์ สามารถคิดและมองเรื่องเดียวกันในมุมมองที่แตกต่าง ภายใต้การใช้หลักฐานการค้นคว้าและเหตุผลประกอบได้
วิชาประวัติศาสตร์ไม่ใช่วิชาที่จะบอกว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างเท่านั้น แต่เป็นวิชาที่พยายามอธิบายว่าเพราะเหตุใดเหตุการณ์เหล่านี้จึงเกิดขึ้น และทำอย่างไรเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์จะไม่เกิดขึ้น วิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่สอนให้ทบทวนอดีต เพื่อเข้าใจปัจจุบัน และวางรากฐานอนาคตให้มีความมั่นคง เมื่อเป็นดังนี้วิชาประวัติศาสตร์จึงมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย
ดังนั้นนอกจากกระทรวงศึกษาธิการจะวางแผนจัดการสอนประวัติศาสตร์ ให้มีความเข้มข้นกว่าเดิม เตรียมกำลังคนให้พร้อมที่จะสอนประวัติศาสตร์ เพื่อให้รู้ให้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ และเพราะเหตุใดจึงเกิดขึ้น กระทรวงศึกษาธิการก็น่าจะทำการสังคายนาตำราเรียนประวัติศาสตร์กันขนานใหญ่เสียที ทั้งเรื่องที่ล้าหลังไม่ทันสมัย ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์รองรับคำอธิบาย เป็นเพียงเรื่องที่เคยเล่าเรียนกันสืบต่อมาเท่านั้น หรือบางเรื่องหมดยุคสมัยที่จะอธิบายแล้วก็ตาม เช่น เรื่องคนไทยมาจากไหน เพราะทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมคนไทยต้องมาจากที่อื่น ทั้งที่ดินแดนที่เป็นประเทศไทยในปัจจุบันมีการตั้งถิ่นฐานของชุมชนมนุษย์มาเป็นเวลาหลายพันปีแล้วก็ตาม ซึ่งมีหลักฐานรองรับมาอย่างยาวนาน รวมทั้งทำไมสุโขทัยต้องเป็นอาณาจักรแห่งแรกของคนไทย
นอกจากนี้ในส่วนของเนื้อหาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เนื้อหาประวัติศาสตร์ส่วนใดที่ก่อให้เกิดการพิพาทบาดหมาง หรือเข้าข่าย “ยกตนข่มท่าน” ซึ่งเป็นเรื่องที่เรียนแล้วก็ไม่สร้างสรรค์เท่าใดนัก น่าจะมีการสังคายนาเนื้อหาในส่วนนี้ หากต้องการสร้างสรรค์ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน
การรื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียน ไม่ใช่แค่มีการสอนวิชานี้ในโรงเรียนเท่านั้น คงต้องรื้อกันตั้งแต่โครงสร้างหลักสูตรที่ควรดึงสาระประวัติศาสตร์ออกมาเป็นวิชาหนึ่งต่างหาก เพื่อจะได้จัดครูที่มีความพร้อมที่จะสอนประวัติศาสตร์โดยเฉพาะ และไม่ให้มีปัญหาข้อจำกัดด้านเวลาที่ใช้ในการสอน หากไปรวมกับสาระอื่น ๆ อาจทำให้เวลาที่ใช้สอนถูกยืดหยุ่นตามความถนัดของครูผู้สอนในแต่ละสาระ
นอกจากนี้เมื่อแยกวิชาออกมาต่างหากเหมือนในอดีตแล้ว ก็ควรจัดชำระสะสางเนื้อหาที่ล้าหลังออกไป และนำเนื้อหาที่คิดว่าควรจะเรียน แต่ยังไม่ได้เรียน ซึ่งล้วนแต่เป็นประโยชน์ที่จะให้นักเรียนคิดวิเคราะห์เป็น มองเห็นข้อบกพร่องของอดีต ที่ควรนำมาเป็นแบบอย่างให้หาวิธีการแก้ไขระมัดระวังป้องกันไม่ให้บรรยากาศ หรือสถานการณ์พาไป อันจะนำไปสู่ข้อผิดพลาดในปัจจุบันได้ เพราะวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่มุ่งเรียนเพื่อทบทวนอดีต ให้เข้าใจปัจจุบัน เพื่อความมั่นคงของอนาคต
การเตรียมความพร้อมให้กับครูที่สอนประวัติศาสตร์ ด้วยการฝึกอบรมสัมมนาให้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ จนสามารถนำไปใช้จัดการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี และให้ครูมีโอกาสเข้าร่วมเสวนาทางประวัติศาสตร์ โดยการเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ที่ทันสมัยมาให้ความรู้ และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้ครูผู้สอนได้เห็นความเคลื่อนไหวในแวดวงประวัติศาสตร์ และสามารถนำความรู้ ประสบการณ์ไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้
ในส่วนทัศนคติของเด็กที่มีต่อวิชาประวัติศาสตร์ ที่เห็นว่าเป็นวิชาที่น่าเบื่อ เป็นอุปสรรคต่อการเรียนประวัติศาสตร์อยู่ไม่น้อย การที่จะให้เด็กมีทัศนคติที่ดีต่อวิชานี้ คงต้องแก้ไขที่ระบบการเรียนการสอน ที่ไม่ควรเน้นให้เด็กท่องจำจนกลายเป็นความยุ่งยากในการเรียน ครูควรแสดงความสามารถให้เห็นว่า เด็กสามารถนำวิธีการทางประวัติศาสตร์ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ และสร้างบรรยากาศการเรียนประวัติศาสตร์ด้วยความสนุกสนาน ให้นักเรียนกล้าคิด กล้าแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อกันได้ เด็กน่าจะมีทัศนคติต่อวิชานี้ดีขึ้น ทำให้มีความพร้อมที่จะเรียน ย่อมส่งผลให้เรียนได้ดี
แนวคิดที่จะรื้อฟื้นการสอนประวัติศาสตร์ให้เข้มขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อม ตั้งแต่หลักสูตรการเรียนที่เหมาะสมคล่องตัว เนื้อหาทันสมัย น่าสนใจ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และท้าทายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของเด็ก ครูมีเทคนิคการสอนประวัติศาสตร์ที่ดี สิ่งเหล่านี้ย่อมทำให้การรื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ประสบความสำเร็จในการจัดการศึกษา มากกว่าที่จะเห็นอยู่บ่อย ๆ ว่ากระทรวงศึกษาฯคิดจะรื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ทุกครั้งที่มีกระแสสังคมเรียกร้องเท่านั้น แล้วสุดท้ายไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม
ในความคิดหนูก็เห็นด้วยว่าวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่เรียนแล้วสนุก(สำหรับหนู )
เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่ทำให้รู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆๆที่เราควรได้รู้..แต่มีเพื่อนบางคนไม่ชอบเพราะมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ...
