วันที่ 13 สิงหาคม 2551
เราได้เรียนรู้ หลักการวิเคราะห์และประเมินงานวิจัยในคลินิก(critical appraisal) จาก ท่าน ผศ. พญ. กาญจนา จันทร์สูง
ทำไมเราจะต้องวิเคราะห์และประเมินงานวิจัย
การเรียงลำดับหลักฐานที่ดีที่สุด
หลักการเลือกอ่านงานวิจัย
หลักการพิจารณางานวิจัย
Randomized controlled trial
การสรุปผลวิจัยได้มีการติดตามผลผู้ป่วยทุกรายและจัดกลุ่มผู้ป่วยเหมาะสมหรือไม่
การพิจารณาว่า..มีการปกปิดวิธีการรักษาของแต่ละกลุ่มจากผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาและประเมินผลการรักษาผู้ป่วยหรือไม่
การพิจารณาว่าผู้ป่วยทั้งกลุ่มควบคุม และกลุ่มทดลองได้รับการรักษาอื่น ๆเท่าเทียมกันหรือไม่
การนำผลของงานวิจัยไปใช้ในการตัดสินการรักษาผู้ป่วย
อย่างไร...ก็ตามการพิจารณางานวิจัย อาจต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆอีกหลายประการค่ะ
การบ้าน
ให้อ่านรายงานวิจัยและวิเคราะห์ กลุ่ม 4 อ่าน paper 2
คิดคำถามงานวิจัยของตนและเตรียม Backgroundมาด้วย
สวัสดีครับ พี่แก้ว
ครูโย่ง...อย่าลืมมาช่วยพี่ทำการบ้านนะ
จะให้รางวัล ตอนพี่เรียนจบ
การหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องต้อง
ไปเรียนที่มหาลัย ช่วงนี้
ก็ทำงานวิจัย ส่งอาจารย์อยู่ครับพี่
อิอิ
เครียด ๆๆๆๆอิอิ
แวะมาให้กำลังใจพี่
และมาให้กำลังใจตัวเอง
ฮ่า ๆ เอิ๊กๆ
ถ้าอย่างนั้น เรามาเรียนช่วยกันก็แล้วกันนะ
พี่จะพยายามมาสรุปบทเรียนกันลืมค่ะ
Note เพิ่มเติม
โห พี่สาวเรา
ขยันจริง ๆ
เยี่ยมๆๆ
การวัดผล (Clinical outcome)
ครูโย่ง อ่านแล้วงงไหม บางครั้งพี่ยังงงอยู่เลย
go to bed ดีกว่านะ
การบ้านทำพรุ่งนี้นะ....ครูโย่ง
หรือครูโย่งจะลองทำดูนะ
การบ้าน
คิดคำถามงานวิจัย
Dear PiiKaw,
Your conclution is fantastic. It is understandable. Thanks so much.
Kade
พี่แก้วเขียนตก ฤ เปล่าคะ ...การรักษาที่วิจัยอยู่ซึ่งกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองได้รับ แตกต่างกัน เรียกว่า “conterventions”...co- intervention?
เกศก็เขียนตกเหมือนกันค่ะ conclusion NOT conclution
Thank for evaluate and comment.
Note เพิ่ม
การแก้ไขกรณีมีปัจจัยที่มีผลต่อกลุ่มทดลองและควบคุม แก้โดย ใช้วิธีสุ่มแบบการแบ่งชั้น (Stratified randomization)
โดยแบ่งกลุ่มผู้ป่วยตามปัจจัยที่สำคัญก่อนแล้วค่อยสุ่มเป็น 2 กลุ่ม
ห้องเรียนของเรา ผ่อนคลายด้วยการถ่ายภาพค่ะ
คุณเกศ ก็เป็นนักเรียนรุ่นเดียวกัน
ถึง...พี่แก้ววันก่อนที่จไปประชุมและ presentงานวิจัยที่ Australia เขียนshare ค้างไว้เพราะมีงานด่วนเรื่อง TOR ของหน่วยงานต้อง analyse data เพิ่มเรื่องการจัด EBP ที่จะติดตามและจัดให้กับพยาบาลของเราต่อไป
ขอเล่าเรื่องไป Australia ก่อนค่ะ
อุ..จะบอกพี่แก้ว & พี่เกศ ว่า ความรู้ research methodology ของ short course ที่เรียนมาใช้อย่างมากและมีประโยชน์มากเลยค่ะในการเข้าร่วมฟังการประชุม วิชาการระดับนานาชาติ และต้องใช้ critical appraisal ในระหว่างการฟังการประชุมด้วย รวมทั้งสร้างผลงานวิจัยที่นำไปเสนอที่ Australia ด้วย การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมปลูกถ่ายอวัยวะระดับโลกซึ่งงานใหญ่มากต่างกับหลายประเทศที่ผ่านๆมา ต้องเรียนรู้สถานที่ประชุมซึ่งจัดที่ convention hall center ที่ sidney ต้องวางแผนอ่าน Schedule & Title ก่อนในแต่ละวันว่าจะฟังเรื่องอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ เพราะเนื้อหาเยอะมาก และงานวิจัยมีมากๆเลย เฉพาะ program schedule มีทั้งหมด 339 หน้า ยังไม่รวม Author index ดังนั้นต้องรวดเร็วเพราะต้องได้ความรู้ทั้งจากที่ประชุมใหญ่,siposium ต่างๆ , oral& poster presentation โดยเฉพาะ oral presentation แต่ละเรื่องจะใช้เวลาแค่ 5 นาที กระชับเวลาได้ดีมากได้ใจความเนื้อเรื่องดีด้วย
อุได้ไปฟัง session stat of art ท่าน professor มาเป็น speakerใน hall ใหญ่โดยนั่งรถเข็น และเห็นคุณยายคนหนึ่งเป็นคุณหมออายุคงจะ >60 ปี นั่งรถเข็นมาประชุมและได้มา oral Present เป็นเรื่องที่ดีด้วยซึ่งอยู่ใน Them ที่ hot ด้วยในเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะ เห็นแล้วทึ่งและเป็นข้อคิดกับเราว่า...ขนาดท่านเดินไม่ได้ท่านยังใช้ความรู้ที่ท่านมีอยู่มาใช้สร้างประโยชน์ให้สังคมโลกได้เลย
คุณอุบลรัตน์
ขอบคุณนะคะ..ที่เล่าเรื่องดีดีให้ฟังค่ะ
ยินดีกับประสบการณ์ที่ดีค่ะ
ขอบคุณค่ะพี่แก้ว ตอนนี้ขอมา share กับพี่แก้วก่อนยังไม่เขียนใน blog ของตัวเองเพราะยังยุ่งกับการ analyse ข้อมูล outcomes ของผู้ป่วยปลูกถ่ายไตเพื่อเตรียมการสำหรับปลูกถ่ายไต 30 บาทกับทีม เมื่อเช้าจะ share ใน blog APN ของพี่แก้วด้วยจากที่ไป Australia มา สำหรับน้องที่สอบ APN แต่ยังเข้าไป share ไม่ได้ค่ะ
see you อุบลรัตน์
สวัสดีค่ะ คุณแก้ว หนูชื่อพิมพ์ เป็นนิสิตปริญญาโท กำลังทำวิทยานิพนธ์อยู่ค่ะ งานวิจัยของหนูเป็นการวิจัยเชิงทดลอง มีกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง ชัดเจน ลักษณะงานวิจัยเป็นการให้การปรึกษารายบุคคลค่ะ หนูเห็นมีคำอธิบาย เกี่ยวกับ การ drop out ของกลุ่มตัวอย่าง นู๋เลยอยากจะรบกวนขอคำอธิบายเพิ่มเติม ในเรื่อง Criteria to drop out ค่ะ ว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง ขอรบกวนหน่อยนะคะคุณแก้ว ขอบคุณค่ะ
หนูพิมพ์
Sample size calculation for Intervention study
การคำนวณกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยเชิงทดลองจะเผื่อกลุ่มตัวอย่างที่ Lost ในกระบวนการวิจัย
drop out 10%ของกลุ่มตัวอย่าง
If n = 22
n เผื่อ drop out = 22 /(1-0.1)2
n/ group = 25
My study
The sample size of 41 patients in each group will be chosen because of its feasibility.
The anticipated drop out rate is about 10%. The sample size will be inflated as following:
N = 41 / (1-0.1)2 = 50.62
Finally the required number of patients for each group is 56
Sample size of 56 for each group will be chosen due to its feasibility, In Srinagarind hospital, Overall prevalence of cancer pain prior to admission was 56.5%. There are new cancers cases for all sites in Chemotherapy ward are expected to reach approximately 500 by 2008, Thus Cancer patients with pain experience estimate 280 case per year.
ขอบคุณคุณแก้วมากค่ะ สำหรับข้อมูล การ drop out ของกลุ่มตัวอย่าง หนูได้ข้อมูลเรื่องการ drop out แล้ว เย้ๆ ดีใจ แต่อยากจะรบกวน ขอคำแนะนำเรื่อง Effect size อีกเรื่องนึงค่ะ คือพิมพ์มี ประชากรในมือทั้งหมด 154 คนค่ะ เนื่องจากว่า งานวิจับของพิมพ์เป็นเชิงทดลอง และต้องให้ Intervention กับคนไข้ กรรมการสอบ เลยให้พิมพ์ไปคำนวน หา ES ของมาเพื่อความ Strong ของงาน เพื่อดูว่า จากประชากร 154 คนนี้ หลังจากคำนวน effect size แล้ว จะต้องใช้กลุ่มตัวอย่างเท่าไหร่ พิมพ์เลยไปเปิดตารางของยามาเน่ แล้ว ปรากฎว่าต้องใช้กลุ่มตัวอย่างประมาณ 108 คน พิมพ์ก็เลยปรึกษาอาจารย์ คำตอบคือไม่ใช่ อาจารย์ที่ปรึกษายืนยันว่าต้องคำนวน Effect size ค่ะ พิมพ์เลยอยากจะขอคำแนะนำจากคุณแก้ว เรื่องการกำหนดกลุ่มตัวอย่าง จากประชากร 154 คน ที่มาจากการคำนวน effec size อ่ะค่ะ
พิมพ์หวังว่าจะได้รับความกรุณาจากคุณแก้วเหมือนเช่นเคยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
นู๋พิมพ์
ลองอ่าน effect size ที่นี่ค่ะ