ก็เห็นด้วยว่าถ้าปรับปรุงวิชานี้ในหลักสูตรเสียใหม่..ให้เหมาะสม..หัดให้คิดถึงความเป็นไปได้ของเหตุการณ์นั้นๆๆ..ทำเนื้อหาให้น่าสนใจ.น่าอ่าน..ไม่ใช่แค่ให้เรียนวิชานี้เฉพาะเรื่องที่ชาติของเราชนะ..หรือเป็นเรื่องราวที่น่าภูมิใจเท่านั้น..แต่ควรเป็นการให้เรียนหลายๆๆด้าน..ไม่ใช่แค่ด้านเดียวแล้วสอนให้เชื่อ..ไม่อย่างงั้นเมื่อไหร่การเมืองที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ถึงจะมีการพัฒนาเสียที..ยิ่งไม่มีการคิดอย่างมีวิจารณญาณก็ยิ่งคิดอะไรเองไม่เป็น..ถูกคนอื่นมาล้างสมองอยู่เรื่อย...
ไว้จะมาอ่านอีกนะคะ...*0*
ใช่แล้วใบเฟิร์น ความคิดอย่างมีวิจารณญาณจำเป็นมาก และต้องใช้อยู่เสมอในชีวิตประจำวัน วิชาประวัติศาสตร์เรียนให้สนุกก็น่าจะได้ ถ้าใจชอบ แล้วก็สามารถฝึกคิดได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้มองอะไรหลากหลาย แต่คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าเป็นวิชาที่น่าเบื่อ
สวัสดีค่ะ น้องเล็ก
พี่เห็นด้วยค่ะกับทรรศนะในการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ที่ต้องขึ้นกับการเตรียมความพร้อมในการสร้างพื้นฐานความเข้าใจในเรื่องระเบียบวิธีประวัติศาสตร์ ตอนนี้พี่สอนนักศึกษาในหลักสูตรประวัติศาสตร์ที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ก็กำลังประสบปัญหาการสอนประวัติศาสตร์เหมือนกันค่ะ ว่าประวัติศาสตร์เป็นวิชาน่าเบื่อหน่าย เรียนแล้วไม่มีอนาคต
แล้วค่อยคุยกันค่ะ
พี่ยุ่น(สมศรี)
ขอบคุณพี่ยุ่นนะคะ ที่เข้ามาทักทายกัน เล็กว่าที่คนมักจะคิดว่าวิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่น่าเบื่อ เพราะอาจจะคิดไปเองว่าต้องท่องจำเรื่องราวมากมาย แต่ถ้าเด็กกระตือรือร้นที่จะเรียน การเรียนก็จะสนุก เด็กที่เล็กสอนมีอยู่หนึ่งเขาก็อยากเรียนประวัติศาสตร์มาก เพราะจะได้ถกเถียงกับครู หรือกับเพื่อนได้ค่ะ แล้วค่อยกันนะคะพี่ยุ่น
จะเข้ารับการเยียวยาสาระสังคมศึกษาฯ (วิชาประวัติศาสตร์)
อยากได้แนวข้อสอบมากๆค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะช่วยส่งมาให้หน่อยน่ะค่ะ
ส่งมาที่ [email protected]
เล็ก
พี่ว่าขึ้นอยู่กับผู้สอนมากกว่าว่าจะทำให้วิชาประวัติศาสตร์
มีคุณค่าหรือเปล่า
ขรรค์ชย
หวัดดีค่ะพี่หน่อย เป็นอย่างไรบ้างคะ มีข่าวดีหรือยัง
ใช่แล้วค่ะ ครูผู้สอนประวัติศาสตร์ต้องมีความรู้ความเข้าใจและใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์เป็นก่อนแล้วถึงจะสอนได้ดี หรืออย่างน้อยก็สอนให้เด็กมีความคิดอย่างรอบด้านและหลากหลายค่ะ